เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนผมเคยเห็นกระทู้คนไทยรับจ้างจ่ายตลาดหรือซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตตามออเดอร์แล้วแพ็กส่งไปให้พ่อบ้านแม่บ้านทางไปรษณีย์ ทำให้มีรายได้เดือนหนึ่งก็หลายหมื่นบาท และที่ผ่านมาผมก็เคยได้ยินคนสนใจอยากทำอาชีพนี้เป็นระยะๆ รวมถึงตัวผมก็แอบอยากทำ แต่เชื่อว่าเหตุผลสำคัญที่คนไม่ทำเพราะไม่แน่ใจว่าโมเดลธุรกิจนี้จะเวิร์คไหม วุ่นวายหมาย จัดการกับออเดอร์มากๆอย่างไร ฯลฯ
ระหว่างที่เรากำลังสับสนเป็นกังวลปรากฏว่าล่าสุดฝรั่งนำโมเดลธุรกิจนี้ไปใช้ทำงานในรูปแบบธุรกิจสตาร์ทอัพที่ชื่อว่าInstacart เริ่มธุรกิจในปี 2012 ภายในระยะเวลาเพียง 2 สร้างยอดขายถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3000 กว่าล้านบาท
จุดเริ่มต้นของความกล้า
ผู้ก่อตั้ง Instacart ได้แก่ Max Mullen, Apoorva Mehta, และ Brandon Leonardo สามหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆ เล็งเห็นโอกาสในการสร้างธุรกิจให้บริการแนว Personal grocery shopping แม้ก่อนหน้านั้นจะมีธุรกิจแนวเดียวกันเกิดขึ้นแล้วก็เจ๊งไป
ธุรกิจ Personal grocery shopping ในอดีตที่เคยเปิดและปิดกิจการไปแล้วมีโมเดลธุรกิจแบบสต็อกสินค้าแล้วจัดส่งตามออเดอร์ด้วยพาหนะของบริษัท ใช้เงินลงทุนสูงและควบคุณความสดใหม่ไม่ได้ ในขณะที่โมเดลธุรกิจของ Instacart ทำตรงกันข้ามคือไม่สต็อกของ ไม่จัดส่งเอง
สิ่งที่ Instacart มุ่งเน้นคือพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อบันทึกและประมวลผลด้านข้อมูลซึ่งมีสามส่วนได้แก่ ร้านค้า ลูกค้า และเครือข่าย Personal shopper
ลูกค้าออเดอร์ผ่าน Smartphone application เครือข่าย Personal shopper ที่ทำงานในรูปแบบฟรีแลนซ์ มีรายได้เป็นรายจ็อบทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพรายนี้ไม่มีต้นทุนด้านพนักงานประจำในส่วนนี้ ส่วนการพาร์ทเนอร์กับร้านค้าต่างๆ ช่วยให้ไม่ต้องสต็อกสินค้า และสามารถเลือกสินค้าที่สดใหม่จากชั้นวางของได้เสมอ พาร์ทเนอร์ยังรวมไปถึงร้านค้าขนาดใหญ่อย่าง Costco และ Whole Foods
การจัดส่งที่เร็วที่สุดที่เคยบันทึกไว้คือ 12 นาทีหลังได้รับออเดอร์ผ่าน Application ซึ่งเร็วยิ่งกว่าการสั่งพิซซ่าเสียอีก
รายได้ของ Instacart
รายได้มาจากสองฝั่ง ได้แก่ การเก็บส่วนแบ่งยอดขายจากร้านค้า และการเก็บค่าบริการจากลูกค้าที่ใช้บริการ ส่วนหนึ่งทาง Instacart จะจ่ายค่าบริการให้แก่ Personal shopper อิสระ โดยคนเหล่านั้นจะมีรายได้เฉลี่ยชั่วโมงละ 10-35 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย
Instacart ใช้เวลาเพียงสองปีในการขยายตัวไปยัง 15 เมืองใหญ่ในสหรัฐฯ มีร้านค้าที่เป็นพาร์ทเนอร์ 65 แบรนด์ ในปี 2014 มียอดขาย 100 ล้านเหรียญ ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาร่วมลงทุนด้วย ปัจจุบันมีมูลค่าธุรกิจประมาณ 2 พันล้านเหรียญฯ
วันนี้ของ Instacart
ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้วมีแต่คนบอกทีมผู้ก่อตั้งว่า “ธุรกิจนี้เป็นไปไม่ได้” แต่พวกเขาก็พิสูจน์แล้วว่ามันทำได้และทำได้ดีมากๆด้วย
แม้ช่วงเริ่มต้นจะประสบปัญหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องฐานข้อมูลยอดขายที่ยังไม่สมบูรณ์ทำให้ไม่สามารถประมาณการณ์ยอดขายของสินค้าแต่ละไอเทมของแต่ละพื้นที่ ทำให้มีความผิดพลาดในการทำงานบ้าง หรือไม่ก็ต้องทำงานอย่างหนักในช่วงที่ออเดอร์ทะลักเข้ามา
ล่าสุด Instacart เริ่มขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์จาก Shopping เครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับคน ไปสู่การรับ Shopping ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง — Max Mullen หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Instacart บอกว่า “เมื่อเราสามารถ Shop และจัดส่งไอศกรีมให้ลูกค้าได้ ก็คงไม่มีอาหารชนิดใดที่เราจัดส่งให้ลูกค้าไม่ได้!”
—
http://www.ceoblog.co/1509004/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น