หนังสือพิมพ์รายวัน
12 มิ.ย. 2558 19:02‘เมอา’ บิวตี้บล็อกเกอร์ เงินล้าน!!!
ผู้หญิงยุคนี้ใครๆ ก็อยากสวยแบบ อั้ม, ชมพู่, พลอย, เจนนี่ ความสวยที่พึงปรารถนาไล่กันมาตั้งแต่การแต่งตัวไปจนถึงเทรนการแต่งหน้า ที่ไม่ว่าเบ้าหน้าคุณจะเป็นแบบไหนก็สามารถแต่งแต้มให้สวยเสมือนพี่อั้มได้ไม่ยาก เพราะมีเหล่าบรรดาบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังมากมายที่มาคอยแนะนำเทคนิควิธีการแต่งหน้าในแบบต่างๆ จะสวยแบบไทย หรือใสๆ สไตล์เกาหลี ช่วงนี้กระแสไหนแรง...เทรนแต่งหน้าต้องมา “เมอา” สาวน้อยหน้าใส บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังที่รู้จักกันดีในโลกโซเชียล ที่เพิ่งได้รับรางวัล “Youtube Silver Button” ไปสดๆ ร้อนๆ ที่ทาง youtube ได้มอบให้กับผู้ที่มียอด subscribers ครบ 1 แสน เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา นอกจากน่ารักแล้วยังมากด้วยความสามารถ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเธอ หลากหลายเรื่องราวและสีสันในแบบของเมอา ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
ผู้หญิงยุคนี้ใครๆ ก็อยากสวยแบบ อั้ม, ชมพู่, พลอย, เจนนี่ ความสวยที่พึงปรารถนาไล่กันมาตั้งแต่การแต่งตัวไปจนถึงเทรนการแต่งหน้า ที่ไม่ว่าเบ้าหน้าคุณจะเป็นแบบไหนก็สามารถแต่งแต้มให้สวยเสมือนพี่อั้มได้ไม่ยาก เพราะมีเหล่าบรรดาบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังมากมายที่มาคอยแนะนำเทคนิควิธีการแต่งหน้าในแบบต่างๆ จะสวยแบบไทย หรือใสๆ สไตล์เกาหลี ช่วงนี้กระแสไหนแรง...เทรนแต่งหน้าต้องมา
“เมอา” สาวน้อยหน้าใส บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังที่รู้จักกันดีในโลกโซเชียล ที่เพิ่งได้รับรางวัล “Youtube Silver Button” ไปสดๆ ร้อนๆ ที่ทาง youtube ได้มอบให้กับผู้ที่มียอด subscribers ครบ 1 แสน เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา นอกจากน่ารักแล้วยังมากด้วยความสามารถ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเธอ หลากหลายเรื่องราวและสีสันในแบบของเมอา ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
I'm Mayyr...
พรพรรณ เรืองปัญญาธรรม หรือที่หลายคนเรียกเธอว่า “เมอา” สาวน้อยหน้าใส ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงความสวยความงามมานาน และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจนเป็นที่รู้จักมีผู้ติดตามผลงานของเธอมากมาย ผ่าน Blog และคลิปวิดีสอนแต่งหน้าทาง youtube บัณฑิตใหม่ป้ายแดงจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สาขาจิตวิทยา ที่จบมาด้วยเกรดเฉลี่ยสวยหรูคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 มาครองได้สำเร็จ สาวน้อยตากลมยิ้มเก่ง ค่อยๆ บอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวของเธอให้เราฟัง
“ชื่อ เมอา มาจาก ยุนอา ค่ะ” ฟังแล้วถึงกับต้องร้องอ๋อ…ทันทีที่เราถามถึงที่มาของชื่อที่ทุกๆ คนใช้เรียกเธอ หลังจากที่น้องเมบอกกับเราว่าชื่อเล่นของเธอชื่อ “เม” ส่วน “เมอา” นั้นมีต้นตำหรับมาจาก “ยุนอา” นักร้องสาวแห่งวง Girls’ Generation นั่นเอง
“ตอนนั้นเป็นช่วงมัธยม ในวิชาศิลปะที่คุณครูให้ถ่ายรูปเลียนแบบดาราให้เหมือนเป๊ะ ทั้งแสงและมุม เมก็เลือก “ยุนอา” มาเป็นต้นแบบในการถ่ายรูป ตอนถ่ายเสร็จก็ต้องมีลายเซ็นให้เหมือนในรูป ก็เลยเปลี่ยนจาก ‘ยุนอา’ มาเป็น ‘เมอา’ บวกกับนามสกุลของเมในภาษาอังกฤษจะขึ้นต้นด้วยตัว “R” จึงได้แต่งตั้งสถาปนาชื่อใหม่ว่า “MayyR” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
ความฮาในเรื่องชื่อของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านี้ นอกจากชื่อเล่นแล้ว น้องเมยังขอนำเสนอถึงที่มาของชื่อจริงให้เราฟังอีกว่า เรื่องการตั้งชื่อลูกๆ ของที่บ้านนี่บอกเลยว่าไม่เหมือนใคร…
“ลูกๆ 5 คน สังเกตได้ชื่อก็จะไปคนละทางเดียวกัน อย่างชื่อจริงของเมที่จะต้องไปจดทะเบียนที่อำเภอคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ได้ตกลงกันไปว่าจะให้ชื่ออะไร พอดีคุณพ่อมองออกไปเห็นป้าย ส.ส. ชื่อพรพรรณ ยืนยิ้มสวัสดีอยู่ ก็เลยเอาชื่อ ‘พรพรรณ’ มาตั้งเป็นชื่อเมซะอย่างนั้น (หัวเราะ)”
ความร่าเริงสดใสของน้องเมอาที่เราเห็นได้จากวิดีโอคลิปต่างๆ ทำให้รู้แล้วว่ามาจากใคร ครอบครัวคือส่วนสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมให้เธอเป็นเธออย่างทุกวันนี้ พร้อมทั้งบอกว่าเวลาอยู่ด้วยกันครบจะเป็นครอบครัวใหญ่ที่สนุกสนานครื้นเครงมาก อบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“ทั้งคุณพ่อคุณแม่และพี่ๆ จะเป็นคนตลก ไม่ซีเรียส ไม่เคยเข้มงวดเรื่องเรียน ไม่เคยห้ามนั่นห้ามนี่ เมก็เลยกลายเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิสระเยอะ เวลาคิดอะไรก็จะพูดออกมาเลย ถ้าอยู่บ้านเมจะเป็นคนซนๆ ออกแนวบ้าๆ บอๆ”
ถ้าคนที่เคยได้ดูคลิปวิดีโอของเธอจะสัมผัสได้ถึงความสดใส เฮฮา มีมุขตลกมาสอดแทรกในคลิปเสมอ เพราะนั่นคือเอกลักษณ์และความเป็นตัวตนของเธออย่างแท้จริง
“สิว” จุดกำเนิด “Guru..ความงาม”
ตามประสาของเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่พอขึ้นสาวก็จะเริ่มรู้สึกรักสวยรักงาม เมื่อร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ก็มักจะมีเรื่องให้กลัดกลุ้มใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะ “สิว” ที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของวัยรุ่นเลยทีเดียว แม้สิวจะเป็นปัญหากวนใจ แต่สำหรับน้องเม เธอบอกว่าต้องขอบใจ “สิว” มากๆ ที่ทำให้กลายมาเป็นกูรูเรื่องความสวยความงามมาจนถึงทุกวันนี้
