Global Silver Age – ธีมลงทุนที่เป็นมากกว่า Healthcare
- Global Silver Age คือ อะไร?
Global Silver Age เกิดจากแนวคิดว่า บรรดาพี่ๆ กลุ่ม Baby Boomers ซึ่งเกิดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มทยอยเกษียณ โดยกลุ่ม Baby Boomers มีลักษณะพิเศษ คือ ขยัน รักการทำงาน และเป็นกลุ่มที่มีระดับการศึกษาสูงกว่าคนรุ่นก่อน เพราะส่วนใหญ่จบปริญญาตรีหรือสูงกว่า จุดเด่นอีกข้อคือ “เก็บเงินเก่ง” เมื่อเกษียณก็จะมีเงินเก็บจำนวนมาก มี “ความมั่งคั่ง” หรือ Wealth ถึงจุดสูงสุดหลังจากได้ทำงานเก็บเงินมาตลอดชีวิต และพร้อมที่จ่ายเงินเพื่อ “ซื้อความสุข” ให้กับตัวเอง
เทคโนโลยีทางการแพทย์บวกกับการหมั่นออกกำลังกายและดูแลตัวเอง ทำให้ Baby Boomers กลายเป็นกลุ่มคนเกษียณรูปแบบใหม่ที่ยัง Active ร่างกายยังแข็งแรง ใจยังรักสนุก ไม่อยากอยู่นิ่งและไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และตอบรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ … นึกถึงภาพคุณพ่อคุณแม่ที่ติด Candy Crush, Facebook, Line นะครับ
คนเกษียณกลุ่มนี้จึงแปลงสภาพจากที่เคยถูกมองว่าเป็น “ภาระ” (burden) กลายเป็น “โอกาส” (opportunity) ของธุรกิจใหม่ๆที่จะตามมาอีกมากมาย จนถูกเรียกว่า “The Silver Age” (คำนี้แปลว่า ผมสีดอกเลา) ซึ่งมีลักษณะดังนี้
- อายุประมาณ 50 – 70 หรือเลยไปถึง 75 ปี หากยังแข็งแรง
- มีกำลังซื้อสูง เพราะลักษณะของ Baby Boomers คือขยันทำงานและเก็บเงินเก่ง
- มีความมั่งคั่งถึงจุดสูงสุด พร้อมจะจ่ายเงินเพื่อซื้อความสุขให้กับตัวเอง
- ร่างกายยังแข็งแรง ใจยังรักสนุก ชอบเดินทางท่องเที่ยว และทำกิจกรรม outdoor เช่น camping, jogging หรือ ขี่จักรยาน เมื่อมีเวลาว่างมากขึ้นหลังเกษียณ
- ยังอยากให้ตัวเองดูหนุ่มสาวและไม่แก่ก่อนวัย
- Global Silver Age เกี่ยวข้องกับ Demographic Megatrend อย่างไร?
เราทราบกันดีว่าสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเร็วมากทั่วโลก นับเป็น Demographic Megatrend ที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ รอบตัวเราต่อไปอีกหลายสิบปี โดยผู้สูงอายุมีอัตราการเพิ่มสูงมากเป็นพิเศษในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในเอเชียและลาตินอเมริกา สำหรับเอเชีย สัดส่วนประชากรอายุ 60+ จะเพิ่มจาก 12% เป็น 25% ในปี 2050 คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 114%
ในอดีตเราเคยคิดว่า ผู้สูงอายุที่เกษียณแล้วคือคนที่จะกลายเป็นภาระให้ลูกหลานดูแล หรือไม่ก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา แต่ในปัจจุบันเราจะพบว่า คนที่อายุ 50+ ซึ่งอยู่ในวัยใกล้เกษียณ หรือ 60+ ที่เพิ่งเกษียณหมาดๆ หลายคนยังแข็งแรงกระฉับกระเฉง หลายคนยังทำงานแบบเต็มเวลาได้
มีการสำรวจในสหรัฐอเมริกา พบว่า อายุเฉลี่ยของผู้สูงอายุที่ย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิม 60 ปลาย เป็นมากกว่า 80 ในปัจจุบัน แปลว่า คนที่อายุ 60-70 ยังแข็งแรงและดูแลตัวเองได้ และธุรกิจที่กำลังฮิตมากในสหรัฐฯ คือ การให้บริการฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุแบบ 24 ชั่วโมง เพราะคนที่เกษียณแล้วส่วนใหญ่ยังอยากอยู่บ้านตัวเอง แต่ก็อยากอยู่ใกล้หมอเพื่อให้อุ่นใจ หากเจ็บป่วยขึ้นมา สามารถโทรเรียกแพทย์ พยาบาล หรือรถพยาบาล ได้
เมื่อรวมกับข้อเท็จจริงเรื่องความมั่งคั่งของ Baby Boomers ก็จะพบว่า พี่ๆ ที่กำลังทยอยเกษียณจะกลายเป็น “ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมหาศาล” พร้อมที่จะ spend เพื่อซื้อบ้านหลังใหม่หรือรถคันใหม่. ทำกิจกรรม outdoor, ท่องเที่ยว, ผลิตภัณฑ์ skincare และ Anti-aging ฯลฯ
- Global Silver Age เป็นมากกว่า Healthcare อย่างไร?
