เฮ้ยย!! เงินหายไปไหน เมื่อวานก็ยังมีอยู่ตั้งเยอะ เฮ้ย!! ไม่ได้ใช้อะไรนี่หน่า หรือว่าหล่นหาย เฮ้ย!! หยุด!! หยุดได้แล้ว! รู้แล้วว่าเงินหาย แต่ไม่รู้ว่าหายไปไหนกันใช่มั้ย วันนี้กวางจะมาบอกพวกคุณทุกคนเอง ว่าเงินที่เราๆหากันเลือดตาแทบกระเด็นเนี่ย อยู่ดีๆวันนึงก็หายไป มันหายไปไหนกัน เงินเก็บก็ไม่มี เงินใช้ก็จะไม่มี ขืนเป็นอยู่แบบนี้อนาคตของคุณจะเป็นยังไงกันดีล่ะ ตื่นจากภวังค์และตาสว่างกันได้แล้ว จะบอกให้ว่า เงินหายไปไหน! (ฉบับมนุษย์เงินเดือน)
1. เบื่อข้าวกลางวันจัง
เราจะได้ยินประโยคนี้จากหนุ่มสาวออฟฟิตในช่วงพักกลางวันที่ "บับบว่า..เบื่อร้านแถวนี้" "ไปกินที่อื่นกัน" "แก วันนี้ชาบูลดราคานะเว้ย" และอีกสารพัดคำเอื้อนเอ่ยที่คุณก็งัดเข้ามาด้วยเหตุผลเดียวที่ว่า "ฉันอยากกิน" ซึ่งคุณรู้มั้ยว่า พฤติกรรมแบบนี้แหละที่จะทำให้เงินของคุณหมด หด หาย แบบไม่รู้ตัว!! บุฟเฟต์ต่อหัวเฉลี่ยก็ 200+ อาหารจานเดียวในห้างหรือร้านอาหารก็ 100+ นี่ยังไม่รวมเครื่องดื่มอีกนะ เอาเป็นว่าถ้าอยากกกกกกกกกกกกกินแบบนี้ทุกวัน คูณจำนวนวันที่คุณทำงานเข้าไป เดี๋ยวก็รู้ว่า เงินหายไปไหน!!
2. แก...วันนี้เหนื่อย เครียด เย็นนี้ไปหาไรกินกัน
เอาอีกแล้ว กลางวันไม่พอจะขอเย็นอีก!! ช่วงเย็นคุณก็คงไม่พ้นร้านอาหารย่านทองหล่อ สยาม หลังสวน ที่บรรยากาศชิ๊ลชิล อาหารดีดี๊ ซึ่งมันก็ทำให้คุณหายเหนื่อยได้ไม่น้อย แล้วพอเช็คบิลคุณก็จะบอกอีกว่า เออ..นานๆทีไม่เป็นไรหรอก (เมื่อวานก็มา) ณ จุดนี้ กรุณาดึงสติตัวเองด้วยค่ะ! นานๆกินทีไม่มีปัญหา แต่ถ้ากินถี่ๆทุกวันปัญหามาแน่!
3. ชีวิตเราต้องอิสระ ออกเดินทาง ไปเที่ยวตามฝัน!
การท่องเที่ยว การเดินทาง ถือเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่!! ถ้าคุณไม่พร้อม กรุณาอย่ากระกระสนเอาอย่างเหล่าฮิปเสตอร์ภาพซีด หรือติสตามวอลเตอร์มิตตี้เลย เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่า กระแสนี้มาแรงเหลือเกินจนหลายๆคนก็ทำตามๆกัน ซึ่งรู้ตัวอีกที กลับมาไม่มีเงิน! เงินหมด! ก็ลองคิดดูสิว่า การเที่ยวต่อทริปต้องใช้เงินเท่าไหร่ ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าที่พัก ค่าของฝาก ค่าตามใจตัวเอง สารพัดค่า!! ถ้าคุณไม่มีเงินเก็บ แต่มีภาระ หรือเรียกง่ายๆว่าคุณไม่พร้อม ก็รอให้พร้อมก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปเที่ยวอย่างเพื่อนๆเค้า ยังไงก็ไม่สาย อยากเที่ยวอยากสนุกต้องเก็บเงินนะคะ มีเงิน มีความพร้อมก็เที่ยวเล้ยยย!
