ทคนิคต่อยอดเงินหลักพันเป็นหลักล้าน
โดย กิติวัจน์ อักรังษี ผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน ผลิตภัณฑ์ และจัดสรรการลงทุน บลจ.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)
สวัสดีครับ เป็นอย่างไรบ้างครับทุกท่าน ช่วงวันหยุดยาวสามวันที่ผ่านมาก็เป็นโอกาสอันดีที่ผมได้มีโอกาสหยุดพักจากการทำงานและได้ครุ่นคิดว่า ควรเริ่มเก็บเงินเพื่อการเกษียณอย่างจริงจังได้แล้ว การเริ่มเก็บออมควรจะเริ่มเก็บตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน เพราะจะทำให้เราถึงเป้าหมายทางการเงินได้ง่ายขึ้นด้วยพลังแห่งดอกเบี้ยทบต้นหรือผลตอบแทนจากการลงทุน ผมมีเทคนิคการออมเงินล้านให้ได้ภายในอายุ 40 ปี มาแชร์ครับ
ลองเทียบกันดูว่าถ้าเราเริ่มเก็บเงินในช่วงอายุที่ต่างกัน เริ่มเก็บเมื่อายุ 20 25 หรือ 30 ปี จะให้ผลที่ต่างกันหรือไม่ ถ้าผลตอบแทนการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี หรือพอๆกับอัตราผลตอบแทนจากเงินฝากประจำกับธนาคาร ผลการคำนวณแสดงให้เห็นดังตารางข้างล่างนี้ครับ
ลองเทียบกันดูว่าถ้าเราเริ่มเก็บเงินในช่วงอายุที่ต่างกัน เริ่มเก็บเมื่อายุ 20 25 หรือ 30 ปี จะให้ผลที่ต่างกันหรือไม่ ถ้าผลตอบแทนการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี หรือพอๆกับอัตราผลตอบแทนจากเงินฝากประจำกับธนาคาร ผลการคำนวณแสดงให้เห็นดังตารางข้างล่างนี้ครับ
อายุที่เริ่มออม
|
ระยะเวลาถึงอายุ40 ปี
|
เงินที่ต้องฝากแต่ละเดือน
|
เงินที่ต้องฝากทั้งหมด
|
เงินที่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ย
|
% เงินที่ได้มาจากดอกเบี้ย
|
20 ปี
|
20 ปี
|
3,392
|
814,120
|
185,880
|
18.6%
|
25 ปี
|
15 ปี
|
4,768
|
858,316
|
141,684
|
14.2%
|
30 ปี
|
10 ปี
|
7,535
|
904,161
|
95,839
|
9.6%
|
ท่านผู้อ่านจะเห็นว่า หากเราเก็บออมตั้งแต่อายุ 20 ปี เราใช้เงินเพียงแค่ 814,120 บาท เพื่อให้ได้เงินล้านในอายุ 40 ปี หรือได้เงินมาจากดอกเบี้ยเงินฝากถึง 18.6% กลับกันหากเราเริ่มฝากเมื่ออายุ 30 ปีนั้น เราต้องใช้เงินมากขึ้นทั้งจำนวนเงินที่ต้องฝากแต่ละเดือน รวมถึงเงินที่ต้องฝากทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่า ระยะเวลาในการเริ่มฝากเงินนั้นสำคัญ นี่จึงเป็นที่มาของวลีเด็ด “ออมก่อน รวยกว่า” อย่างไรหละครับ
นอกจากระยะเวลาเงินฝากที่สำคัญแล้ว อัตราผลตอบแทนก็สำหรับไม่แพ้กัน เพราะทำให้เราถึงเป้าหมายการลงทุนโดยใช้เงินน้อยลง ไม่เชื่อลองดูตัวอย่างถัดไปซิครับ นำเงินไปลงทุน ผลตอบแทนประมาณ 8% ต่อปี
นอกจากระยะเวลาเงินฝากที่สำคัญแล้ว อัตราผลตอบแทนก็สำหรับไม่แพ้กัน เพราะทำให้เราถึงเป้าหมายการลงทุนโดยใช้เงินน้อยลง ไม่เชื่อลองดูตัวอย่างถัดไปซิครับ นำเงินไปลงทุน ผลตอบแทนประมาณ 8% ต่อปี
อายุที่เริ่มออม
|
ระยะเวลาถึงอายุ40 ปี
|
เงินที่ต้องฝากแต่ละเดือน
|
เงินที่ต้องฝากทั้งหมด
|
เงินที่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ย
|
% เงินที่ได้มาจากดอกเบี้ย
|
20 ปี
|
20 ปี
|
1,698
|
407,456
|
592,544
|
59.3%
|
25 ปี
|
15 ปี
|
2,890
|
520,174
|
479,826
|
48.0%
|
30 ปี
|
10 ปี
|
5,466
|
655,931
|
344,069
|
34.4%
|
จากตารางข้างต้น หากเรานำเงินไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น เราจะใช้เงินลงทุนน้อยลงในการเก็บเงินให้ถึงหนึ่งล้านบาท ยิ่งถ้าเราเริ่มออมเร็วตั้งแต่อายุ 20 ปี ใช้เงินออมแค่เดือนละ 1,698 บาทก็ทำเงินล้านได้แล้ว คิดง่ายๆ คือ ใช้เงินต้นแค่ 407,456 บาทน้อยกว่าเดิมเกือบครึ่ง นั่นเพราะพลังทบต้นของอัตราผลตอบแทนไงครับ
อย่างที่ผมเกริ่นข้างต้นนั่นแหละครับว่า ทฤษฎีของเราถูกต้องที่เก็บออมแต่เนิ่นๆ ย่อมได้เปรียบ แต่อย่าลืมว่า อัตราผลตอบแทนยิ่งมากยิ่งดี เพราะฉะนั้นการตัดสินใจว่าลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็สำคัญมากเช่นกัน จะเก็บเงินฝากธนาคารทั้งหมดก็คงไม่ไหว เพราะดอกเบี้ยนั้นน้อยเหลือเกิน
แล้วถ้านักลงทุนตัดสินใจว่าจะลงทุน และรู้แล้วว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ไหน สิ่งที่ต้องรู้ต่อมาคงจะเป็นลงทุนอย่างไร สำหรับเรื่องการลงทุนอย่างไร ผมมี 3 ตัวเลือกครับ
1)จับจังหวะตลาด (Market Timing) เลือกลงทุนเมื่อเห็นว่าราคาถูก โดยอาจจะใช้ปัจจัยพื้นฐาน เช่นอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (PE ratio) หรือปัจจัยทางเทคนิค เช่น MACD, RSI หรืออื่นๆ
2)ซื้อเฉลี่ยตามจำนวนเงินที่ตั้งไว้ (Dollar Cost Average)
3)ซื้อเฉลี่ยเพื่อให้อัตราส่วนลงทุนเติบโตตามเป้าที่ตั้ง (Value Cost Average)
คราวหน้าผมจะมาเล่าวิธีการลงทุนแบบใดเหมาะกับนักลงทุนประเภทไหนแล้วพบกันใหม่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น