เวลาที่เราลงทุนในกองทุน Healthcare เรากำลังลงทุนใน “Sector Fund” ซึ่งเลือกลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับการแพทย์เท่านั้นครับ โดยกลุ่ม Healthcare มี sector ย่อยๆ ประกอบด้วย
1. Pharmaceuticals – บริษัทยา
2. Medical Equipment – เครื่องมือแพทย์
3. Healthcare Services – โรงพยาบาลและคลินิก
4. Biotech Companies – ค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีทางการแพทย์
ในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นในกลุ่ม Healthcare โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pharmaceuticals และ Biotech ขึ้นไปเยอะมาก ขณะนี้ซื้อขายกันที่ P/E มากกว่า 40-50 เท่า ในระยะยาวอาจจะยังพอไปต่อได้ แต่ upside ค่อนข้างจำกัดครับ
1. Pharmaceuticals – บริษัทยา
2. Medical Equipment – เครื่องมือแพทย์
3. Healthcare Services – โรงพยาบาลและคลินิก
4. Biotech Companies – ค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีทางการแพทย์
ในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นในกลุ่ม Healthcare โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pharmaceuticals และ Biotech ขึ้นไปเยอะมาก ขณะนี้ซื้อขายกันที่ P/E มากกว่า 40-50 เท่า ในระยะยาวอาจจะยังพอไปต่อได้ แต่ upside ค่อนข้างจำกัดครับ
ส่วน Global Silver Age เป็น “Long Term Investment Theme” คือ เป็นธีมลงทุนระยะยาว ที่จับประเด็น Demographic Megatrend เรื่อง Baby Boomers ที่กำลังทยอยเกษียณในอีก 10-20 ปีข้างหน้า และมีแนวทางการลงทุนที่กว้างกว่า Healthcare โดยในกองทุน Global Silver Age มีการลงทุนใน Healthcare อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่เน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองจำพวก Anti-aging, กลุ่ม Medical Equipment และ Healthcare Services ที่มีกระแสเงินสดดี และยังซื้อขายด้วย P/E 15-20 เท่า
Global Silver Age ลงทุนในหุ้น 8 กลุ่ม ดังนี้
- Well-Being – ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง (หุ้นอันดับ 1 คือ Allergan ผู้นำตลาด Botox และ Filler) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์เน้น Anti-aging (L’Oreal, Estee Lauder, Shiseido, AmorePacific เจ้าของแบรนด์ Etude), ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่
- Leisure – บริษัททัวร์หรือเรือสำราญ (Carnival, TUI, MINT) สถานบันเทิงแบบกาสิโน เพราะสังเกตว่า คุณลุงคุณป้าชอบเล่น slot machine
- Healthcare – ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ เครื่องวัดความดัน เครื่องช่วยฟัง ฯลฯ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสายตา (หนึ่งในหุ้น top5 คือ Valeant เจ้าของแบรนด์ Bausch and Lomb)
- Asset Gatherers – สถาบันการเงินที่ให้คำปรึกษาการวางแผนทางการเงินหลังเกษียณ อาทิ บริษัทจัดการกองทุน ประกันชีวิต และ Private Wealth (BlackRock, AXA, ING, Credit Suisse)
- harmaceuticals – ผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์เน้นโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ อาทิ หัวใจ, ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, มะเร็ง (Roche, Novartis, Pfizer)
- Automobiles – บริษัทรถยนต์ที่ผลิตรถโดยคำนึงถึงกลุ่มผู้บริโภคผู้สูงอายุ (BMW, Ford, Toyota)
- Security – ผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยและสัญญาณเตือนภัย (Securitas, SECOM)
- Dependency – โรงพยาบาลและบริการทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุ (HCA, Raffles Medical)
เป็นที่น่าสังเกตว่า การลงทุนโดยเลือกบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคของกลุ่ม Global Silver Age เป็นแนวทางการลงทุนระยะยาว หรือ Very Long-term Investment Theme ที่น่าจะไปไกลกว่ากลุ่ม Baby Boomers เพราะเชื่อว่า เมื่อคนรุ่นผมที่เป็น Gen X เกษียณในอีก 20-30 ปีข้างหน้า ก็คาดว่าจะมีแนวคิดการดูแลตัวเองและชอบ Active Lifestyle คล้ายๆ กัน
- Global Silver Age ลงทุนในหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง?