“ช่วง ม.2 ค่ะ ที่เมเริ่มเป็นสิว เป็นช่วงที่เราได้ดูแลตัวเองอย่างเต็มที่” น้องเมเล่าย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ทำให้เธอเริ่มสนใจเรื่องความสวยความงามและการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เริ่มมาจาก “สิวสาว” ในช่วงวัยรุ่นที่ครอบครัวและพี่ๆ ไม่ยอมให้เธอไปเข้าคลินิกรักษาสิว เพราะเคยได้ยินมาว่าคลินิกส่วนใหญ่จะเลี้ยงไข้ จึงต้องหันมาดูแลตัวเองตามคำแนะนำของพี่สาวคนโต โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
“พี่สาวคนโตแนะนำค่ะว่าไม่ต้องไปหาหมอ มียาแต้มสิวให้ตัวนึง แต่มีเอ็ฟเฟ็คยารุนแรงต้องดูแลตัวเองอย่างดี ตอนนั้นเรายังเด็กก็เลยทำตามที่พี่บอกทุกอย่าง เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยๆ นอนไม่เกิน 4 ทุ่มออกกำลังกาย และกินน้ำเยอะๆ ห้ามเอามือสัมผัสหน้า ห้ามแกะสิว ทำแบบนี้อยู่ประมาณ 3 เดือนสิวก็หายหมดเลย”
หลังจากสิวหายไปด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว และไม่ทิ้งริ้วรอยเอาไว้แม้แต่น้อย กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่น้องเมหันมาเชื่อในเรื่องของการดูแลตัวเอง และทำตามข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ สร้างความสนใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นที่ปรึกษาปัญหาเรื่องสิวๆ โดยเริ่มจากคนรอบๆ ตัวเธอเอง
“ถ้าเป็นเรื่องความสวยความงามจริงๆ ก็จะเป็นช่วง ม.5-6 เวลาเราดูเว็บที่เขาพูดถึงเรื่องการดูแลผิว ส่วนใหญ่ก็จะมีลิงค์ที่เกี่ยวกับการแต่งหน้าพ่วงอยู่ด้วย พอเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ก็เริ่มชอบเริ่มสนใจการแต่งหน้าอย่างจริงจัง”
ก่อนที่จะเริ่มเรียนรู้วิธีการแต่งหน้า ส่วนหนึ่งเริ่มมาจากการดูแลตัวเอง ดูแลผิวพรรรณ และก็มาถึงการแต่งเสริมเติมสวยให้กับใบหน้า ทั้งหมดนี้เป็นการเรียนรู้จากอินเตอร์เน็ตล้วนๆ ในฐานะผู้เสพ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นผู้แชร์...ความงามในเวลาต่อมา
‘Creative Thinking’ คิดให้วิงค์..ทำให้เวิร์ค
ด้วยความที่เป็นคนชอบถ่ายรูป กล้องและอุปกรณ์เครื่องสำอางต่างๆ ก็มีพร้อม บวกกับความที่เป็นคนชอบแชร์ ชอบให้คำปรึกษามาตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยเก็ทไอเดียว่า “ทำไมเราไม่ลองทำของเราดูบ้าง ในแบบของเราเอง” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำคลิปสอนแต่งหน้าคลิปแรกในแบบของเมอา และนำไปลงในเว็บคอมมูนิตี้บิวตี้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจีบัน หรือพันทิป
“จากแต่ก่อนที่เป็นบล็อกเกอร์ ก็เป็นคนที่เขียนบล็อกก็เหมือนหน้าเว็บนึง ซึ่งอาจจะมีการใส่วิดีโอเข้าไปด้วยบ้าง แต่ตอนนี้เมก็ทำให้ส่วนของ youtube ด้วย ที่เรียกว่า “youtuber” ก็จะเน้นไปทางวิดีโอ จำได้ว่าคลิปแรกเป็น ‘การแต่งหน้ารับปริญญา’ ตอนเด็กๆ เราเห็นคนทำอันนี้บ่อยมากก็เลยคิดว่ามันคงเป็นอะไรที่เขาฮิตกัน (หัวเราะ)”
แม้คลิปแรกที่ทำจะได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี แต่ก็ยังเป็นคลิปที่ไม่สมบูรณ์นักเพราะยังเป็นมือใหม่หัดโพส จับจุดไม่ถูกคลิปที่ออกมาก็เลยดูเรียบร้อยเกินไป ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่พอทำมาเรื่อยๆ แล้วก็จะรู้ได้เองว่าแบบไหนที่คนดูชอบ โดยวัดจากฟีดแบคที่ตอบกลับมา และโชคดีมากๆ ว่า สไตล์ที่คนส่วนใหญ่ชอบมันก็คืออะไรที่เป็นตัวของเธอเอง
“ในคลิปวิดีโอเมจะเป็นคนทำเองทั้งหมดทุกขั้นตอนไม่ได้มีคนช่วยทำ เราอยากได้แบบไหน อยากให้มีซาวน์ยังไง ตรงไหน ก็จะทำเอง เปิด Google เลยว่าใช้โปรแกรมนี้ทำยังไงให้ได้แบบนี้ เราก็จะเรียนรู้เองหมดทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้เลย”
ด้วยใจรักและอยากให้งานทำออกมาได้ดีที่สุด เธอจึงพยายามคิดหามุขใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้งานของเธอไม่น่าเบื่อและไม่ซ้ำแบบใคร
“คลิปการแต่งหน้าส่วนใหญ่ก็จะมาจากเราที่เป็นคนคิดเองว่าจะแต่งอะไร ช่วงนี้คนพูดถึงอะไร คนเขาสนใจอะไร หรือความชอบส่วนตัว แต่งหน้าแบบนี้แล้วรู้สึกว่ามันโอเค ถ่ายรูปลงแล้วมีคนมาถามว่าแต่งหน้าแบบนี้แต่งยังไง เราก็จะทำคลิปออกมา” น้องเมพูดถึงขั้นตอนการทำงาน และแรงบันดาลใจในงานแต่ละชิ้นด้วยสีหน้าแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
“แต่งหน้าไปตามล่าโทมินจุนชิ เลียนแบบ ซุปตา ชอน ซง อี" คลิปที่น้องเมบอกกับเราว่าเป็นตัวเองที่สุด ได้รับการตอบรับดีมาก จากการแต่งหน้าเลียนแบบตัวละครจากซีรีย์เรื่องดังที่หลายคนคงจำได้ “You came from the stars ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว” เพราะผู้ชมจะเห็นได้เลยว่าเธอเป็นคนยังไง พร้อมเหตุผลว่าภาพเคลื่อนไหวจะทำให้คนสัมผัสความเป็นตัวตนของเธอผ่านสิ่งที่เห็นได้ทันที มากกว่าตัวหนังสือที่บางคนก็ไม่ได้อ่านหมด หรือไม่เก็ทกับสิ่งที่ต้องการสื่อออกไป
“เวลาที่เมจะทำคลิปออกมาก็จะคิดเลยว่าจะทำออกมายังไงให้คนดูรู้สึกว่าผ่อนคลาย ไม่ให้น่าเบื่อ คิดแค่นั้นจริงๆ คนเลยชอบเราที่ความเฮฮาตลก ไม่ห่วงสวย ไม่ได้วางตัวเป็นคนเรียบร้อย ต้องสวยตลอดเวลา บางคนก็จะมาบอกเราว่าดูคลิปของเมแล้วมีความสุข แค่นี้ก็พอใจแล้วค่ะ”
จากความ “ชอบ” นำมาสู่ “รายได้” ก้อนโต
