วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เหรียญ10 ตกเสียงดัง แบงค์พันตกเสียงเงียบ

อากงสอนว่า อาม่าบอกไว้ ตอนที่ 4 (เหรียญ10 ตกเสียงดัง แบงค์พันตกเสียงเงียบ)


อากงสอนว่า อาม่าบอกไว้ ตอนที่ 4 (เหรียญ10 ตกเสียงดัง แบงค์พันตกเสียงเงียบ)
ความฝันของวัยรุ่น ทุกคน คงไม่พ้น การมีอิสระ

เมื่อครั้งที่ฉันเติบโต เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้ว
ฉันก็ย้ายตัวเองออกไปสู่โลกภายนอก
ที่คิดว่าให้ความสะดวก (ในการหนีเที่ยว) ได้มากกว่า
แต่ที่บ้านก็ยังคงเป็นสถานที่ ที่อบอุ่นที่สุดอยู่เสมอ

กลับมาหาอากง ที่บ้านเมื่อไหร่
ก็มักจะเห็น อากงเปิด TV แบบปิดเสียง

เพราะว่าอากง สนใจดูเฉพาะตัวเลขหุ้น ที่วิ่งเรียงๆกันอยู่ด้านล่างจอภาพ
ถึงแม้ อากงจะอ่านภาษาไทยไม่ออกสักนิด

เห็นแค่ ตัวอักษรอังกฤษ สามสี่ตัว ก็บอกได้แล้วว่าคือธุรกิจอะไร
( เมื่อก่อนนั้น หุ้นจะเรียลไทม์ ที่สุดในทีวี
ไม่ก็ต้องไปนั่งเฝ้าที่ตลาดหลักทรัพย์กันเลย )

ท่านเลยได้รับยกย่อง ให้เป็นฐานข้อมูลสำคัญ ของลูกๆ ทุกคน

ฉันเคย ถามกงว่า
อากง สนใจอะไรหนักหนาคะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย
ตัวเลขวิ่งๆ ดูวุ่นวาย ไร้สาระ

นอกจาก อากงจะไม่ให้เปลี่ยนไปไหนแล้ว

ยังหันมาพูด ด้วยหน้านิ่งๆ อีกประโยคหนึ่ง แปลได้ความว่า

" เหรียญสิบ ตกเสียงดัง / แบงค์พัน ตกเสียงเงียบ "

แล้วก็ ไม่สนใจฉันอีกต่อไป
( ถามกลับว่า มันคืออะไร กงก็ไม่ยอมบอก )

สำหรับฉันแล้ว อากงก็คือ คนแก่แนวๆ คนหนึ่งในยุคนั้น
( เป็นขั้นกว่า ของ ผู้ใหญ่แนว และเป็นขั้นสูงสุดของเด็กแนว อีกที )

อากง เป็นตัวของตัวเอง ไม่เคยคิดตามใคร
ตัดสินใจ ด้วยสัญชาติญาณ

ตั้งแต่ ฉันจำความได้
อากง และ ลูกๆ (ก็พวก น้องชาย น้องสาวของพ่อ ที่ฉันเรียกว่า อาเจ่ก อาโกว อีก 5 คน)

ทำธุรกิจมาแล้วหลายอย่าง

ไล่ตั้งแต่ ขายส่งเหล้า เบียร์ ตามร้านอาหาร และ สถานบันเทิง /
ขายข้าวสาร / ขายน้ำตาล /ทำโรงงาน เสื้อผ้าส่งออก / ทำร้าน หมูกระทะ / ซื้อที่เก็งกำไร / ทำโรงงานกล่อง และอื่นๆ

ล้มลุกคลุกคลาน กัน สนุกสนาน กับประสบการณ์ที่ไม่มีโรงเรียนที่ไหนเปิดสอน

แต่ภาพพจน์ของอาจารย์ใหญ่ที่นี่ (ก็อากงนั่นล่ะ) ก็คือ
อาแปะ แก่ๆ ผอมๆ ผมขาวทั้งศีรษะ ใบหน้านิ่งๆ แฝงรอยยิ้มลึกๆ

