หลังจากไม่ได้ตั้งกระทู้ท่องเที่ยวมานาน (ความจริงเคยรีวิวท่องเที่ยวไปครั้งเดียว http://pantip.com/topic/32318370 ) แต่ไต้หวันเป็นประเทศหนึ่งที่อยากจะนำประสบการณ์มาแชร์ครับ
ตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรกับประเทศนี้เลย แต่เห็นตั๋วโปรโมชันของ V air ไปกลับ สามพันกว่าบาท (จำไม่ได้ จริงๆ) หลังจากซื้อตั๋ว ต้องขอวีซ่าก่อน แต่ยังดีที่ สามารถฝากคนอื่นยื่นขอวีซ่าได้ ค่าทำวีซ่า 1500 บาท 3 วันทำการก็ได้รับเล่มคืนแล้ว ^^
เอกสารที่ต้องใช้มี
1. แบบฟอร์มวีซ่า ที่กรอก ข้อมูล ถูกต้องครบถ้วน ( กรอกที่นี่ครับhttps://visawebapp.boca.gov.tw/BOCA_MRVWeb/subroot/MRVWeb0_form.jsp )
2. Passport ตัวจริง
3. รูปถ่ายสี 2 x 2 นิ้ว "ฉากหลังขาว" จำนวน 2 รูป
4. สำเนา Passport
5. สำเนาบัตรประชาชน
6. สำเนาทะเบียนบ้าน
7. ใบจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ
8. ใบจองที่พัก
9. ข้อมูลหลักฐานทางการเงิน จะสำเนาสมุดบัญชี หรือ ขอสเตทเม้นท์
10. เอกสารรับรองการทำงาน
11. แผนเที่ยวในไต้หวันถ้ามี
12. เงินค่าธรรมเนียม Single = 1,500. บาท , Multiple = 3,000 บาท
และเพื่อความสะดวกรวดเร็ว เราสามารถกรอก online arrival card ที่ https://oa1.immigration.gov.tw/nia_acard/acardAddAction.action ไปถึงก็แค่ยื่นเล่ม passport ได้เลยครับ
หลังจากเดินทางถึงไต้หวัน ขั้นแรกก็ต้องผ่าน ตม. ตรงขั้นตอนนี้ช้ามากครับ เนื่องจากคิวยาวมาก หลังจากผ่าน ตม. ออกมารับกระเป๋าแล้ว ก็ออกมาซื้อ easy card ก่อนครับ ค่าบัตร 100 NT แล้วก็เติมเงินเข้าไว้เลย เอาไว้ใช้สำหรับเดินทาง รถบัส รถไฟฟ้า หรือแม้แต่ 7-11 แล้วก็ซื้อ sim card ใส่ครับ 5 วัน 350 NT 7 วัน 450 NT
หลังจากได้รับ easy card กับ sim card เรียบร้อยเราก็เดินทางเข้าเมืองด้วยรถบัสครับ พวกผมเลือก Kuo-Kuang Motor Transport ราคา 125 NT ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที ก็ถึง Taipei Main Station แล้วเราก็หาทางเดินไปที่พักครับ เราพักกันที่ Flip Flop Hostel วิธีเดินทางจาก Taipei Main Station ไปที่พักครับ ( https://www.youtube.com/watch?v=F3jcv1WAS0M )
หลังจากมาถึงที่พัก เช็คอินเรียบร้อยก็ออกไปหาอะไรกินครับ ที่พักอยู่ติดกับห้าง Qsquare แต่ตอนที่ออกมา ร้านอาหารปิดรับออเดอร์แทบจะหมดแล้ว เลยเดินไปหาอะไรกินที่ main station ร้านก็ใกล้ๆปิดแล้วเหมือนกัน มื้อแรกได้กินราเม็ง รสชาติพอใช้ได้ ไม่ถึงกับอร่อยมาก ก็เหลือเปิดอยู่แค่นี้ TT และหลังจากได้เดินสำรวจเมืองถึงได้รู้ว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นที่นี่เยอะมาก คล้ายๆ ประเทศไทยเรา 555