การตลาดในปัจจุบันนี้ แบรนด์สินค้าเครื่องสำอางใหญ่ๆ หลายแบรนด์มุ่งตรงมาที่การตลาดออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ เหล่าบรรดาบล็อกเกอร์ชื่อดัง ก็จะได้รับการติดต่อให้เป็นพรีเซนเตอร์สินค้า จนเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้อย่างงามเลยทีเดียว
“พูดถึงเรื่องรายได้เมว่ามันโอเคนะ เพราะมันอยู่ที่ความพึงพอใจของเรา” ในการเจรจาตกลงค่าตอบแทนในการทำงานแต่ละชิ้น เธอเองก็จะมีราคาค่าตัวที่ตั้งไว้อยู่แล้ว ถ้าลูกค้าพอใจกับราคาที่เรียกไปก็เป็นอันตกลงกัน พร้อมกับเล่าอีกว่าในการจ้างทำคลิปแต่ละครั้งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะไม่ฟิกว่าจะต้องกี่นาที สามารถครีเอทได้เต็มที่
“อาชีพนี้มันดำเนินไปด้วยกลุ่มคนที่ติดตามเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องสร้างกลุ่มทำให้เขาชื่นชอบให้เขาติดตามเรามากๆ ก่อน แล้วลูกค้าก็จะติดต่อเราเข้ามาเอง” น้องเมเล่าให้ฟังถึงการเริ่มต้นเข้ามาสู่อาชีพบิวตี้บล็อกเกอร์ ที่เริ่มมาจากความชอบส่วนตัวของเธอเอง ทำแบบขำๆ และมีความสุขกับมัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนเป็นที่ยอมรับของคนกลุ่มใหญ่มากขึ้น รายได้ก็จะเข้ามาเอง
“ถ้าถามว่ารายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ก็ตอบยากค่ะ เพราะมันแล้วแต่ช่วง และก็แล้วแต่ด้วยว่าเราทำกี่ชิ้นต่อเดือน ถ้าให้ประมาณก็จะตกอยู่ที่ก็จะราวๆ หลักแสนขึ้นไป หรือบางแบรนด์ชิ้นเดียวเป็นหลักแสนเลยก็มี”
การจ้างงานแต่ละครั้ง 1 คลิปจะมีความยาวไม่เกิน 7-8 นาที ลูกค้าจะนำสินค้ามาให้เป็นของแบรนด์เดียวกันทั้งหมด ส่วนคลิปที่น้องเมทำเองก็จะมีหลากหลายแบรนด์รวมกัน ซึ่งถ้าดูจากการตอบรับแล้ว ผู้ชมส่วนใหญ่ก็จะชอบคลิปที่ทำเองมากกว่า เพราะมันดูหลากหลายและไม่เป็นการโฆษณาสินค้าจนเกินไป
สิ่งหนึ่งที่น้องเมเน้นย้ำกับเราว่า “ความมีเอกลักษณ์และเป็นของตัวเอง” คือสิ่งที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จ เพราะปัจจุบันมีคนที่อยากเป็นบล็อกเกอร์ หรือพยายามเป็นบล็อกเกอร์เยอะมาก คลิปใน youtubeก็มีมากมายแต่จะทำอย่างไรให้คนอยากดูของเรา จะทำยังไงให้คลิปของเราแตกต่าง นั่นคือสิ่งที่บล็อกเกอร์ทุกคนต้องค้นหาให้เจอ
“เรามาอยู่ตรงนี้ได้เพราะเราเริ่มทำตรงนั้น” เมื่อนึกย้อนกลับไปขอบคุณตัวเองทุกครั้ง ที่วันนั้นที่ได้เริ่มทำ…คิดอะไรได้ให้ทำเลยอย่ารอ วันนั้นที่ยอมเหนื่อยมานั่งตัดต่อวิดีโอ ยอมเหนื่อยเพิ่มขึ้นเพื่อทำให้มันน่าสนใจมากกว่าทำวิดีโอแบบลวกๆ ให้เสร็จๆ ไป จนในทุกๆ วิดีโอมันได้รับแต่คำชม และผลักดันให้มาอยู่ตรงนี้ได้
“คนเราถ้ามันมีความฝันหรืออยากทำอะไร ถ้ามันไม่ได้กระทบหรือทำให้ใครเดือดร้อนให้ทำไปเลย ถึงแม้ผลตอบรับที่ออกมามันจะไม่ดีมาก สุดท้ายพอมันได้ทำมันก็เป็นผลงานที่เราภูมิใจกับมัน เป็นจุดที่เมื่อเรามองย้อนกลับไปภูมิใจที่วันนั้นเราเริ่มทำสักที ที่เรามีวันนี้ได้เพราะวันนั้นแหละ”
เหนื่อยเพราะมีงานทำดีกว่า...เหนื่อยเพราะไม่มีงานทำ
น้ำขึ้นให้รีบตัก…เมื่อมีโอกาสดีๆ ผ่านเข้ามา ใครๆ ก็บอกว่าให้รีบฉวยไว้!!!
“จุดท้อของเมเลยคือ งานเยอะเกินไป แปลกไหม เพราะหลายๆ คนอยากให้มีงานเยอะๆ ได้เงินเยอะๆ แต่ด้วยความที่เมอยู่บ้าน ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรเลย เมก็เลยมีความรู้สึกว่าแล้วเราจะต้องหาเงินเยอะๆ ไปทำไม?”
ทั้งเหนื่อยทั้งเครียดไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะงานแต่ละชิ้นที่เธอทำ ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและกำลังสมองกว่าจะสำเร็จออกมาได้แต่ละชิ้นไม่ใช่เรื่องง่าย จนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวัน ทุกคนในครอบครัวต่างพากันเป็นห่วงและเครียดไปตามๆ กัน
“ด้วยความที่งานเมมันทำตอนไหนก็ได้ ไม่มีเวลาเข้างานออกงานที่ชัดเจน บางทีตี 2 ตี 3 ก็ไม่ได้นอน ช่วงที่ตัดวิดีโอ เมนอนไม่ได้เลยเพราะในหัวมีแต่เรื่องวิดีโอ อยากเอาอันโน้นมาใส่อันนี้มาใส่ ก็นอนไม่หลับ ตี 5 ก็ลุกขึ้นมาเปิดคอมฯ ทำเลยก็มี”
“ทำไมฉันต้องเหนื่อยขนาดนี้ มันเหนื่อยมากนะจนท้อไม่อยากทำแล้ว” เธอบ่นกับตัวเองและให้คนที่บ้านได้ฟังอยู่บ่อยครั้ง ถึงความเหน็ดเหนื่อยและท้อใจช่วงอารมณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเสมอๆ จนพี่สาวได้เตือนสติด้วยประโยคสั้นๆ แต่ทำให้คิดตามได้ว่า “เหนื่อยเพราะมีงานทำดีกว่าเหนื่อยเพราะไม่มีงานทำนะ” เพียงเท่านั้นความเหนื่อยและท้อก็หายไปทันที เรียกสติเธอกลับคืนมาและมองไปที่อนาคตมากขึ้น
“ช่วงหลังเรียนจบเมื่อต้นดือนมีนาคมที่ผ่าน เพราะเมต้องอยู่ในห้องตลอดเลย ตอนแรกคิดว่าเมเรียนจบเมจะได้พักแต่กลับกลายเป็นว่าต้องอยู่ในห้องตลอดเลย แล้วก็ต้องมากรุงเทพฯ บ่อยมากเพื่อมาทำงาน แล้วก็ต้องรีบบินกลับไปเพื่อไปทำวิดีโอต่อ”
ช่วงเวลาที่หนักและเหนื่อยที่สุดในชีวิต เป็นผลมาจากช่วงฝึกงานก่อนจบการศึกษา และมีงานติดต่อเข้ามาค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่มีเวลาทำเพราะต้องทำเรื่องเรียนให้เรียบร้อยก่อน หลังจากฝึกงานเสร็จงานที่เคยรับไว้ก็กองเป็นภูเขา เมื่อรับปากเขามาแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่หนักมากที่สุดในชีวิต
“อยากทำงานแล้วมันมีความสุขด้วยค่ะ งานตรงนี้มันเงินดีเราก็อยากทำเรื่อยๆ เพราะมันเป็นโอกาสที่เราก็ต้องตักตวงไว้ก่อน แต่คราวนี้เมย์ต้องหาทางออกที่ว่าเราทำไปด้วยแล้วเราสบายไปด้วย ไม่หนักขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ปฎิเสธงานเยอะมาก เลือกรับงานแล้วก็แบ่งเวลาให้มันลงตัวกว่านี้”
