วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปลูกหมามุ่ยอินเดียไม่ยาก 'ที่ยากคือไม่มีตลาดรับซื้อ' | เดลินิวส์ „ปลูกหมามุ่ยอินเดียไม่ยาก 'ที่ยากคือไม่มีตลาดรับซื้อ'“ อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/article/337174

ปลูกหมามุ่ยอินเดียไม่ยาก 'ที่ยากคือไม่มีตลาดรับซื้อ' | เดลินิวส์
„ได้ยินคำว่า “ราคาดี” แล้วรัฐบาลยังสนับสนุนการปลูกอีก เป็นใครก็ “หูผึ่ง-ตาลุกวาว” คิดจะลองปลูกขึ้นมาทันควัน วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2558 เวลา 9:00 น. 2 สัปดาห์ที่แล้ว เห็นข่าวนายกรัฐมนตรี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มีไอเดียแนะเกษตรกร เปลี่ยนจากปลูก “ข้าว” ไปปลูก “หมามุ่ยอินเดีย” เพราะเห็นลู่ทางทำมาหากิน แถมราคายังดีไม่ใช่เล่น! 800 บาท/กิโลกรัม ยิ่งหากส่งไปประเทศอินเดีย แปรรูปเป็นยา ตกกิโลกรัมละ 80,000 บาท ได้ยินคำว่า “ราคาดี” แล้วรัฐบาลยังสนับสนุนการปลูกอีก เป็นใครก็ “หูผึ่ง-ตาลุกวาว” คิดจะลองปลูกขึ้นมาทันควัน แต่ขึ้นชื่อว่า “หมามุ่ย” ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้พิษ คัน ปวดแสบปวดร้อน “พี่นาย” ผู้ที่เพาะปลูกหมามุ่ยอินเดียแบบออร์แกนิค ในจ.เชียงราย เล่าให้ฟังว่า “หมามุ่ยอินเดีย” ต่างจากหมามุ่ยไทย จับได้ด้วยมือเปล่า ขนของฝักไม่ก่อให้เกิดอาการคัน หรือที่เรียกว่า “แพ้ขนพิษ” วิธีการปลูกก็ดูแลง่าย ทนแล้ง สามารถนำมาทำยาสมุนไพรได้ ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปี เก็บผลผลิตได้ถึง 2 ครั้ง “นำเมล็ดพันธ์ที่ได้มานำมาแช่น้ำอุ่นทิ้งไว้ 24 ชม. ให้เปลือกของเมล็ดหมามุ่ยอินเดียมีความหนา แล้วนำไปเพาะโดยใช้กระดาษทิชชู่วางในกล่องโฟม 3-4 ชั้น เรียงเมล็ดพันธ์ห่างกัน 1 ซม. เอาด้านที่มีรอยขีดลงข้างล่าง ทับด้วยทิชชู่อีกที พรมน้ำให้ชุ่ม ปิดฝากล่อง ผ่านไป3 วันค่อยเปิดให้ลมผ่าน 10 นาที” เทคนิคพิเศษที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเลือกเมล็ดพันธุ์ ที่ “พี่นาย” การันตีการงอก 80-90% คือ ควรเลือกเมล็ดที่ตากแห้ง พอมีน้ำหนัก มากกว่าจะเลือกเมล็ดที่เก็บมาใหม่ๆ หรือสีดำขลับ อัตราการงอกมีเพียง 40-50% “หลังจากผ่านไปอีก 4 วัน เปิดฝาดูอีกทีว่าเมล็ดงอกหรือยัง ถ้าทิชชู่แห้งอย่าลืมพรมน้ำให้ชุ่ม หากมีรากงอกออกมาประมาณ 1-2นิ้ว นำลงถุงเพาะชำได้เลย ระวังอย่าให้รากหัก และเมื่อเมล็ดงอกออกแล้ว สังเกตุว่าใบเลี้ยงออกมา ให้รอใบแท้ออกก่อน แล้วค่อยเอาไปปลูกลงดิน” เทคนิคต่อมา คือ หลุมปลูกควรลึกประมาณ 3x2 นิ้ว สิ่งสำคัญอย่าลืมนำดินที่ใช้เพาะพันธุ์กล้าวางก้นหลุมด้วย