เมื่อไม่นานมานี้ผมได้เข้าไปอ่านบทความตาม LinkedIn กับบทความต่างประเทศต่าง ๆ และได้เห็นเรื่องนึงที่เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน Agency ในต่างประเทศ นั้นคือการเกิดขึ้นของตำแหน่ง Growth Officer หรือ Growth Hacking Officer นั้นเกิดขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการเกิด Growth Hacking ในการทำการตลาด ประกอบกับการที่เศรษฐกิจนั้นชะลอตัวทำให้องค์ใหญ่ ๆ นั้นต้องมีการปรับตัวตามการเกิดขึ้นของ Startups และ Agency สายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมา
ก่อนอื่นเลยต้องรู้จัก Growth Hacking ก่อนว่าคืออะไร ในความหมายของ Growth Hacking นั้นคือการหาวิธีหรือกระบวนการใหม่ ๆ เพื่อทำให้ธุรกิจนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งกระบวนการคิดของ Growth Hacking ตือการเน้นที่กระบวนการคิดวิเคราะห์ และหาวิธีการที่สร้างสรรค์ในแบบใหม่ ๆ ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง และขยายกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ออกไปให้เกิดเป็นการเข้าซื้อหรือใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนที่ทำหน้าที่เรื่อง Growth Hacker นี้จะต้องมีความรู้ในเรื่องการทำการตลาด การหาตลาด กลุ่มเป้าหมาย และ Customer Journey เป็นอย่างดี แล้วนำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมาวิเคราะห์ พร้อมใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการปรับปรุงกระบวนการทำการตลาด วิธีทำการตลาดของตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อย ว่าจะทำการตลาดในการเข้าหากลุ่มเป้าหมายอย่างไร ดึงกลุ่มเป้าหมายให้มาเป็นลูกค้าอย่างไร และทำยังไงให้กลุ่มลูกค้านี้ใช้งานประจำ พร้อมกลายเป็นสื่อที่จะเอาไปบอกต่อ ๆ ซึ่งทั้งหมดนนี้จะถูกติดตามด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่จะเก็บข้อมูลว่าทำไมคนถึงมาเป็นลูกค้า และไม่เป็นลูกค้า หรือมีการบริโภคซ้ำ หรือเลิกใช้เพราะอะไร
Growth Hacking นี้เป็นคำที่เริ่มในกลุ่มคนทำ Startups ในการสร้างสรรค์กระบวนการทำการตลาดใหม่ ๆ เช่นการ Airbnb ใช้ Craiglist ในการสร้างสรรค์การทำการตลาดใหม่ ๆ หรือ Buzzfeed เปิดการทำการตลาดด้วย Clickbait ต่าง ๆ เพื่อทำให้ธุรกิจตัวเองนั้นเกิดขึ้น การเกิด Economic Sharing ต่าง ๆ เป็นการทำให้เกิดการตลาดแบบใหม่ ๆ และทำลายข้อจำกัดของการทำการตลาดแบบเดิมลงทั้งสิ้น
จริง ๆ แล้ว Growth Hacking เป็นสิ่งใหม่หรือไม่ ถ้ามองตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่เป็นสิ่งที่ไม่ได้มีใครระบุว่านี่คือ Growth Hacking ต่างหาก ซึ่งกระบวนการใช้ข้อมูล ปรับปรุงและทำให้เหนือคู่แข่งด้วยปัจจับที่ทุกคนนึกไม่ถึงนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำในการทำการตลาด หรือการบวนการแข่งขันที่ทุก ๆ ปัจจัยนั้นมีผลที่จะทำให้นำหน้าหรือโตเหนือคู่แข่ง เช่นในการแข่งขันจักรยาน Sir David Brailsford โค้ชของทีม Sky นั้นมีความท้าทายที่จะทำให้ทีมชาตินั้นชนะรายการการแข่งขันต่าง