“Youtube Silver Button” รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ที่น้องเมเพิ่งจะได้รับมาจาก youtube ในส่วนของหน้าบิ้วตี้ที่มีคน subscribers ครบ 1 แสน ที่เคยเหนื่อยก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แถมยังเพิ่มพลังในการทำงาน และสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ต่อไปเรื่อยๆ
“จิตวิทยา” และ “การทำงาน”
แม้ว่าจะก้าวเข้าสู่การทำงานในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยแต่น้องเมก็ได้พิสูจน์แล้วว่า “การทำงานไม่มีผลกระทบกับการเรียน” ด้วยการคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 ติดไม้ติดมือมาด้วย ก่อนที่จะจบการศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
“เมเรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 เพราะเมย์เป็นคนที่โชคดีมากที่มีเพื่อนคอยเกื้อหนุนกันตลอด” ความดีความชอบทั้งหมดที่น้องเม บอกกับเราว่าต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือ และคอยเตือนว่าวิชาไหนขาดได้ วิชาไหนขาดไม่ได้ เพราะต้องเดินทางไปงานถ่ายงานของลูกค้า งานอีเว้นท์ เวิร์คชอป สอนแต่งหน้า ซึ่งบางทีก็จะกระทบเวลาเรียน
“เอกจิตวิทยาที่เมเรียนมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนทั้งนั้นเลย มันเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของคน ความคิด สาเหตุของพฤติกรรม ก่อนที่เราจะทำอะไรลงไปมันจะส่งผลยังไง ซึ่งสามารถเอามาปรับใช้ในการทำงานได้” น้องเมบอกกับเราว่าแม้จะไม่ได้ทำงานทางด้านจิตวิทยาโดยตรง แต่ที่ผ่านมาเธอก็ได้นำทฤษฎีต่างๆ ทางด้านจิตวิทยามาปรับใช้ในการเข้าสังคม พูดคุยติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหรือร่วมงานกับคนอื่นๆ ร่วมไปถึงวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งของตัวเองและปัญหาของคนรอบข้างได้อีกด้วย
“การแก้ไขปัญหาของเราบางที่เราก็ใช้ทฤษฎีจิตวิทยาเข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหาในชีวิต เราเรียนมาว่าวิธีที่จะดึงคนที่เขากำลังรู้สึกแย่ขึ้นมาต้องทำยังไง เราก็เอามาปรับใช้กับตัวเอง หรือถ้าใครมีอะไรมาปรึกษาเราก็พอจะรู้วิธีว่ามันต้องช่วยเขายังไง”
จากประสบการณ์การทำงานตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย จนมาถึงวันนี้หากมองย้อนกลับไป สิ่งที่เธอได้กลับมากลายเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ จากเด็กที่เรียนๆ เล่นๆ จนพัฒนามาเป็นคนที่ทำงานเป็น รู้จักที่จะทำงานกับผู้ใหญ่กับโลกภายนอก ไปจนถึงเรียนรู้สเต็ปการทำงาน
“งานพัฒนาทักษะของเมทุกด้าน ฝึกการพูดการคิด จากที่แต่ก่อนเราอาจจะพูดสะเปะสะปะ เดี๋ยวนี้ก็จะต้องพูดให้อยู่ในกรอบที่เราจะสื่อไปให้มากขึ้น เมต้องซื้อหนังสือแพลนเนอร์เป็นตารางแบ่งเวลาว่าวันนึงเราจะต้องทำอะไร”
อีกหนึ่งเรื่องที่เห็นได้ชัด จากการที่จะต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย การแบ่งเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จนทำให้ชีวิตมีระเบียบแบบแผนมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นคนที่มีตารางชีวิตเป๊ะมาก โดยเฉพาะช่วง 2 ปีที่ผ่านมางานเข้าเยอะมากๆ ต้องส่งให้ตรงเวลาเลทไม่ได้
ยุคนี้ไม่ใช่ยุคการสวยแบบ 'แพทเทิร์น'
เพราะความสวยคือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา และพยายามทำทุกทางเพื่อให้มีโอกาส…สวย เมื่อเราได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยกับบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ที่คลุคลีอยู่กับความสวยความงามของผู้หญิงมาเป็นระยะเวลานาน จึงอดไม่ได้ที่จะถามถึงทัศนะคติเรื่องความสวยและเทรนที่ควรจะเป็นของผู้หญิงยุคนี้
“เสน่ห์ส่วนบุคลสำคัญมากค่ะ เพราะยุคนี้ไม่ใช่ยุคการสวยแบบแพทเทิริน์แล้ว ไม่ใช่ว่าแต่งหน้าตามเจนนี่แล้วคุณจะนู๊ดเหมือนกันหมด” สิ่งหนึ่งที่บิวตี้บล็อกเกอร์คนนึงกำลังจะบอกกับผู้หญิงทุกคนว่า สิ่งที่พวกเธอกำลังทำอยู่อาจจะไม่ใช่ความสวยงามตามท้องเรื่องอีกต่อไป เพราะความงามที่แท้จริงมันอยู่ที่สไตล์ของแต่ละคน ทุกคนมีความเก๋เป็นเสน่ห์ของตัวเอง แค่เราต้องหาให้เจอแล้วดึงมันออกมาก็พอ
“เมว่าเสน่ห์มันเป็นจุดที่จะทำให้คนเขาอยากมองเรานานๆ โอเคคุณอาจจะหน้าตาดีแต่งหน้าสวย คนก็อาจจะสะดุดมอง แต่มันก็แค่แป๊บเดียวเพราะว่ามันเป็นแพทเทิร์นเดียวกันหมดเลย มันต่างจากการที่คุณมีเสน่ห์เดินผ่านแล้วคนเหลียวหลัง เพราะคุณมีสไตล์”
เห็นเป็นบล็อกเกอร์และกูรูเรื่องความสวยความงาม หลายคนคงคิดว่าชีวิตประจำวันของเธอคงต้องแต่งหน้าจัดเต็มทั้งเวลาที่อยู่บ้านและไปเรียน
“เวลาไปเรียนเมแทบจะไม่ได้แต่งหน้าเลย เพราะมันแต่งไม่ทัน เมตื่นสาย (หัวเราะ)” เธอให้เหตุผลว่าที่ไม่ได้แต่งหน้าหรือจัดเต็มอย่างที่หลายๆ คนคิดเพราะว่าไม่รู้จะแต่งไปให้ใครดู จนเพื่อนๆ ของเธอถึงกับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากให้คนอื่นๆ เขามาเห็นแกในสภาพนี้จัง” พร้อมทั้งกล่าวทิ้งท้ายก่อนจากกันว่า
“ผู้หญิงบางคนอาจไม่ต้องแต่งหน้าสวย แต่ให้ไปลงด้านแฟชั่นที่ทำให้เราดูโดดเด่นมาแต่ไกล ไม่ใช่ยุคที่ว่าต้องตาโตแบ๊วเหมือนกันหมด เดี๋ยวนี้เราก็จะเห็นแล้วว่าไม่ใช่จะมีผิวขาวอย่างเดียว ผิวสีแทนก็ได้รับความนิยมไม่น้อย การแต่งหน้าเป็นเพียงการเสริมบุคลิกและปกปิดความบกพร่องเท่านั้น” มันก็จริงที่ว่าผู้หญิงอย่าหยุดสวย...แต่ไม่จำเป็นต้องสวยในแบบเดียวกันหมดทั้งโลก.