เรามาดู Top 5 Holdings ของกองทุน Global Silver Age กันครับ- Allergan ผู้คิดค้นเทคโนโลยี Botox ซึ่งได้รับการรับรองโดย FDA เมื่อปี 2002 ปัจจุบันยังเป็นผู้นำตลาด Botox และ Filler ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องของผู้สูงอายุเท่านั้น เดี๋ยวนี้หนุ่มสาวก็นิยมทำกัน ขอกระซิบบอกว่า ในทางการแพทย์ Botox ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องความงามเท่านั้น ยังได้รับการรับรองจาก FDA ให้ใช้รักษาโรคไมเกรน (12% ของคนอเมริกันเป็นโรคนี้). อาการใบหน้ากระตุกครึ่งซีก, อาการเหงื่อออกผิดปกติ ฯลฯ
- C. R. Bard เป็นบริษัทเครื่องมือแพทย์ขนาดใหญ่สัญชาติอเมริกัน มีพนักงาน 12000 คนใน 90 ประเทศทั่วโลก ผลิตภัณฑ์สำคัญ อาทิ เครื่องตรวจการทำงานของลิ้นหัวใจ อุปกรณ์ผ่าตัดรักษาทางเดินปัสสาวะ และเป็นผู้คิดค้นอุปกรณ์ Drug Coated Balloon ชื่อ Lutonix เพื่อสอดบอลลูนที่เคลือบตัวยาไปขยายหลอดเลือดอุดตัน
- ING Group สถาบันการเงินรายใหญ่ของโลกสัญชาติเนเธอร์แลนด์ มีรายได้ครึ่งหนึ่งจากธุรกิจธนาคาร และอีกครึ่งหนึ่งจากค่าธรรมเนียมต่างๆ ทั้งจากธุรกิจประกันชีวิต ประกันภัย การจัดการกองทุน Private Wealth และการให้คำปรึกษาทางการเงิน
- Valeant Pharmaceuticals เป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์รายใหญ่ของแคนาดา เจ้าของผลิตภัณฑ์รักษาดวงตาชั้นนำภายใต้แบรนด์ Bausch and Lomb และเครื่องมือแพทย์ด้านเสริมความงาม ได้แก่ Fraxel (รักษาหลุมสิวและริ้วรอย), Thermage (ยกกระชับใบหน้า) และ Vaser (สลายไขมันเฉพาะจุด)
- McKesson Corp. ผู้ให้บริการด้านการจัดจำหน่ายยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต่างๆ ให้กับทั้งผู้บริโภคและโรงพยาบาล รวมทั้งให้บริการให้คำแนะนำด้านระบบให้กับโรงพยาบาลและคลินิคต่างๆ เป็นผู้ให้บริการที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
- Allergan ผู้คิดค้นเทคโนโลยี Botox ซึ่งได้รับการรับรองโดย FDA เมื่อปี 2002 ปัจจุบันยังเป็นผู้นำตลาด Botox และ Filler ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องของผู้สูงอายุเท่านั้น เดี๋ยวนี้หนุ่มสาวก็นิยมทำกัน ขอกระซิบบอกว่า ในทางการแพทย์ Botox ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องความงามเท่านั้น ยังได้รับการรับรองจาก FDA ให้ใช้รักษาโรคไมเกรน (12% ของคนอเมริกันเป็นโรคนี้). อาการใบหน้ากระตุกครึ่งซีก, อาการเหงื่อออกผิดปกติ ฯลฯ
- อยากลงทุน Global Silver Age Theme ต้องทำอย่างไร?
บลจ. CIMB Principal ได้นำกองทุน Global Silver Age มาให้ผู้ลงทุนชาวไทยได้เลือกลงทุน ใช้ชื่อว่า CIMB-Principal Global Silver Age Fund โดยเปิดขาย IPO ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 2 ตุลาคม 2558 นี้ครับ
กองทุนนี้บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนมืออาชีพของ CPR บริษัทในเครือ Amundi (อ่านว่า อะ-มุน-ดิ) บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำสัญชาติฝรั่งเศส ที่บริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ติด 1 ใน 10 ของโลก
CPR ได้จัดตั้งกองทุน CPR European Silver Age ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2009 ลงทุนเฉพาะหุ้นในยุโรป โดยได้รับผลตอบแทนย้อนหลังนับแต่จัดตั้งกองทุนสูงถึง 116% สูงกว่าดัชนีอ้างอิง (MSCI Europe) กว่า 41% ต่อมาได้ขยายวงไปจัดตั้งกองทุน Global Silver Age เพื่อลงทุนทั่วโลกเมื่อเดือน พ.ย. 2014 ซึ่งได้ผลตอบแทนชนะดัชนีอ้างอิงเช่นกันครับ
โดย วิน พรหมแพทย์, CFA
Chief Investment Officer (CIO)
CIMB-Principal Asset Management Co. Ltd.
http://www.cimb-principal.co.th
Chief Investment Officer (CIO)
CIMB-Principal Asset Management Co. Ltd.
http://www.cimb-principal.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น