Infographic โดย stock2morrow plus
การปฏิรูปกิจการสายการบินแห่งชาติถือว่าเป็นภารกิจหนักทีเดียว สำหรับคุณจรัมพร โชติกเสถียร ที่เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) ที่ผลดำเนินงานปี 2557 ขาดทุนสุทธิ 15,611 ล้านบาท
คุณจรัมพรจึงได้วางแผนปฏิรูปองค์กรในการกู้ชีพ THAI และตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถกู้วิกฤติหนักหนาสาหัสครั้งนี้ได้สำเร็จภายในเวลา 2 ปี ซึ่งประกอบไปด้วย 6 กลยุทธ์ ดังนี้
กลยุทธ์แรก คือการปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางบิน (Route & Network Strategy)
ลดการขาดทุนในเส้นทางบินที่ขาดทุน ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิก ลดจำนวนเที่ยวบิน ปรับตารางการบิน และลดขนาดเครื่องบิน
กลยุทธ์ที่ 2 คือการปรับปรุงฝูงบิน (Fleet Strategy)
ปลดและขายเครื่องบิน โดยในปีนี้มีเครื่องบินที่ต้องขายทั้งหมด 38 ลำ ขายไปแล้ว 19 ลำในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา
กลยุทธ์ที่ 3 เป็นเรื่องของการพาณิชย์ (Commercial Strategy)
คือการหารายได้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดย
- เน้นการกำหนดราคาให้เหมาะสม ใช้เทคโนโลยีเพื่อเปรียบเทียบกับราคาของคู่แข่งและปรับราคาของให้เหมาะสม
- ปรับปรุงช่องทางการขาย ทำการขายให้ได้ทุกเซกเมนต์ ให้ทำการขายในกลุ่มลูกค้าที่เป็นข้าราชการและคอร์ปอเรตอย่างจริงจัง
- เปลี่ยน Mindset ในการขาย ให้ทำในเชิงรุกมากขึ้น รวมทั้งทำการขายผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตให้มากขึ้น
- ช่องทางการขายผ่านเอเยนต์ ต้องมีการกำหนดเรื่องของค่ามัดจำ ต้องมีการออกตั๋วเดินทางในเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นจะถือเป็นยกเลิกการเดินทาง เพื่อให้ได้ที่นั่งคืนกลับมาเร็ว และนำตั๋วไปขายต่อได้
- ทำให้ลูกค้าตามโปรแกรม Customer Loyalty Program หรือ ROP ซึ่งมีสมาชิกถึง 3.3 ล้านคน และเป็นกลุ่มลูกค้าที่ดีที่สุด บินกับการบินไทยได้มากขึ้น
- ปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่องของบริการ Call Center ต้องลดการยกเลิกการโทรฯ หรือ และให้ลูกค้าที่โทรฯเข้ามาจะได้รับการบริการจากเจ้าหน้าที่
- การให้ลูกค้าถึงที่หมายตามเวลาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากเพราะลูกค้าอาจต้องทำการบินต่อ หรืออาจมีนัดหมายสำคัญ
- ปรับปรุง Business Class Service ให้มีบริการที่แปลกใหม่เท่าทันคู่แข่ง เช่น บริการชั้นบินธุรกิจด้วยแนวคิดแบบภัตตาคารระดับ 5 ดาว
กลยุทธ์ที่ 4 ก็เป็นเรื่องสำคัญคือการปรับปรุงการปฏิบัติการและต้นทุน (Operations and Cost Strategy)
คือเรื่องการบริหารต้นทุน โจทย์คือลดอย่างไรให้ได้หมื่นล้านบาทและการบริหารเงินก็ต้องมีการกู้เงินต่างๆ ให้เพียงพอ
- ในปีนี้มีการออกหุ้นกู้จำนวน 15,000 ล้านบาท ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาออกไปแล้ว 7,000 ล้านบาท และในเดือนตุลาคมนี้จะออกอีก 8,000 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เอามารองรับแผนร่วมใจจาก 5,300 ล้านบาทด้วย
- ด้าน Flight Operation Efficiency และ Technical Efficiency (การซ่อมบำรุง) ต้องมีการปรับปรุง ช่างต้องทำหน้าที่ให้บริการกับลูกค้าภายนอกด้วย เพื่อสร้างรายได้ให้หน่วยงานได้
- ด้าน IT Platform ต้องมีการปรับปรุงหลายระบบ โดยรวมแล้วมี 7 ระบบที่ต้องอัพเกรดใหม่ในปีนี้
- คาร์โกเคยเป็นธุรกิจใหญ่ของการบินไทย ต้องมานั่งปรับกลยุทธ์กันใหม่ว่าจะขายคาร์โกอย่างไร
- เรื่องการจัดซื้อ จัดการให้เป็นระบบมากขึ้น ที่ผ่านมามีการกระจายอำนาจออกไป ซึ่งพบว่ามีปัญหามาก ตอนนี้ก็จะรวมศูนย์เข้ามามากขึ้น
กลยุทธ์ที่ 5 การปรับปรุงการบริหารทรัพยากรบุคคล
ต้องมีการปรับหน่วยงานในลักษณะย่อและยุบ และลำดับขั้นการสั่งงานให้มีลำดับน้อยลง
เรื่องทรัพยากรบุคคลจะใช้นโยบาย Recruit Retained & Develop หากมีคนว่างงานก็จะมีโครงการลดพนักงาน
กลยุทธ์สุดท้าย คือเรื่องการบริหารจัดการบริษัทในเครือและกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ
- กลุ่มธุรกิจสามารถไปหารายได้จากสายการบินอื่นๆได้ เช่น หน่วยงานซ่อมบำรุง ครัว บริการภาคพื้น เรื่องกระเป๋า และคาร์โกจัดการอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- การประสานงานระหว่างการบินไทยกับไทยสไมล์ ในเส้นทางบินระยะสั้นๆ ไทยสไมล์จะบินระยะใกล้ๆ ต้นทุนถูกกว่ามาก บางเส้นทางทีการบินไทยบินและขาดทุน ขณะที่ไทยสไมล์บินแล้วกำไร ก็ใช้ไทยสไมล์บินแทน
นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์และแผนงานต่างๆ ที่มีรายละเอียดมากมายจนเกือบเรียกได้ว่าเป็นการ “ยกเครื่องครั้งใหญ่ที่สุดของการบินไทย”
สำหรับบอร์ดการบินไทยนั้น ไม่มีสิทธิพิเศษหรือ Privilege ไม่มีตั๋วฟรีแม้แต่ใบเดียว
คุณจรัมพรยังบอกอีกว่ามั่นใจในแผนงาน เพราะโดยหลักๆ ไม่ได้มีความแตกต่างมากระหว่าง JAL, ANA, GARUDA และสายการบินอื่นๆ ที่ Turnaround ได้แล้ว ข้อแตกต่างคือทำหรือไม่ทำเท่านั้น
และยังประกาศอีกด้วยว่าจะใช้เวลาปฏิรูปครั้งนี้ 2 ปีจนถึงปี 2016 “ในปี 2017 ต้องวิ่งได้ฉลุยแล้ว”
ที่มา: SET, Money Channel, นิตยสาร Money & Wealth
จากวันนั้นจนวันนี้ การบินไทยต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟู
ตอบลบ