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : พรพรรณ เรืองปัญญาธรรม
ชื่อเล่น : เม
เกิด : 7 เมษายน 2536 (22ปี)
น้ำหนัก : 48
ส่วนสูง : 158
การศึกษา : โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ระดับปริญญาตรี สาขาจิตวิทยา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
การทำงาน : บล็อกเกอร์/ยูทูปเบอร์
ยามว่าง : ฟังเพลง เล่นอินเตอเน็ต
อาหารโปรด : ทุกอย่าง
“เมอา” สาวน้อยหน้าใส บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังที่รู้จักกันดีในโลกโซเชียล ที่เพิ่งได้รับรางวัล “Youtube Silver Button” ไปสดๆ ร้อนๆ ที่ทาง youtube ได้มอบให้กับผู้ที่มียอด subscribers ครบ 1 แสน เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา นอกจากน่ารักแล้วยังมากด้วยความสามารถ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเธอ หลากหลายเรื่องราวและสีสันในแบบของเมอา ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
I'm Mayyr...
พรพรรณ เรืองปัญญาธรรม หรือที่หลายคนเรียกเธอว่า “เมอา” สาวน้อยหน้าใส ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงความสวยความงามมานาน และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจนเป็นที่รู้จักมีผู้ติดตามผลงานของเธอมากมาย ผ่าน Blog และคลิปวิดีสอนแต่งหน้าทาง youtube บัณฑิตใหม่ป้ายแดงจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สาขาจิตวิทยา ที่จบมาด้วยเกรดเฉลี่ยสวยหรูคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 มาครองได้สำเร็จ สาวน้อยตากลมยิ้มเก่ง ค่อยๆ บอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวของเธอให้เราฟัง
“ชื่อ เมอา มาจาก ยุนอา ค่ะ” ฟังแล้วถึงกับต้องร้องอ๋อ…ทันทีที่เราถามถึงที่มาของชื่อที่ทุกๆ คนใช้เรียกเธอ หลังจากที่น้องเมบอกกับเราว่าชื่อเล่นของเธอชื่อ “เม” ส่วน “เมอา” นั้นมีต้นตำหรับมาจาก “ยุนอา” นักร้องสาวแห่งวง Girls’ Generation นั่นเอง
“ตอนนั้นเป็นช่วงมัธยม ในวิชาศิลปะที่คุณครูให้ถ่ายรูปเลียนแบบดาราให้เหมือนเป๊ะ ทั้งแสงและมุม เมก็เลือก “ยุนอา” มาเป็นต้นแบบในการถ่ายรูป ตอนถ่ายเสร็จก็ต้องมีลายเซ็นให้เหมือนในรูป ก็เลยเปลี่ยนจาก ‘ยุนอา’ มาเป็น ‘เมอา’ บวกกับนามสกุลของเมในภาษาอังกฤษจะขึ้นต้นด้วยตัว “R” จึงได้แต่งตั้งสถาปนาชื่อใหม่ว่า “MayyR” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
ความฮาในเรื่องชื่อของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านี้ นอกจากชื่อเล่นแล้ว น้องเมยังขอนำเสนอถึงที่มาของชื่อจริงให้เราฟังอีกว่า เรื่องการตั้งชื่อลูกๆ ของที่บ้านนี่บอกเลยว่าไม่เหมือนใคร…
“ลูกๆ 5 คน สังเกตได้ชื่อก็จะไปคนละทางเดียวกัน อย่างชื่อจริงของเมที่จะต้องไปจดทะเบียนที่อำเภอคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ได้ตกลงกันไปว่าจะให้ชื่ออะไร พอดีคุณพ่อมองออกไปเห็นป้าย ส.ส. ชื่อพรพรรณ ยืนยิ้มสวัสดีอยู่ ก็เลยเอาชื่อ ‘พรพรรณ’ มาตั้งเป็นชื่อเมซะอย่างนั้น (หัวเราะ)”
ความร่าเริงสดใสของน้องเมอาที่เราเห็นได้จากวิดีโอคลิปต่างๆ ทำให้รู้แล้วว่ามาจากใคร ครอบครัวคือส่วนสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมให้เธอเป็นเธออย่างทุกวันนี้ พร้อมทั้งบอกว่าเวลาอยู่ด้วยกันครบจะเป็นครอบครัวใหญ่ที่สนุกสนานครื้นเครงมาก อบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
เมและครอบครัว
“ทั้งคุณพ่อคุณแม่และพี่ๆ จะเป็นคนตลก ไม่ซีเรียส ไม่เคยเข้มงวดเรื่องเรียน ไม่เคยห้ามนั่นห้ามนี่ เมก็เลยกลายเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิสระเยอะ เวลาคิดอะไรก็จะพูดออกมาเลย ถ้าอยู่บ้านเมจะเป็นคนซนๆ ออกแนวบ้าๆ บอๆ”
ถ้าคนที่เคยได้ดูคลิปวิดีโอของเธอจะสัมผัสได้ถึงความสดใส เฮฮา มีมุขตลกมาสอดแทรกในคลิปเสมอ เพราะนั่นคือเอกลักษณ์และความเป็นตัวตนของเธออย่างแท้จริง
“สิว” จุดกำเนิด “Guru..ความงาม”
ตามประสาของเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่พอขึ้นสาวก็จะเริ่มรู้สึกรักสวยรักงาม เมื่อร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ก็มักจะมีเรื่องให้กลัดกลุ้มใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะ “สิว” ที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของวัยรุ่นเลยทีเดียว แม้สิวจะเป็นปัญหากวนใจ แต่สำหรับน้องเม เธอบอกว่าต้องขอบใจ “สิว” มากๆ ที่ทำให้กลายมาเป็นกูรูเรื่องความสวยความงามมาจนถึงทุกวันนี้
“ช่วง ม.2 ค่ะ ที่เมเริ่มเป็นสิว เป็นช่วงที่เราได้ดูแลตัวเองอย่างเต็มที่” น้องเมเล่าย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ทำให้เธอเริ่มสนใจเรื่องความสวยความงามและการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เริ่มมาจาก “สิวสาว” ในช่วงวัยรุ่นที่ครอบครัวและพี่ๆ ไม่ยอมให้เธอไปเข้าคลินิกรักษาสิว เพราะเคยได้ยินมาว่าคลินิกส่วนใหญ่จะเลี้ยงไข้ จึงต้องหันมาดูแลตัวเองตามคำแนะนำของพี่สาวคนโต โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
“พี่สาวคนโตแนะนำค่ะว่าไม่ต้องไปหาหมอ มียาแต้มสิวให้ตัวนึง แต่มีเอ็ฟเฟ็คยารุนแรงต้องดูแลตัวเองอย่างดี ตอนนั้นเรายังเด็กก็เลยทำตามที่พี่บอกทุกอย่าง เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยๆ นอนไม่เกิน 4 ทุ่มออกกำลังกาย และกินน้ำเยอะๆ ห้ามเอามือสัมผัสหน้า ห้ามแกะสิว ทำแบบนี้อยู่ประมาณ 3 เดือนสิวก็หายหมดเลย”
