โดย : ไพบูลย์ นลินทรางกูร อ่านแล้ว 1,327 ครั้ง
แบ่งปันข่าว
สวัสดีครับ เดือนนี้ผมมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับข้อเสนอของสภาปฏิรูปแห่งชาติมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง
หลายท่านเมื่อเห็นชื่อเรื่องคงอยากทราบถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ และคงมีคำถามในใจว่าไทยจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายใน 17 ปีได้จริงหรือ ที่ผมยกเรื่องนี้มาเขียน เพราะคณะกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจฯ ทั้ง 2 คณะใน สปช. เพิ่งจัดสัมมนาเรื่องนี้ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีเสียงตอบรับกลับมาที่ดีมาก ผมจึงขอถือโอกาสเล่าให้ทุกท่านฟังถึงความเป็นมาของการตั้งธงให้ไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะการยกสถานะประเทศไทยให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วคือเป้าหมายหลักในการทำแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของ สปช. มาตั้งแต่ต้น การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในกรอบระยะเวลาที่เป็นไปได้แต่ไม่นานจนเกินไป ถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ไทยหลุดพ้นจาก "กับดักรายได้ปานกลาง" หรือ Middle-income trap ที่หลายต่อหลายประเทศโดยเฉพาะในแถบอเมริกาใต้ใช้เวลานานมากกว่าจะก้าวพ้นมาได้
พูดแบบเข้าใจง่ายๆ กับดักรายได้ปานกลาง คือการที่ประเทศที่ได้ก้าวข้ามความเป็นประเทศรายได้ต่ำหรือประเทศด้อยพัฒนา มาเป็นประเทศรายได้ปานกลาง แต่หลังจากนั้นกลับไม่สามารถยกระดับเป็นประเทศรายได้สูง หรือประเทศที่พัฒนาแล้วได้ จึงเปรียบเสมือนการติดอยู่ในกับดัก และสาเหตุหลักที่หลายประเทศไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักนี้ เกิดจากการละเลยที่จะทำการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยังทำทุกอย่างแบบเดิมๆ แต่เมื่อค่าแรงไม่ได้ถูกอีกต่อไปจึงทำให้ไม่สามารถสู้กับประเทศที่มีค่าแรงต่ำกว่าได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่เก่งพอที่จะไปแข่งกับประเทศที่พัฒนากว่าเพราะขาดการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา หรือ Research and development
ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังติดอยู่ในกับดักนี้ ถ้าเรายังอาศัยการกินบุญเก่าไปเรื่อยๆ หากินกับอุตสาหกรรมเดิมๆ ไม่เน้นการพัฒนาคน ไม่ปฏิรูประบบการศึกษา ไม่ลงทุนในการวิจัยและพัฒนา โอกาสที่จะก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แล้วทำไมต้องทำให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2575? เพราะปี 2575 ถือเป็นปีที่มีความหมายและมีความสำคัญสำหรับประเทศไทย โดยเป็นปีครบรอบ 100 ปี ของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ กมธ. ปฏิรูปเศรษฐกิจฯ จึงมองว่าจะเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ถ้าประเทศไทยสามารถฉลองการครบรอบ 100 ปีประชาธิปไตย ไปพร้อมๆกับการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว อีกทั้งเวลา 17 ปีเป็นกรอบเวลาที่ไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป
หลายท่านอาจเริ่มสงสัยว่าความเป็นไปได้มีมากน้อยแค่ไหนที่จะทำให้ฝันนี้เป็นจริง ส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เราจะทำได้สำเร็จ แต่ภาครัฐต้องมีความจริงใจและความมุ่งมั่นในการปฏิรูปประเทศในทุกๆด้าน ส่วนภาคเอกชนเองก็ต้องยอมรับที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลง ถ้าทำได้เช่นนี้ผมเชื่อว่าเราจะเป็นประเทศที่สามในอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ที่จะก้าวขึ้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
แล้วเราต้องทำอะไรบ้าง? สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์ชาติที่มีเป้าหมายหลักในการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และต้องเป็นยุทธศาสตร์ชาติที่มีกฎหมายรองรับ เพื่อเป็นการบังคับให้ทุกรัฐบาลในอนาคตไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน มีหน้าที่ต้องนำพาประเทศให้ไปสู่เป้าหมายนี้ อย่างเช่นมาเลเซียที่ตั้งธงไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี ค.ศ. 2020 และก็ดูเหมือนว่าจะทำได้ตามนั้นจริงๆ
สำหรับไทย การจะขยับขึ้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้ จำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปขนานใหญ่ และต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง โทรคมนาคม เทคโนโลยี และระบบโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลิตผล หรือ Productivity ให้กับระบบเศรษฐกิจ เท่านั้นยังไม่พอ ต้องมีการปฏิรูประบบบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจใหม่หมด เพราะรัฐวิสาหกิจคือผู้ดำเนินกิจการโครงสร้างพื้นฐานเกือบทั้งหมดของประเทศ ถ้ารัฐวิสาหกิจยังคงไร้ประสิทธิภาพ ความไร้ประสิทธิภาพนี้ก็จะถูกส่งต่อมายังภาคเศรษฐกิจแบบไม่มีที่สิ้นสุด ที่สำคัญ เราต้องก้าวข้ามความเป็น เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแรงงาน ไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้และนวัตกรรม หรือ Knowledge-driven economy ให้ได้
นอกจากนั้น เราต้องทำการปฏิรูปโครงสร้างภาษีให้มีความทันสมัยและทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ต้องยกสถานะตลาดทุนให้เป็นแหล่งระดมทุนระดับสากลที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ภาคธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนที่ต่ำ ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับ SME ด้วยการสร้างสังคมผู้ประกอบการขึ้นมา เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้เป็นแบบมืออาชีพมากขึ้น ต้องกำหนดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจรายสาขา สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ เช่น การเกษตร การท่องเที่ยว ต้องส่งเสริมให้คนไทยทุกคนมีความรู้ทางการเงิน และต้องปฏิรูประบบบำนาญเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในอนาคต เป็นต้น
แล้วทำไมเราต้องเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว? ก็เพื่อให้คนไทยทุกคนมีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กมธ. ปฏิรูปเศรษฐกิจฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อคน จาก 15,000 บาทในปัจจุบัน เป็น 40,000 บาท ภายในปี 2575 และกลุ่มรายได้น้อยสุด 10% ของประเทศต้องมีรายได้ 12,000 บาทต่อเดือน เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ อีกเหตุผลก็เพื่อรักษาความเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ในประชาคมอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ถ้าเรายังคงปล่อยให้ประเทศพัฒนาไปแบบไร้ยุทธศาสตร์ อีกไม่นานเราจะตกเป็นเศรษฐกิจอันดับ 4 โดยถูกมาเลเซียและฟิลิปปินส์ แซงอย่างแน่นอน
ทั้งหมดที่ผมเล่ามานี้เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่อยู่ในแผนปฏิรูปเศรษฐกิจที่ สปช. จะส่งให้กับรัฐบาลในเร็ว ๆ นี้
พบกันใหม่เดือนหน้าครับ สวัสดี
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635043#sthash.gIdMhI9r.dpuf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น