4. ชุดนี้ซ้ำแล้วไม่ใส่
บางคนรู้สึกดีที่ออฟฟิตตัวเองมียูนิฟอร์ม แต่บางคนก็รู้สึกดีที่ตัวเองจะใส่อะไรก็ได้ตามใจช้านนน อยากจะฮิปเสตอร์ มูจิ พั๊ง ร็อค แบ๊ว อะไรก็ใส่ได้ นี่ล่ะอิสระสุดๆ!! หารู้ไม่ นี่ล่ะตัวเปลืองเงินเลยยยยยยยยย ซึ่งเราน่าจะพอเดาออกว่า ที่ออฟฟิตจะมีคนๆนึงที่สาดเครื่องประดับเต็มตัว เสื้อผ้าใส่ไม่เคยซ้ำ สีลิปสติกไม่ซ้ำวัน นั่นแหละค่ะ เงินจะหายก็ตรงนั้นแหละ! บางคนอาจจะเถียงว่า ฉันซื้อของราคาถูกนะจ๊ะ ไม่ได้แพงเลยซื้อบ่อยๆได้ งั้นดิฉันขอท้าให้คุณไปบวกราคาของถูกๆของคุณดูค่ะ มันจะได้เงินก้อนเท่าไหร่ ลองดูนะเค๊อะ
5. อันนี้ถูกอ่ะ ซื้อๆๆ
ซื้อของถูกไม่ใช่ว่าจะประหยัดเงินได้ คุณเคยเห็นมั้ยคะ บุคคลที่บ้าคลั่งของถูกแบบว่าเห็นแล้วต้องซื้อ ต้องซื้อ ต้องซื้อ!! รู้ตัวอีกทีของพวกนั้นกองสุมเต็มบ้าน ซื้อมาแบบเสียดายที่มันถูก ใช้ก็ใช้ไม่ได้ ซื้อมาเก็บไว้อย่างนั้น เออออออออออออออออออ!! ลองบวกๆดูนะคะว่า ถูกจริงๆมั้ย
6. บ้ากิน
ข้อนี้ตรงตัวค่ะ บ้ากิน!! เห็นของกินที่ไหนเด็ด ที่ไหนดี ต้องตามไปกิน กินจนลืมดูเงินในกระเป๋า
7.วัตถุนิยมชมชอบ
เห็นใครฮิตอะไรใส่อะไร ก็ขอมีกับเขาบ้าง ถ้าไม่มีก็กลัวจะน้อยหน้าไปนิด นี่จึงเป็นเหตุผลของคนกลุ่มนี้ที่บ้าซื้อบ้าทำตามกระแสนิยม บางคนขอทำเพื่อให้ได้ถ่ายรูปลงเฟสบุค บางคนขอมีบ้างคนจะได้โหวหาวตื่นเต้นกับเรา ซึ่งคุณอาจลืมว่า สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เปลือก!
8. เดี๋ยวเงินก็ออก
นี่คือวาทะเด็ด!! ของเหล่ามนุษย์เงินเดือน(บางคน) พวกเขาไม่เคยคิดจะมีเงินเก็บ คิดอย่างเดียวว่าต้องมีเงินใช้ เลยทำให้คนกลุ่มนี้ใช้เงินราวกับทิชชู่ ใช้ๆๆๆพอใกล้ๆสิ้นเดือนแทนที่จะประหยัดกลับใช้ไม่หยุด เพราะคิดว่า เดี๋ยวเงินก็ออกแล้ว
9. บ้าการพนัน
ไม่ว่าหวย ไม่ว่าบอล ขึ้นชื่อว่าการพนันแล้ว ไม่เคยทำให้ใหรอกค่ะ เข้าใจว่าสมัยนี้เงินทองมันหายาก แต่วิธีนี้ก็ไม่ใช่วิธีหาเงินที่ถูกต้อง คิดดูง่ายๆว่า เลข 100 ตัว คุณต้องซื้อให้ถูก กี่งวดละคะคุณถึงจะถูก โถ!! คนทำมาหากินทุกวันยังไม่อยากจะรวย แล้วนับประสาอะไรเอาเงินไปทุ่มกับการพนัน
10. ง่ายไว้ก่อน
อันนี้จะขอพูดถึงเรื่องการโดยสาร อย่างที่รู้กันว่าบ้านเราเป็นเมืองที่มีระบบขนส่งที่ค่อนข้างครบ ทั้งรถเมล์ แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซ รถไฟฟ้า สองแถว ซึ่งการเดินทางประเภทต่างๆก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากที่จะทำให้คุณประหยัดได้มากขึ้น แต่สำหรับคนบางกลุ่มไม่คิดแบบนั้น จะไปไหนของ่ายๆไว้ก่อน แท็กซี่ไว้ก่อน ง่ายๆเลย ซึ่งเราไม่ได้บอกว่าคุณไม่ควรขึ้นแท็กซี่หรืออะไรนะคะ เราแค่จะบอกคุณว่า คุณสามารถประหยัดเงินจากตรงนี้ได้มากๆเลย เช่น ถ้าคุณไม่รีบ ไม่มีของติดตัวเยอะ ถ้าทางที่คุณไปและจุดที่คุณอยู่ คุณสามารถขึ้นรถเมล์ไปได้ ก็ควรจะขึ้นเพราะขั้นต่ำไม่ถึงสิบบาทก็ไปได้ทั่วกรุงเทพ แต่ในกรณีที่คุณรีบและข้าวของเยอะ ก็ขึ้นแท็กซี่ รถไฟฟ้าเถอะค่ะ แพงหน่อยก็คุ้มค่าแก่เวลา เพราะฉะนั้นก่อนจะไปไหนต้องคำนวน อย่าเอาง่ายไว้ก่อน ไม่งั้นเงินคุณจะเกลี้ยง!