หลังจากสิวหายไปด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว และไม่ทิ้งริ้วรอยเอาไว้แม้แต่น้อย กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่น้องเมหันมาเชื่อในเรื่องของการดูแลตัวเอง และทำตามข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ สร้างความสนใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นที่ปรึกษาปัญหาเรื่องสิวๆ โดยเริ่มจากคนรอบๆ ตัวเธอเอง
“ถ้าเป็นเรื่องความสวยความงามจริงๆ ก็จะเป็นช่วง ม.5-6 เวลาเราดูเว็บที่เขาพูดถึงเรื่องการดูแลผิว ส่วนใหญ่ก็จะมีลิงค์ที่เกี่ยวกับการแต่งหน้าพ่วงอยู่ด้วย พอเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ก็เริ่มชอบเริ่มสนใจการแต่งหน้าอย่างจริงจัง”
ก่อนที่จะเริ่มเรียนรู้วิธีการแต่งหน้า ส่วนหนึ่งเริ่มมาจากการดูแลตัวเอง ดูแลผิวพรรรณ และก็มาถึงการแต่งเสริมเติมสวยให้กับใบหน้า ทั้งหมดนี้เป็นการเรียนรู้จากอินเตอร์เน็ตล้วนๆ ในฐานะผู้เสพ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นผู้แชร์...ความงามในเวลาต่อมา
‘Creative Thinking’ คิดให้วิงค์..ทำให้เวิร์ค
รางวัล Youtube Silver Button
ด้วยความที่เป็นคนชอบถ่ายรูป กล้องและอุปกรณ์เครื่องสำอางต่างๆ ก็มีพร้อม บวกกับความที่เป็นคนชอบแชร์ ชอบให้คำปรึกษามาตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยเก็ทไอเดียว่า “ทำไมเราไม่ลองทำของเราดูบ้าง ในแบบของเราเอง” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำคลิปสอนแต่งหน้าคลิปแรกในแบบของเมอา และนำไปลงในเว็บคอมมูนิตี้บิวตี้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจีบัน หรือพันทิป
“จากแต่ก่อนที่เป็นบล็อกเกอร์ ก็เป็นคนที่เขียนบล็อกก็เหมือนหน้าเว็บนึง ซึ่งอาจจะมีการใส่วิดีโอเข้าไปด้วยบ้าง แต่ตอนนี้เมก็ทำให้ส่วนของ youtube ด้วย ที่เรียกว่า “youtuber” ก็จะเน้นไปทางวิดีโอ จำได้ว่าคลิปแรกเป็น ‘การแต่งหน้ารับปริญญา’ ตอนเด็กๆ เราเห็นคนทำอันนี้บ่อยมากก็เลยคิดว่ามันคงเป็นอะไรที่เขาฮิตกัน (หัวเราะ)”
แม้คลิปแรกที่ทำจะได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี แต่ก็ยังเป็นคลิปที่ไม่สมบูรณ์นักเพราะยังเป็นมือใหม่หัดโพส จับจุดไม่ถูกคลิปที่ออกมาก็เลยดูเรียบร้อยเกินไป ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่พอทำมาเรื่อยๆ แล้วก็จะรู้ได้เองว่าแบบไหนที่คนดูชอบ โดยวัดจากฟีดแบคที่ตอบกลับมา และโชคดีมากๆ ว่า สไตล์ที่คนส่วนใหญ่ชอบมันก็คืออะไรที่เป็นตัวของเธอเอง
“ในคลิปวิดีโอเมจะเป็นคนทำเองทั้งหมดทุกขั้นตอนไม่ได้มีคนช่วยทำ เราอยากได้แบบไหน อยากให้มีซาวน์ยังไง ตรงไหน ก็จะทำเอง เปิด Google เลยว่าใช้โปรแกรมนี้ทำยังไงให้ได้แบบนี้ เราก็จะเรียนรู้เองหมดทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้เลย”
ด้วยใจรักและอยากให้งานทำออกมาได้ดีที่สุด เธอจึงพยายามคิดหามุขใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้งานของเธอไม่น่าเบื่อและไม่ซ้ำแบบใคร
“คลิปการแต่งหน้าส่วนใหญ่ก็จะมาจากเราที่เป็นคนคิดเองว่าจะแต่งอะไร ช่วงนี้คนพูดถึงอะไร คนเขาสนใจอะไร หรือความชอบส่วนตัว แต่งหน้าแบบนี้แล้วรู้สึกว่ามันโอเค ถ่ายรูปลงแล้วมีคนมาถามว่าแต่งหน้าแบบนี้แต่งยังไง เราก็จะทำคลิปออกมา” น้องเมพูดถึงขั้นตอนการทำงาน และแรงบันดาลใจในงานแต่ละชิ้นด้วยสีหน้าแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
“แต่งหน้าไปตามล่าโทมินจุนชิ เลียนแบบ ซุปตา ชอน ซง อี" คลิปที่น้องเมบอกกับเราว่าเป็นตัวเองที่สุด ได้รับการตอบรับดีมาก จากการแต่งหน้าเลียนแบบตัวละครจากซีรีย์เรื่องดังที่หลายคนคงจำได้ “You came from the stars ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว” เพราะผู้ชมจะเห็นได้เลยว่าเธอเป็นคนยังไง พร้อมเหตุผลว่าภาพเคลื่อนไหวจะทำให้คนสัมผัสความเป็นตัวตนของเธอผ่านสิ่งที่เห็นได้ทันที มากกว่าตัวหนังสือที่บางคนก็ไม่ได้อ่านหมด หรือไม่เก็ทกับสิ่งที่ต้องการสื่อออกไป
“เวลาที่เมจะทำคลิปออกมาก็จะคิดเลยว่าจะทำออกมายังไงให้คนดูรู้สึกว่าผ่อนคลาย ไม่ให้น่าเบื่อ คิดแค่นั้นจริงๆ คนเลยชอบเราที่ความเฮฮาตลก ไม่ห่วงสวย ไม่ได้วางตัวเป็นคนเรียบร้อย ต้องสวยตลอดเวลา บางคนก็จะมาบอกเราว่าดูคลิปของเมแล้วมีความสุข แค่นี้ก็พอใจแล้วค่ะ”
จากความ “ชอบ” นำมาสู่ “รายได้” ก้อนโต
สอนแต่งหน้าตามเทรนในกระแส
การตลาดในปัจจุบันนี้ แบรนด์สินค้าเครื่องสำอางใหญ่ๆ หลายแบรนด์มุ่งตรงมาที่การตลาดออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ เหล่าบรรดาบล็อกเกอร์ชื่อดัง ก็จะได้รับการติดต่อให้เป็นพรีเซนเตอร์สินค้า จนเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้อย่างงามเลยทีเดียว
“พูดถึงเรื่องรายได้เมว่ามันโอเคนะ เพราะมันอยู่ที่ความพึงพอใจของเรา” ในการเจรจาตกลงค่าตอบแทนในการทำงานแต่ละชิ้น เธอเองก็จะมีราคาค่าตัวที่ตั้งไว้อยู่แล้ว ถ้าลูกค้าพอใจกับราคาที่เรียกไปก็เป็นอันตกลงกัน พร้อมกับเล่าอีกว่าในการจ้างทำคลิปแต่ละครั้งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะไม่ฟิกว่าจะต้องกี่นาที สามารถครีเอทได้เต็มที่
