วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
จิตใจของเขาทำด้วยอะไร … ชายผู้อยู่เบื้องหลัง PayPal, Tesla Motors, SpaceX, Solar City นาม Elon Musk
(ภาพจาก wikipedia.org)
วิศวกร นักประดิษฐ์ นักลงทุน นักฟิสิกส์ วัยย่างเข้า 44 ปี นาม Elon Musk เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founder) บริษัทโอนเงินออนไลน์ระดับโลกอย่าง PayPal ก่อนจะขายให้กับ eBay ได้เงินมาหลายพันล้านบาท ร่วมก่อตั้ง Tesla Motor บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบ ร่วมก่อตั้ง SolarCity บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 4 กิกะวัตต์ และเป็นผู้ก่อตั้ง SpaceX ระบบขนส่งวัสดุทางอวกาศที่นำตัวจรวดกลับมาใช้ใหม่ได้ซึ่งมีลูกค้าใหญ่คือ NASA
ในปี 2013 Elon Musk รับเชิญมาให้สัมภาษณ์สดตัวต่อตัวกับ Chris Anderson เจ้าของ TED และนี่คือบทสัมภาษณ์บางส่วนจาก session นี้
คริส แอนเดอร์สัน: อีลอน ความฝันหลุดโลกแบบไหนครับ ที่โน้มน้าวให้คุณคิดจะพยายาม สู้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ และสร้างรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
อีลอน: อืม มันย้อนไปเมื่อผมอยู่ในมหาวิทยาลัย ผมคิดถึงว่า อะไรคือปัญหาที่น่าจะ กระทบต่ออนาคตของโลก หรืออนาคตของมนุษยชาติมากที่สุด ผมคิดว่ามันสำคัญอย่างมาก ที่เรามีการคมนาคมที่ยั่งยืน และการผลิตพลังงานที่ยั่งยืน เหล่าบรรดาปัญหาพลังงานที่ยั่งยืนทั้งหมดนั้น เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่เราต้องทำการแก้ไขในศตวรรษนี้ อย่างอิสระจากการคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม อันที่จริง สมมุติว่า การผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าเรากำลังจะขาดไฮโดรคาร์บอน พวกเราต้องการหาแนวทางการจัดการที่ยั่งยืน
คริส: กระแสไฟฟ้าในอเมริกาส่วนใหญ่มาจาก การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล รถยนต์ไฟฟ้าที่ต่อสายไฟ เข้ากับระบบไฟฟ้าจะช่วยได้อย่างไร
อีลอน: ครับ มีคำตอบอยู่สองประการครับ อย่างแรกก็คือ ถึงแม้ว่าคุณจะนำน้ำมันมา ผลิตเป็นพลังงานที่โรงไฟฟ้า และใช้มันเพื่อที่จะชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มันก็ยังดีกว่า ถ้าคุณใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันไฮโดรคาร์บอนที่พบได้มากที่สุดถ้าคุณเผามันใน กังหันก๊าซธรรมชาติสมัยใหม่ของบริษัท GE คุณจะวัดดัชนีประสิทธิภาพได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณใช้เชื้อเพลิงเดียวกันนี้ในเครื่องยนต์สันดาปภายใน คุณจะวัดดัชนีประสิทธิภาพได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
(ภาพจาก Tesla.com)
คริส: เอาล่ะครับ ลองกลับไปยังการเดิมพันอีกอันหนึ่ง ที่คุณได้ตั้งไว้กับตัวเองผมเดานะครับ ว่ามันค่อนข้างบ้าบิ่นทีเดียวคุณได้ทำเงินจากการขาย เพย์พาว (PayPal) คุณตัดสินใจที่จะสร้างบริษัทอวกาศ ทำไมคุณต้องทำบ้าอะไรอย่างนั้นด้วยครับ (เสียงหัวเราะ)
อีลอน: ผมได้รับคำถามนั้นบ่อยครับ มันก็จริงครับ คุณจะถามว่า “คุณได้ยินเรื่องฮาๆ เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งไม๊ คนที่ทำเงินได้นิดหน่อยจากบริษัทอวกาศไง” แน่ล่ะ “แต่ตอนเริ่มเขาใช้เงินไปเยอะเลย” นั่นเป็นวลีหลักเลยครับ และผมก็บอกคนอื่นว่า เอาล่ะ ผมพยายามที่จะคิดหา วิธีการที่เร็วที่สุด ที่จะเปลี่ยนเงินจำนวนมากให้เหลือนิดเดียว และพวกเขาก็มองผมแบบว่า “เขาเอาจริงหรอเนี่ย”
คริส: และน่าประหลาด คุณก็เอาจริง และมันก็เกิดขึ้นใช่ไหม