11. ใช้อะไรไม่เคยดู
ไม่ว่าจะค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต ทุกๆค่าที่ต้องจ่ายรายเดือน คุณไม่เคยแม้แต่จะมองบิล ได้แต่ทำหน้าที่ถึงกำหนดแล้วต้องไปจ่าย กวางอยากให้คุณกางบิลพวกนั้นมาดูโดยละเอียดค่ะ วิธีนี้จะทำให้คุณเข้าใจในการคำนวนค่าต่างๆในบิลได้ และสมองของคุณก็จะคำนวนวิธีที่ประหยัดโดยไม่รู้ตัว ลองดูค่ะ แค่ใส่ใจสักนิด
12. อวด..
สำหรับบางคน ชื่นชอบการถ่ายภาพคู่กับของราคาแพงไม่ว่าจะเป็น อาหาร กระเป๋า รองเท้า ต่างหู รถยนต์ หรืออะไรก็ตามที่มันแพงๆ ก็จะต้องขอถ่ายมาลงเฟสบุคเรียกไลค์สักหน่อย ซึ่งแท้จริงแล้วในกระเป๋าสตางค์ตอนนั้นอาจจะติดลบอยู่ก็ได้ อย่าให้วิธีนี้ติดเป็นนิสัยของคุณ จนคุณกลับมาเป็นคนปกติกินข้าวแกงริมทางไม่ได้
13. สารพัดบัตร
จะบอกว่าการที่คุณมีบัตรส่วนลดเยอะๆ มันเป็นตัวกระตุ้นให้เงินของคุณออกไปจากกระเป๋า!!! เพราะทุกครั้งที่คุณเปิดกระเป๋าเงินเจอบัตรเหล่านี้ คุณจะรู้สึก อยากได้ อยากมี เสียดาย ซื้อสักหน่อย ซึ่งนั่นแหละ! นักการตลาดเขาคิดมาหมดแล้วค่ะ รอคุณหยิบจ่ายเงินแค่นั้นก็สำเร็จ!
14. ไม่เก็บเงิน
คุณมักคิดว่า การเก็บเงินเดือนละพันเป็นเรื่องไร้สาระ เก็บชาตินี้คงจะรวยหรอก นี่แหละค่ะ!! เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณไม่มีเงินเก็บ และดีแต่ใช้ๆจนเดือนชนเดือน หรือบางเดือนติดลบ ถ้าคิดแบบนี้ต้องคิดใหม่นะคะ แล้วลองดูคนที่เขาประสบความสำเร็จ หรือ!!ดูง่ายๆว่าเปิดร้านถ่ายเอกสารเก็บเงินถ่ายแผ่นละ 50 สตางค์ยังรวยได้ แล้วทำไมเก็บเงินเดือนละพันจะรวยไม่ได้เล่า!!
15. หมิ่นเงินน้อย คอยวาสนา
คำโบราณกล่าวไว้ กี่ยุคกี่สมัยก็ยังใช้ได้ดี ซึ่งความหมายมันตรงตัวค่ะ ถ้าคุณเป็นคนขี้เกียจ ไม่รู้จักเรียนรู้ และพึ่งแต่โชคชะตา ก็หวังได้เลยว่าจะมีเงิน! อยากรวยอยากมีเงินต้องลงมือทำค่ะ ไม่ใช่รอคอย!!
นี่คือ 15 ข้อ ที่ทำให้คุณเห็นว่า เงินคุณหายไปไหน!! คราวนี้ตาสว่างแล้ว ต้องเลิกทำพฤติกรรมเหล่านี้และปรับตัวนะคะ จะทำอะไรก็เอาแต่พอดี เดินทางสายกลางใช้เงินอย่างมีสติ รับรองคุณรวยได้แน่นอน! แต่ถ้าคุณมีเงินเหลือกินเหลือใช้อย่างไม่เดือดร้อน 15 ข้อนี้ ก็อาจจะไม่มีความหมายสำหรับคุณก็ได้ แต่ถ้าคิดว่าดีก็ลองทำนะคะ
photo credit : scarletboulevard.com / The Wolf of Wall Street
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น