ทุกๆ วัน จะมีเครื่องแบบใส่ ซ้ำๆ กัน อยู่แบบเดียว
คือ เสื้อกล้าม กับ กางเกงสามส่วนแบบสุภาพ
( วันไหน ออกนอกบ้าน ก็เพิ่มเชี๊ตขาว และ หมวก อีก 1 ใบ ไม่มากกว่านั้น )

สำหรับประโยค ที่ค้างคาใจฉันมานาน

ที่ว่า " เหรียญ 10 ตกเสียงดัง / แบงค์พันตกเสียงเงียบ "

หลังจากที่ อากงเสียไปแล้วหลายปี ...

ฉัน เข้าสู่ ระบบการทำงาน เต็มตัว
ได้รู้ ได้เห็น อะไรมากขึ้น

คำพูดนี้ มันย้อนกลับมา
เมือ ลองประมวล การใช้ ชีวิต และ วิธีคิดของอากง แล้ว
ท่าน คงต้องการจะบอกว่า...

" ถ้าคิดจะทำธุรกินใหญ่โต ไม่ต้องคุยโวโอ้อวด
ให้เป็นเหมือนแบงค์พัน ที่มีค่า แต่ไม่ส่งเสียง "

และอีกอย่าง
จากที่อากง แสดงให้เห็นมาตลอดชีวิต ก็คือ

ไม่ต้องไปเสียดาย กับ เงินทอง หรือ สิ่งของอะไรก็ตามที่เราให้กับผู้อื่น
โดยเฉพาะ กับลูกน้อง

แต่ ให้ระวัง เรื่อง " ค่าโง่ " จากความ ไม่รู้
กับ " ค่านิยม " ปลอมๆ ที่มักแฝงตัวมาเงียบๆ
แต่เราต้องจ่ายให้มัน ราคาแพงนักหนา

ก็อย่างว่าล่ะ...

ข้าวของ เงินทอง นั้น มักส่ง เสียงดัง เพราะเราเห็นด้วยตา
แต่ความรู้สึกต่างๆ ของคนนั้น สัมผัสได้เพียงแผ่วเบา
ซึ่งเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ากันมากมายนัก

อากง ท่านสอนไว้ค่ะ :)

ก่อนจบบทนี้ ขอฝากคำสอน ของคนรุ่นก่อนไว้ดังนี้ค่ะ
( มีจดไว้นานแล้ว รู้สึกว่าตอนนี้จะกำลังเผยแพร่อยู่ในไลน์ค่ะ )

คนจีน มี 5 คำสอน ที่พร่ำบอกต่อลูกหลานว่า ไม่ควรพูด

1."ยาก" 难 พอพูดคำว่ายาก จะเป็นการบล็อคความสามารถทันที

2."ทำไม่ได้" 不会做 จะเป็นการขับไล่ตัวจากสิ่งที่ทำ หรือปิดกั้นการเรียนรู้

3."ท้อ" 灰心 เพราะเพียงคำนี้ผุดขึ้น พลังทั้งมวลทั้งร่างกายและจิตใจจะถดถอยสูญสิ้น

4."ขี้เกียจ" 蓝 ไม่ควรแม้แต่พูดเล่น เพราะจะทำให้สร้างความไม่รับผิดชอบ

5."เหนื่อย" 累 พอพูดคำนี้ออกมา ร่างกายก็จะตอบสนองด้วยการอ่อนแอลงทันที

"จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว"

不 懂 时 , 别 乱 说 懂 得 时 , 别 多 说
心 乱 时 , 慢 慢 说 没 话 时 , 就 别 说
เวลาไม่เข้าใจ อย่าพูดมั่ว เวลาเข้าใจแล้ว อย่าพูดมาก

Kissrain Aey
เรนันท์ สุทธิสว่างวงศ์
เวลาจิตใจสับสน ค่อยๆพูด เวลาไม่มีอะไรจะพูดก็อย่าพูด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น