อีลอน: หืดขึ้นคอเลยครับ มันเกือบจะไม่ได้ผล พวกเราเกือบที่จะล้มเหลว แต่พวกเราจัดการผ่านจุดนั้นในปี 2008 มาได้เป้าหมายของ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ก็คือ พยายามที่จะสร้างความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีจรวด โดยเฉพาะพยายามที่จะตีปัญหาให้แตก ซึ่งผมคิดว่ามันสำคัญ สำหรับมนุษยชาติที่จะมี อารยธรรมแผ่ขยายไปในอวกาศ ซึ่งก็คือการมีจรวดที่นำทุกส่วน มาใช้ซ้ำได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
(ภาพจาก spacex.com)
คริส: เจ๋งอะไรอย่างนี้ (เสียงปรบมือ) อีลอน คุณทำมันได้อย่างไรกันครับ โครงการเหล่านี้มันช่าง — เพย์พาว โซล่าซิตี้เทสล่า สเปซเอ็กซ์ พวกมันช่างแตกต่างกันอย่างน่าทึ่ง พวกมันเป็นโครงการที่ช่างทะเยอทะยานในระดับยักษ์ เป็นไปได้อย่างไรที่คนคนเดียว สามารถสร้างนวัตกรรมได้แบบนี้ สำหรับคุณว่ายังไงครับ
อีลอน: ไม่ก็ไม่ทราบครับ จริงๆ ผมไม่มีคำตอบที่ดีสำหรับคุณหรอกครับ ผมทำงานเยอะ ผมหมายถึง เยอะเลยครับ
คริส: เอาล่ะ ผมมีทฤษฎีครับ อีลอน: โอเค เอาเลยครับ
คริส: ทฤษฎีของผมก็คือว่า คุณมีความสามารถที่จะคิดในการออกแบบระดับระบบ ที่จะดึงเอาการออกแบบ เทคโนโลยี และธุรกิจ เข้ามารวมกัน ดังนั้น ถ้า TED เป็น TBD ซึ่งย่อมาจาก การออกแบบ เทคโนโลยีและธุรกิจ ในองค์รวมเดียวกันผสมผสานมันในรูปแบบที่น้อยคนจะสามารถทำได้ และ– และนี่คือสิ่งสำคัญ — การรู้สึกโคตรมั่นใจ ในการองค์รวมที่ลงตัว ที่คุณกล้าบ้าบิ่นที่จะเสี่ยง คุณเดิมพันชะตาของคุณไว้กับมันเหมือนว่า คุณจะทำแบบนั้นหลายครั้งหลายทีด้วย ผมหมายถึงว่า แทบจะไม่มีใครเลย ที่สามารถทำแบบนั้นได้ และนั่น เราขอเคล็ดลับบ้างได้ไหมครับ เราจะนำมันเข้ามาในระบบการศึกษาของเราได้อย่างไร ให้ใครสักคนมาเรียนรู้จากคุณได้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำมันช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
อีลอน: ครับ ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ อืม ผมคิดว่ามันมีกรอบสำหรับแนวคิดที่ดี มันเป็นฟิสิกส์ ในแบบที่ว่าเป็นความรู้พื้นฐาน ของการให้เหตุผล โดยทั่วไปแล้วผมคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น ผมหมายความว่า ขบปัญหาต่าง ๆ ลงถึงจุดที่เป็นแก่นความจริง และใช้เหตุผลก่อนมันขึ้นมาจากตรงนั้น ซึ่งมันต่างจากการให้เหตุผลแบบเปรียบเปรย ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ในชีวิตเรา เราใช้ชีวิตเรา โดยใช้เหตุผลแบบเปรียบเปรยอ้างอิง ซึ่งโดยหลักแล้วหมายถึงการลอกเลียนแบบสิ่งที่คนอื่น ๆ ทำโดยมีความแตกต่างไปเล็กน้อย และคุณก็จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้น มิฉะนั้น สมองคุณจะทำงานหนักจนเกินไป แต่เมื่อคุณต้องการทำอะไรใหม่ ๆ คุณต้องนำวิธีการทางฟิสิกส์เข้ามาใช้ ฟิสิกส์นั้นเข้าใจจริง ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งแย้งต่อสามัญสำนึก เช่น กลศาสตร์ควอนตัม (quantum mechanics) มันเป็นอะไรที่แย้งกับสามัญสำนึกจริง ๆ ฉะนั้น ผมคิดว่า มันคือสิ่งสำคัญที่ต้องทำ และนอกจากนั้น ยังต้องให้ความใส่ใจกับผลตอบรับด้านลบ และเรียกร้องหามัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเพื่อนฝูง นี่มันอาจเป็นคำแนะนำที่ฟังดูเรียบง่ายธรรมดา แต่แทบจะไม่มีใครปฎิบัติเช่นนั้นและมันก็มีประโยชน์มากจริงๆ …
ใครอยากรู้ลึกเข้าไปถึงจิตใจและแนวคิดของคนที่เปลี่ยนโลก (มาแล้วหลายครั้ง) อย่าง Elon Musk เชิญชมคลิปสัมภาษณ์ตัวเต็มได้ที่ตามลิงค์นี้เลยครับ http://www.ted.com/talks/elon_musk_the_mind_behind_tesla_spacex_solarcity/transcript?language=th
Credit : thailandinvestmentforum.com
ติดตามข่าวสาร ความรู้และเรื่องราวการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่
Thinkvestment Fanpage : https://www.facebook.com/thinkvestment
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น