วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

เส้นทางสู้ “Dejoria” เจ้าพ่อผลิตภัณฑ์เส้นผม จากเด็กกำพร้า คนไร้บ้าน สู่เศรษฐีแสนล้าน

John Paul DeJoria นักธุรกิจชาวสหรัฐ วัย 70 ปี เจ้าของธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม Paul Mitchell ผู้เป็นความฝันและแรงบันดาลใจให้คนอเมริกันจำนวนมาก เพราะเขาเป็นผู้เอาชนะความยากจน พลิกตัวจากเป็นชายเร่ร่อนไร้บ้านที่ไม่มีอนาคต ใช้มันสมองของตัวเอง เปลี่ยนเงินในมือก้อนสุดท้ายที่มีเพียง 700 เหรียญ (25,000บาท) ให้งอกเงยเป็นขุมทรัพย์ส่วนตัวมหาศาลถึง 3,100 ล้านเหรียญ (111,600บาท)
DeJoria-1402x1940Getty Images
DeJoria ลืมตาดูโลกในย่านอีโค่ พาร์ค ของลอสแองเจลิส มีพ่อแม่เป็นผู้อพยพชาวกรีซและอิตาลี พวกเขาแยกทางกันเมื่อ DeJoria มีอายุได้เพียง 2 ขวบ แม่ของเขาเพียงลำพังไม่สามารถดูแลเขาและพี่ชายได้เพียงพอ ทั้งคู่ต้องไปอาศัยบ้านสงเคราะห์ของรัฐอยู่บ่อยครั้งและ ในวัยเพียง 9 ขวบต้องเริ่มทำงานหาเงิน จากการเป็นเด็กส่งการ์ดอวยพรวันคริสต์มาส รวมทั้งเดินเคาะประตูตามบ้านขายสารานุกรม แน่นอนเขาถูกปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อโตขึ้นหลังจบมัธยม เขาทำอาชีพที่เขาคุ้นเคยที่สุด คือ เป็นเซลส์แมนขายสินค้า ตั้งแต่ประกันไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ เขาถูกปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน แม้จะเสียกำลังใจ แต่บทเรียนที่เขารู้ตั้งแต่วัยเด็ก จากการเร่ขายสินค้าตามบ้าน คือ คนที่ประสบความสำเร็จ จะต้องรู้จักจัดการกับความล้มเหลว ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงวิธีคิดของเขาว่า
John Anthony Dejoria, Stylist John Paul Dejoria and wife Eloise at the "Funny People" Los Angeles Premiere  ArcLight Theatere, Hollywood, CA, USA July 20, 2009 © Sara De Boer / Retna Ltd.Getty Images

“คุณต้องเตรียมตัวรับมือกับการถูกปฏิเสธ ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหน แต่คุณจะต้องไม่ปล่อยให้มันเอาชนะหรือมีอิทธิพลเหนือตัวคุณได้เป็นอันขาด”
ตอนนั้น DeJoria รู้สึกเหมือนไม่มีอนาคต เขาเป็นคนไร้บ้านอย่างเต็มตัว มีเพียงรถยนต์หนึ่งคันที่เพื่อนของเขาให้ยืมมา ซึ่งเขาอาศัยมันเป็นบ้าน เพราะเขาไม่มีบ้าน แบ่งเบาะหน้ากับเบาะหลังเป็นห้องนั่งเล่น กับห้องนอน เมื่อถึงทางตันเขาจึงต้องหาทางรอด
c83d0bbc-077b-11e0-8d80-00144feabdc0Getty Images
เขาและเพื่อนผู้เป็นช่าวงทำผม คือ Paul Mitchell ตัดสินใจไปกู้ยืมเงินมาได้เพียง 700 เหรียญ พวกเขาตัดสินใจทำสิ่งที่มีความรู้ คือ ผลิตภัณฑ์เส้นผม ในชื่อ John Paul Mitchell พวกเขาใช้วิธีขายสินค้าที่ถนัดที่สุด คือ “การตลาดข้างถนน” หรือการเดินขายตามบ้านนั่นเอง
คนหนุ่มผู้มีแต่ตัวเปล่าทั้ง 2 คนทุ่มเทสุดตัว พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อให้สินค้าได้รับการยอมรับ โดยทำการตลาดที่คนในยุคนั้นไม่มีใครทำมาก่อน เช่น การรับประกันคุณภาพสินค้า สาธิตวิธีการใช้สินค้า รวมถึงรับคืนสินค้าเต็มจำนวน หากใช้แล้วไม่มีคุณภาพเพียงพอ นั่นทำให้สินค้าเป็นที่ยอมรับ พวกเขาเริ่มมีเงินมีทองมากขึ้น ชีวิตเริ่มดีขึ้น
JP featuredGetty Images
ไม่นานจากนั้น Mitchell ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง จึงเป็นหน้าที่ของ Dejoria ที่จะต้องเดินหน้ากิจการต่อไป เขานำบริษัท จากสินค้าผลิตภัณฑ์เส้นผม เพิ่มขึ้นมาเป็นอุปกรณ์ทำผม มีสินค้าออกจำหน่ายมากกว่า 90 รายการ เริ่มจัดจำหน่ายออกไปทั่วโลก ยอดขายสูงถึงปีละ 1,000 ล้านเหรียญ (36,000 ล้านบาท)
ตอนนี้เขาเป็นเศรษฐีระดับตำนานของสหรัฐไปแล้ว และบทเรียนจากความยากจน และดอ้ยโอกาสในวัยเด็ก ทำให้เขาได้นำเงินทองที่หาได้หลายล้านเหรียญ ไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป เช่น โครงการสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อมนุษยธรรม และโครงการอาหารเพื่อชาวแอฟริกา โครงการส่งเสริมชาวแอพพาลาเชี่ยนในชนบทให้ผลิตอาหารเลี้ยงดูตัวเองได้ และยังลงนามร่วมกับบิลเกตสื และวอร์เรน บัฟเฟต์ ในโครงการ Giving Pledge ซึ่งเหล่าเศรษฐีตกลงจะสละสินทรัพย์ของตัวเองเพื่อผู้ยากไร้ด้วย
Paul Mitchell Co-Founder and Chairman of the Board, John Paul DeJoria (PRNewsFoto/John Paul Mitchell Systems)Getty Images
http://www.kiitdoo.com/john-paul-dejoria-shares-his-success/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น