“อาชีพนี้มันดำเนินไปด้วยกลุ่มคนที่ติดตามเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องสร้างกลุ่มทำให้เขาชื่นชอบให้เขาติดตามเรามากๆ ก่อน แล้วลูกค้าก็จะติดต่อเราเข้ามาเอง” น้องเมเล่าให้ฟังถึงการเริ่มต้นเข้ามาสู่อาชีพบิวตี้บล็อกเกอร์ ที่เริ่มมาจากความชอบส่วนตัวของเธอเอง ทำแบบขำๆ และมีความสุขกับมัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนเป็นที่ยอมรับของคนกลุ่มใหญ่มากขึ้น รายได้ก็จะเข้ามาเอง
“ถ้าถามว่ารายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ก็ตอบยากค่ะ เพราะมันแล้วแต่ช่วง และก็แล้วแต่ด้วยว่าเราทำกี่ชิ้นต่อเดือน ถ้าให้ประมาณก็จะตกอยู่ที่ก็จะราวๆ หลักแสนขึ้นไป หรือบางแบรนด์ชิ้นเดียวเป็นหลักแสนเลยก็มี”
การจ้างงานแต่ละครั้ง 1 คลิปจะมีความยาวไม่เกิน 7-8 นาที ลูกค้าจะนำสินค้ามาให้เป็นของแบรนด์เดียวกันทั้งหมด ส่วนคลิปที่น้องเมทำเองก็จะมีหลากหลายแบรนด์รวมกัน ซึ่งถ้าดูจากการตอบรับแล้ว ผู้ชมส่วนใหญ่ก็จะชอบคลิปที่ทำเองมากกว่า เพราะมันดูหลากหลายและไม่เป็นการโฆษณาสินค้าจนเกินไป
สิ่งหนึ่งที่น้องเมเน้นย้ำกับเราว่า “ความมีเอกลักษณ์และเป็นของตัวเอง” คือสิ่งที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จ เพราะปัจจุบันมีคนที่อยากเป็นบล็อกเกอร์ หรือพยายามเป็นบล็อกเกอร์เยอะมาก คลิปใน youtubeก็มีมากมายแต่จะทำอย่างไรให้คนอยากดูของเรา จะทำยังไงให้คลิปของเราแตกต่าง นั่นคือสิ่งที่บล็อกเกอร์ทุกคนต้องค้นหาให้เจอ
“เรามาอยู่ตรงนี้ได้เพราะเราเริ่มทำตรงนั้น” เมื่อนึกย้อนกลับไปขอบคุณตัวเองทุกครั้ง ที่วันนั้นที่ได้เริ่มทำ…คิดอะไรได้ให้ทำเลยอย่ารอ วันนั้นที่ยอมเหนื่อยมานั่งตัดต่อวิดีโอ ยอมเหนื่อยเพิ่มขึ้นเพื่อทำให้มันน่าสนใจมากกว่าทำวิดีโอแบบลวกๆ ให้เสร็จๆ ไป จนในทุกๆ วิดีโอมันได้รับแต่คำชม และผลักดันให้มาอยู่ตรงนี้ได้
“คนเราถ้ามันมีความฝันหรืออยากทำอะไร ถ้ามันไม่ได้กระทบหรือทำให้ใครเดือดร้อนให้ทำไปเลย ถึงแม้ผลตอบรับที่ออกมามันจะไม่ดีมาก สุดท้ายพอมันได้ทำมันก็เป็นผลงานที่เราภูมิใจกับมัน เป็นจุดที่เมื่อเรามองย้อนกลับไปภูมิใจที่วันนั้นเราเริ่มทำสักที ที่เรามีวันนี้ได้เพราะวันนั้นแหละ”
เหนื่อยเพราะมีงานทำดีกว่า...เหนื่อยเพราะไม่มีงานทำ
น้ำขึ้นให้รีบตัก…เมื่อมีโอกาสดีๆ ผ่านเข้ามา ใครๆ ก็บอกว่าให้รีบฉวยไว้!!!
“จุดท้อของเมเลยคือ งานเยอะเกินไป แปลกไหม เพราะหลายๆ คนอยากให้มีงานเยอะๆ ได้เงินเยอะๆ แต่ด้วยความที่เมอยู่บ้าน ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรเลย เมก็เลยมีความรู้สึกว่าแล้วเราจะต้องหาเงินเยอะๆ ไปทำไม?”
ทั้งเหนื่อยทั้งเครียดไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะงานแต่ละชิ้นที่เธอทำ ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและกำลังสมองกว่าจะสำเร็จออกมาได้แต่ละชิ้นไม่ใช่เรื่องง่าย จนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวัน ทุกคนในครอบครัวต่างพากันเป็นห่วงและเครียดไปตามๆ กัน
“ด้วยความที่งานเมมันทำตอนไหนก็ได้ ไม่มีเวลาเข้างานออกงานที่ชัดเจน บางทีตี 2 ตี 3 ก็ไม่ได้นอน ช่วงที่ตัดวิดีโอ เมนอนไม่ได้เลยเพราะในหัวมีแต่เรื่องวิดีโอ อยากเอาอันโน้นมาใส่อันนี้มาใส่ ก็นอนไม่หลับ ตี 5 ก็ลุกขึ้นมาเปิดคอมฯ ทำเลยก็มี”
“ทำไมฉันต้องเหนื่อยขนาดนี้ มันเหนื่อยมากนะจนท้อไม่อยากทำแล้ว” เธอบ่นกับตัวเองและให้คนที่บ้านได้ฟังอยู่บ่อยครั้ง ถึงความเหน็ดเหนื่อยและท้อใจช่วงอารมณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเสมอๆ จนพี่สาวได้เตือนสติด้วยประโยคสั้นๆ แต่ทำให้คิดตามได้ว่า “เหนื่อยเพราะมีงานทำดีกว่าเหนื่อยเพราะไม่มีงานทำนะ” เพียงเท่านั้นความเหนื่อยและท้อก็หายไปทันที เรียกสติเธอกลับคืนมาและมองไปที่อนาคตมากขึ้น
“ช่วงหลังเรียนจบเมื่อต้นดือนมีนาคมที่ผ่าน เพราะเมต้องอยู่ในห้องตลอดเลย ตอนแรกคิดว่าเมเรียนจบเมจะได้พักแต่กลับกลายเป็นว่าต้องอยู่ในห้องตลอดเลย แล้วก็ต้องมากรุงเทพฯ บ่อยมากเพื่อมาทำงาน แล้วก็ต้องรีบบินกลับไปเพื่อไปทำวิดีโอต่อ”
ช่วงเวลาที่หนักและเหนื่อยที่สุดในชีวิต เป็นผลมาจากช่วงฝึกงานก่อนจบการศึกษา และมีงานติดต่อเข้ามาค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่มีเวลาทำเพราะต้องทำเรื่องเรียนให้เรียบร้อยก่อน หลังจากฝึกงานเสร็จงานที่เคยรับไว้ก็กองเป็นภูเขา เมื่อรับปากเขามาแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่หนักมากที่สุดในชีวิต
“อยากทำงานแล้วมันมีความสุขด้วยค่ะ งานตรงนี้มันเงินดีเราก็อยากทำเรื่อยๆ เพราะมันเป็นโอกาสที่เราก็ต้องตักตวงไว้ก่อน แต่คราวนี้เมย์ต้องหาทางออกที่ว่าเราทำไปด้วยแล้วเราสบายไปด้วย ไม่หนักขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ปฎิเสธงานเยอะมาก เลือกรับงานแล้วก็แบ่งเวลาให้มันลงตัวกว่านี้”
“Youtube Silver Button” รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ที่น้องเมเพิ่งจะได้รับมาจาก youtube ในส่วนของหน้าบิ้วตี้ที่มีคน subscribers ครบ 1 แสน ที่เคยเหนื่อยก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แถมยังเพิ่มพลังในการทำงาน และสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ต่อไปเรื่อยๆ
“จิตวิทยา” และ “การทำงาน”
นักศึกษาเอกจิตวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