และในช่วงเดือนแรกให้รดน้ำวันเว้นวัน เฉพาะในช่วงเย็นก็เพียงพอ เพราะเป็นพืชที่ชอบอากาศร้อน และหากเด็ดใบออก 20% จะทำให้ฝักหมามุ่ยโตสมบูรณ์กว่าปกติ เก็บผลลิตได้ภายใน 4 เดือน “ธนโชติ ธรรมชาติ” ผู้ริเริ่มนำเมล็ดหมามุ่ยสายพันธุ์อินเดียมาปลูก และนักวิจัยปฏิบัติการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เล่าว่า ทั่วโลกมีหมามุ่ยมากกว่า 100 สายพันธุ์ ในไทยมีเพียงประมาณ 13 พันธุ์ เมล็ดเล็ก สัมผัสแล้วมีอากรแพ้ขนพิษ แต่ที่มีงานวิจัยรองรับ คือ “หมามุ่ยอินเดีย” เพิ่มสมรรถภาพทางเพศและบำรุงร่างกาย แปรรูปเป็นแคปซูลๆละ 1.5 กรัม ราคา 3-10 บาท คั่วบด กก.ละ 5-6 พันบาท ส่งออกประเทศจีน ญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน “สารแอลโดปา” ในเมล็ดหมามุ่ยอินเดีย ช่วยให้อารมณ์ดี คลายเครียด นอนหลับดีขึ้น กระตุ้นการสลายไขมันส่วนเกินที่ร่างกายไม่ต้องการ ควบคุมคอเลสเตอรอลและระบบหัวใจ ปอด ตับ ไตให้เป็นปกติ ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ซึ่งปริมาณที่แนะนำให้กินสำหรับคนทั่วไป ให้กินวันละ 3 เมล็ดต่อวัน จะทำให้ร่างกายสดชื่น แต่ถ้าร่างกายมีปัญหาให้กินไม่เกินวันละ 5 กรัม “เด็ก สตรีมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยอาการทางจิต และระบบประสาทไม่กิน ไม่ควรกินเมล็ดหมามุ่ยแบบดิบ หรือไม่ได้คั่ว ไม่ได้นึ่ง จะทำให้เกิดพิษได้ แนะนำให้กินเป็นผงบด 2.5-5 กรัม ผสมกาแฟ หรือชา จะได้กินง่ายขึ้น รสชาติจะออกมันๆ” การปลูกไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่เห็นจะเป็นเรื่องยาก คือหาช่องทางการตลาดให้ได้ ก่อนตัดสินใจปลูก เพราะถึงแม้จะมีของราคาดีอยู่ในมือ แต่ไม่มีตลาดรับซื้อ ก็เท่ากับคนปลูกเสียเงินลงทุนโดยเปล่าประโยชน์ หน่วยงานใดที่เกี่ยวข้อง ลงมาช่วยสนับสนุนนิดหนึ่ง! เพราะถ้าเกษตรกรหันมาปลูก “หมามุ่ยอินเดีย” แทน “ข้าว” แถมราคาดี ยิ่งสร้างกำไรงาม “เกษตรเมืองไทย” จะได้ลืมตาอ้าปากได้เสียที ใครที่สนใจ คุณธนโชติ ธรรมชาติ ยินดีให้คำปรึกษา ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานที่ผลิตยาสมุนไพร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โทร.0867331084 ไลน์ (Line) chodku อีเมล์ (E-mail) thanachod_t@hotmail.com และ innovation.neu@gmail.com“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/article/337174

ปลูกหมามุ่ยอินเดียไม่ยาก 'ที่ยากคือไม่มีตลาดรับซื้อ' | เดลินิวส์
„ทวีลาภ บวกทอง “

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/article/337174

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น