ๆ ในปี 2012 ให้ได้ ซึ่งทีม Sky นั้นไม่เคยที่จะชนรายการการแข่งขันใดเลยตั้งแต่ปี 1966 แต่แทนที่ Sir David Brailsford จะท้อถอยหรือยอมแพ้ เค้าได้เอากระบวนการทั้งหมดมาวิเคราะห์และปรับปรุงทุก ๆ กระบวนการให้ดีขึ้น เพื่อสร้างให้นักกีฬาจักรยานนั้นดีขึ้นทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่เรื่องอาหารของนักกีฬา หมอนของนักกีฬาที่นอน เจลคลายกล้ามเนื้อที่นักกีฬาใช้ และอานจักรยานที่ช่วยให้ปั่นจักรยานดีขึ้น จนถึงนำ้หนักของยางจักรยาน ทุก ๆ อย่างรวมกันเพื่อรีดประสิทธิภาพการปั่นให้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ทุกอย่าง ๆ ถูกปรับปรุงทีละเล็ก ทีละน้อย ทั้งหมดนั้นทำให้ Sir David Brailsford ชนะ Tour De France ในปี 2012 และครองแชมป์อีก 2 ปีถัดมา ด้วยการกระทำนี้ทำให้ Sir David Brailsford และทีม Sky ครองเหรียญทองกว่า 70% ในการแข่งขันจักรยาน
Sir David Brailsford ใน Cannes Lions ปี 2015
จากกระบวนที่กล่าวมาของ Sir David Brailsford นั้นไม่ต่างจากการทำ Growth Hacking แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการแข่งขันในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในการตลาดแบบดั้งเดิมนั้นกระบวนการ Growth Hacking มักเกิดขึ้นในตอนเริ่มต้นของการตลาดที่เข้าไป Disrupt ตลาดแบบเดิม ๆ สิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการใช้ Growth Hacking ตั้งแต่แรกคือ การที่ Product นั้นต้อง Fit ต่อความต้องการของตลาดหรือไม่ มากกว่าจะใช้กระบวนการทำการตลาดแบบใดก็ตาม ทำให้นักการตลาดต้องมองหา Killing Features ที่จะทำให้คนนั้นเข้ามาใช้งานหรือซื้อบริการของตัวเองให้ได้
ด้วยเศรษฐกิจในยุคนี้ที่มีอัตราการชะลอตัวสูง การตลาดแบบดั้งเดิมหรือวิธีคิดแบบดั้งเดิมนั้นทำให้ไม่สามารถแข่งขันและไม่ทำให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้ ธุรกิจในยุคนี้จึงจำเป็นต้องนำกระบวนการคิดนั้นมาเพื่อพัฒนาการเติบโตของธุรกิจให้มากขึ้น นั้นคือการมีตำแหน่ง Growth Officer ในออฟฟิสซึ่งหน้าที่นี้มีหน้าที่ในการทำให้ธุรกิจขององค์กรนั้นเติบโตขึ้นให้ได้ วิธีการคือเข้าไปดูว่ากระบวนการทำงานในองค์กรนั้นมีอะไรที่ปรับปรุงได้ และต้องการอะไรที่จะสามารถให้องค์กรนั้นแข่งขันได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังจะต้องมองหาตลาดหรือสร้างตลาดที่จะเหมาะสมกับองค์กรตัวเองขึ้นมา
อย่างไรก็ตามด้วย Growth Hacking เองก็ไม่สามารถทำการตลาดได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องการวิธีการทางการตลาดในรูปแบบเดิมผสมผสานเช่นกัน Display Ads, Push Marketing, Traditional TV และงานสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เพราะการทำ Growth Hacking อย่างเดียวไม่ใช่การสร้างแบรนด์ และจะทำให้แบรนด์นั้นอยู่ไม่ยั่งยืน แต่ด้วยการผสานกระบวนการสื่อแบบเดิมเข้าไป จะทำให้การสร้างแบรนด์นั้นเกิดขึ้นควบคู่กับการสร้างตลาดใหม่ ๆ ขึ้นมา ทำให้แบรนด์นั้นอยู่ได้ยั่งยืนมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น