แม้ว่าจะก้าวเข้าสู่การทำงานในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยแต่น้องเมก็ได้พิสูจน์แล้วว่า “การทำงานไม่มีผลกระทบกับการเรียน” ด้วยการคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 ติดไม้ติดมือมาด้วย ก่อนที่จะจบการศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
“เมเรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 เพราะเมย์เป็นคนที่โชคดีมากที่มีเพื่อนคอยเกื้อหนุนกันตลอด” ความดีความชอบทั้งหมดที่น้องเม บอกกับเราว่าต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือ และคอยเตือนว่าวิชาไหนขาดได้ วิชาไหนขาดไม่ได้ เพราะต้องเดินทางไปงานถ่ายงานของลูกค้า งานอีเว้นท์ เวิร์คชอป สอนแต่งหน้า ซึ่งบางทีก็จะกระทบเวลาเรียน
“เอกจิตวิทยาที่เมเรียนมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนทั้งนั้นเลย มันเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของคน ความคิด สาเหตุของพฤติกรรม ก่อนที่เราจะทำอะไรลงไปมันจะส่งผลยังไง ซึ่งสามารถเอามาปรับใช้ในการทำงานได้” น้องเมบอกกับเราว่าแม้จะไม่ได้ทำงานทางด้านจิตวิทยาโดยตรง แต่ที่ผ่านมาเธอก็ได้นำทฤษฎีต่างๆ ทางด้านจิตวิทยามาปรับใช้ในการเข้าสังคม พูดคุยติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหรือร่วมงานกับคนอื่นๆ ร่วมไปถึงวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งของตัวเองและปัญหาของคนรอบข้างได้อีกด้วย
“การแก้ไขปัญหาของเราบางที่เราก็ใช้ทฤษฎีจิตวิทยาเข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหาในชีวิต เราเรียนมาว่าวิธีที่จะดึงคนที่เขากำลังรู้สึกแย่ขึ้นมาต้องทำยังไง เราก็เอามาปรับใช้กับตัวเอง หรือถ้าใครมีอะไรมาปรึกษาเราก็พอจะรู้วิธีว่ามันต้องช่วยเขายังไง”
จากประสบการณ์การทำงานตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย จนมาถึงวันนี้หากมองย้อนกลับไป สิ่งที่เธอได้กลับมากลายเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ จากเด็กที่เรียนๆ เล่นๆ จนพัฒนามาเป็นคนที่ทำงานเป็น รู้จักที่จะทำงานกับผู้ใหญ่กับโลกภายนอก ไปจนถึงเรียนรู้สเต็ปการทำงาน
“งานพัฒนาทักษะของเมทุกด้าน ฝึกการพูดการคิด จากที่แต่ก่อนเราอาจจะพูดสะเปะสะปะ เดี๋ยวนี้ก็จะต้องพูดให้อยู่ในกรอบที่เราจะสื่อไปให้มากขึ้น เมต้องซื้อหนังสือแพลนเนอร์เป็นตารางแบ่งเวลาว่าวันนึงเราจะต้องทำอะไร”
อีกหนึ่งเรื่องที่เห็นได้ชัด จากการที่จะต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย การแบ่งเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จนทำให้ชีวิตมีระเบียบแบบแผนมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นคนที่มีตารางชีวิตเป๊ะมาก โดยเฉพาะช่วง 2 ปีที่ผ่านมางานเข้าเยอะมากๆ ต้องส่งให้ตรงเวลาเลทไม่ได้
ยุคนี้ไม่ใช่ยุคการสวยแบบ 'แพทเทิร์น'
เพราะความสวยคือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา และพยายามทำทุกทางเพื่อให้มีโอกาส…สวย เมื่อเราได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยกับบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ที่คลุคลีอยู่กับความสวยความงามของผู้หญิงมาเป็นระยะเวลานาน จึงอดไม่ได้ที่จะถามถึงทัศนะคติเรื่องความสวยและเทรนที่ควรจะเป็นของผู้หญิงยุคนี้
“เสน่ห์ส่วนบุคลสำคัญมากค่ะ เพราะยุคนี้ไม่ใช่ยุคการสวยแบบแพทเทิริน์แล้ว ไม่ใช่ว่าแต่งหน้าตามเจนนี่แล้วคุณจะนู๊ดเหมือนกันหมด” สิ่งหนึ่งที่บิวตี้บล็อกเกอร์คนนึงกำลังจะบอกกับผู้หญิงทุกคนว่า สิ่งที่พวกเธอกำลังทำอยู่อาจจะไม่ใช่ความสวยงามตามท้องเรื่องอีกต่อไป เพราะความงามที่แท้จริงมันอยู่ที่สไตล์ของแต่ละคน ทุกคนมีความเก๋เป็นเสน่ห์ของตัวเอง แค่เราต้องหาให้เจอแล้วดึงมันออกมาก็พอ
“เมว่าเสน่ห์มันเป็นจุดที่จะทำให้คนเขาอยากมองเรานานๆ โอเคคุณอาจจะหน้าตาดีแต่งหน้าสวย คนก็อาจจะสะดุดมอง แต่มันก็แค่แป๊บเดียวเพราะว่ามันเป็นแพทเทิร์นเดียวกันหมดเลย มันต่างจากการที่คุณมีเสน่ห์เดินผ่านแล้วคนเหลียวหลัง เพราะคุณมีสไตล์”
เห็นเป็นบล็อกเกอร์และกูรูเรื่องความสวยความงาม หลายคนคงคิดว่าชีวิตประจำวันของเธอคงต้องแต่งหน้าจัดเต็มทั้งเวลาที่อยู่บ้านและไปเรียน
“เวลาไปเรียนเมแทบจะไม่ได้แต่งหน้าเลย เพราะมันแต่งไม่ทัน เมตื่นสาย (หัวเราะ)” เธอให้เหตุผลว่าที่ไม่ได้แต่งหน้าหรือจัดเต็มอย่างที่หลายๆ คนคิดเพราะว่าไม่รู้จะแต่งไปให้ใครดู จนเพื่อนๆ ของเธอถึงกับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากให้คนอื่นๆ เขามาเห็นแกในสภาพนี้จัง” พร้อมทั้งกล่าวทิ้งท้ายก่อนจากกันว่า
“ผู้หญิงบางคนอาจไม่ต้องแต่งหน้าสวย แต่ให้ไปลงด้านแฟชั่นที่ทำให้เราดูโดดเด่นมาแต่ไกล ไม่ใช่ยุคที่ว่าต้องตาโตแบ๊วเหมือนกันหมด เดี๋ยวนี้เราก็จะเห็นแล้วว่าไม่ใช่จะมีผิวขาวอย่างเดียว ผิวสีแทนก็ได้รับความนิยมไม่น้อย การแต่งหน้าเป็นเพียงการเสริมบุคลิกและปกปิดความบกพร่องเท่านั้น” มันก็จริงที่ว่าผู้หญิงอย่าหยุดสวย...แต่ไม่จำเป็นต้องสวยในแบบเดียวกันหมดทั้งโลก.
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : พรพรรณ เรืองปัญญาธรรม
ชื่อเล่น : เม
เกิด : 7 เมษายน 2536 (22ปี)
น้ำหนัก : 48
ส่วนสูง : 158
การศึกษา : โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ระดับปริญญาตรี สาขาจิตวิทยา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
การทำงาน : บล็อกเกอร์/ยูทูปเบอร์
ยามว่าง : ฟังเพลง เล่นอินเตอเน็ต
อาหารโปรด : ทุกอย่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น