กินเสร็จพวกเราก็พร้อมกันแล้ว พร้อมที่จะนอน ฮ่าๆ กลับที่พักกัน
สำหรับที่พักลืมถ่ายรูปห้องนอนมา แต่ถือว่าสะอาดเรียบร้อยดี ห้องนั่งเล่นรวม มีคอมพิวเตอร์ โต๊ะให้นั่งคุยกัน มีเครื่องซักผ้าให้บริการที่ชั้นใต้ดิน
ตื่นเช้ามาเราก็ต้องออกไปดูบ้านดูเมืองเค้าหน่อย สถานที่ท่องเที่ยว สุดฮิตติดตลาด ต้องมา Chiang Kai Shek Memorial Hall วิธีการเดินทางมาให้นั่ง MRT มาลงที่สถานี Chiang Kai Shek Memorial Hall ได้เลย แต่เรานั่ง taxi ไป ไม่ใช่ว่ารวยหรืออะไร แต่เราไปตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น 555+
มาถึงก็เจอะเจอกับประตูใหญ่ยักษ์นี้ เห็นว่าสูงถึง 30 เมตรเลยทีเดียว
โชคดีมากๆ ที่ก่อนจะไปฝนตกเลย แต่หยุดแล้ว
ช่างภาพชาวไต้หวันก็มาถ่ายรูปที่นี่กันเยอะ ทุ่มเทกันมาก ปูผ้า ตอนถ่ายนี่นอนราบกับพื้นกันเลย ถ้ามีโรงเตี้ยมแถวนั้น จะขอคารวะเหล้าสักสามจอกเลยครับ
ส่วนผมจองตั๋วริมน้ำตอนแสงสวยๆไม่ทันกับเค้า แต่ก็ยังดีชาวไต้หวันใจดี ลุกออกให้ผมถ่ายรูปบ้าง
ตอนเช้าๆ ชาวไต้หวันก็จะมีกิจกรรมเช่นกัน ออกกำลังยามเช้ากัน
หลังจากเดินเที่ยว ถ่ายรูป ชิลๆไปแล้ว ก็ต้องไปหาอะไรกินสะหน่อย
สาเหตุที่ผมบอกว่า สบายกระเป๋า เพราะว่านี่แหละครับ เกี๊ยวซ่า 14 ชิ้น เสนอราคาที่ประมาณ 60 NT เท่านั้น
พิกัดร้านอยู่แถว ximen นะครับ นั่ง mrt มาได้เลย
ตอนเช้าเห็นคนนิยมซื้อนี่กินกันครับ เป็นข้าวห่อ เลือกใส่ไส้ว่าจะกินกับอะไร กินเป็นก้อนๆ ไอเดียดี
นอกจากนั้นเช้านี้ยังได้พบอาชีพใหม่ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จะมีคุณป้ารออยู่หน้า 7-11 คอยขอใบเสร็จ เนื่องจากทุกๆใบเสร็จของที่นี่ จะมีรหัสลุ้นรางวัลลอตเตอรี่ นั้นเอง รวยๆนะครับป้า ขอให้ถูกหวยเด้ออออ
สถานที่ท่องเที่ยวต่อมาที่อยากแนะนำก็คือ เขาช้างครับ ที่เขาช้างเราจะพบกับวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ ที่จะมองเห็นเมืองไทเป และตึกไทเป 101 ได้
การเดินทาง ให้นั่ง mrt สายสีแดงมาสุดสายเลยลงที่สถานี Xiangshan station แล้วเดินต่อมาอีกหน่อย จะมีป้ายบอกทางเรื่อยๆครับ
มาถึงแล้วก็ต้องออกกำลังกันหน่อยครับ เดินขึ้นเขา ทางเดินเป็นขั้นบันไดสวยงาม แต่ขาบอกไม่สวยด้วย ปวดเมื่อยและเหนื่อยล้า 5555+
แต่ถึงจะเหนื่อยและท้อเพียงใดเราก็ขึ้นมาถึงกันจนได้ และได้พบกับ...........
คุ้มค่าจริงๆ ที่ได้ขึ้นมา อ้อคำเตือน ให้เตรียมยากันยุง มาด้วย ยุงดุมากครับ บนเขานี้ สงสัยยุงมากินเลือดช้าง อิอิ
เที่ยวแล้วก็กินกันต่อ อาหารขึ้นชื่อที่มาไทเปแล้วต้องกินก็ต้อง เสี่ยวหลงเปานี่แหละ เอ๊ะ แต่ที่เมืองไทยก็มีสาขาขายอยู่นะ 555
พนักงานต้อนรับหน้าร้านพูดภาษาไทยได้ น่ารักมาก อิอิ ถ่ายรูปอาหารมาได้นิดหน่อย เพราะหิว ที่เหลือวางกล้องแระ เรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญ อิอิ
กินเสร็จก็หาที่เที่ยวต่อ คราวนี้ไปเที่ยววัดครับ แต่ไม่รู้ว่าชื่อวัดอะไรเหมือนกัน 555 คืออ่านภาษาจีนไม่ออก
ที่วัดจะมีมังกรตัวใหญ่กับหลวงจีนถือไม้เท้า ใหญ่มากๆ
มาถึงก็เจอสิ่งที่ผมรักมากเลยครับ บันได ให้ตายเถอะต้องเดินขึ้นอีกแล้ว
แต่พอเดินขึ้นมาแล้วก็ ต้องบอกว่าคุ้มครับ อากาศดีๆ วิวสวยๆ มันเข้ากันมาก
บ้านบนเนินเขา สวยงามน่าอยู่มากครับ
ผมอิจฉาบ้านที่อยู่บนเขาแบบนี้นะ อากาศน่าจะดีกว่าในเมือง แต่บางคนก็เลือกไม่ได้ ต้องนอนอยู่บนตึกในเมือง
เที่ยวเสร็จก็ต้องกินต่อของกินดังๆหลายอย่างอยู่ที่ Ximen ครับ
ที่ชิมๆ มาหลายเจ้า ผมชอบบะหมี่อาจงนี่แหละ คนต่อคิวเยอะเลย แต่รอไม่นานครับ จ่ายตังตักใส่ถ้วยก็เสร็จแล้ว
รสชาติน้ำซุปจะเหมือนน้ำซุป dashi ของญี่ปุ่น แต่จะข้นหน่อย อร่อยดีครับ
ไก่ทอด hot star นี่ก็อร่อย แต่มีขายในไทยแล้ว
ช่วงที่ผมไปอากาศค่อนข้างร้อนเลยต้องหาอะไรเย็นๆกิน อร่อยดีครับ
พูดถึงเรื่องกินเรื่องเที่ยวก็นึกขึ้นมาได้เรื่องช๊อปปิ้ง ก็ขาดไม่ได้ จะบอกว่า ที่ไต้หวัน พวกรองเท้ากับกระเป๋าจะถูกครับ แต่เสื้อผ้าจะแพง
เที่ยวต่อละกันเนอะ
ที่ไต้หวันนิยมทำสวนสาธารณะ บนภูเขาครับ แต่สิ่งที่แปลกใจกว่าคือ มีแต่ผู้สูงอายุมาเดินเขากันครับแข็งแรงมากๆ ตอนเช้าๆ เค้าก็จะทักทายทุกคนที่เดินผ่านเลย น่ารักมากๆ เขาลูกต่อไปวิวสวยดีครับ
เห็นวิวเมืองที่อยู่ในหุบเขา กับแสงพระอาทิตย์ตอนเช้าที่สาดส่องมากระทบกับหมอกก็สวยงามไปอีกแบบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น