คุณ เมล์ รัชกิจ อัศวชินเทพกุล เจ้าของกิจการ กล้วยหอมทอด คูชี่ส์
ผมเริ่มค้าขายครั้งแรก สมัยเรียน ม6 ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เริ่มจากมองว่าเสื้อที่ระลึกลายเกี่ยวกับโรงเรียน ที่ทำขายๆกันนั้น ไม่สวยถูกใจ อยากมีเสื้อลายโรงเรียนที่ออกแบบเอง ใส่เชียร์บอล ไปเที่ยว ไปเรียนพิเศษได้แบบเท่ห์ๆ จึงตัดสินใจออกแบบลายเอง โดยหุ้นกับเพื่อนอีก2คน ทำใส่เอง แต่ด้วยการสั่งต้องมีปริมาณ จึงตัดสินใจทำขายด้วยซะเลย ปรากฏว่าขายหมดภายใน2-3วัน ขนาดเสื้อที่ใส่เป็นตัวอย่างตอนขาย ยังต้องถอดให้หรีดเดอร์ที่มาขอซื้อเลย กำไรก้อนแรกมา1หมื่น แบ่งกันคนละ3พัน เหลือ1พัน ไปฉลองกันต่อ สมัยนั้นเป็นช่วงได้ใจ คิดว่าทำธุรกิจง่ายนิดเดียว ออกเสื้อมากี่แบบก็ขายหมดจนแทบไมมีเก็บไว้ใส่เอง…
พอเข้ามหาลัยปี1 นิเทศศาสตร์ สาขาโฆษณา มหาวิทยาลัย รังสิต จึงตัดสินใจขอเงินทุนแม่จำนวนหนึ่ง เปิดร้านขายนาฬิกากราฟฟิก (ธุรกิจที่นำภาพลูกค้ามาใส่ลายกราฟฟิก แล้วสกรีนลงวัสดุต่างๆ) ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ธุรกิจวันแรกเป็นไปได้ด้วยดี เพราะแม่มาเหมาไปหลายเรือน แต่วันต่อๆมาเริ่มรู้ว่า การทำธุรกิจนั้นไม่สวยหรูอย่างที่คิดไว้ เริ่มมีอุปสรรคต่างๆนาๆเข้ามา ทำให้ต้องแก้ปัญหาตลอดๆ ทั้งการกลั่นแกล้งจากคู่แข่ง แข่งขันด้านราคา การคุมพนักงาน ซับพลายเออร์ไม่มีคุณภาพ ฯลฯ เคยน้อยใจเพราะเสียดายชีวิตวัยรุ่นช่วงมหาลัย เราเฝ้าร้าน แต่เพื่อนๆไปเที่ยวในห้าง ไปดื่มเฮฮากัน แต่พอเห็นรายได้ก็หายท้อ หายน้อยใจ
ตอนอยู่ปี3 มีวันนึงเดินในห้าง เห็นตู้บริการถ่ายภาพอัตโนมัติ พร้อมส่งเมลล์เลย( ถ่าย-เลือกลายกรอบ-พิมพ์ข้อความ-ส่งเมลล์) ทำให้รู้สึกว่าธุรกิจที่ทำอยู่ต่อไปต้องหมดเทรนด์ในไม่ช้า ประกอบกับร้านข้างๆเป็นร้านขายชุดราตรี เจ้าของกำลังเซ้งเพื่อไปอยู่ต่างประเทศ จึงตัดสินใจเซ้งร้านขายชุดราตรีขึ้นมา โดยที่ไม่มีความรู้ใดๆเลย เห็นแค่บัญชีที่กางให้ดู กำไร6หลัก ในใจคิดแค่ว่า แค่ทำตามสิ่งที่เจ้าเดิมทำอยู่ ก็น่าจะได้ยอดเท่ากันจะยากอะไร ด้วยความคิดแบบเด็กๆทำให้เจ็บตัวอยู่พักใหญ่ๆ ถือเป็นประสบการณ์ชั้นดี ว่าก่อนตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจอะไร ควรศึกษาให้ถ่องแท้ระดับนึงเสียก่อน เราทุกคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน แต่เมื่อเริ่มจับจุดได้ ก็ขยายสาขาไปที่สยามอีก2สาขา ต้องบินไปเลือกชุดที่ฮ่องกง และจีนเกือบทุกเดือน ทั้งหิ้วกลับมาขายเอง และออเดอร์ส่งตามมาทางเรืออีกที ตอนนั้นถือเป็นช่วงที่เหนื่อยมาก เพราะต้องดูแลพร้อมกันถึง4ร้าน เรื่องเรียนไม่ต้องพูดถึง แค่ประคองไม่ให้ขาด มีเพื่อนคอยทำรายงานให้ ลงทะเบียนเรียนให้
ตอนใกล้จบเป็นช่วงสับสนว่าถ้าเรียนจบจะเลือกอนาคตด้านไหนดี ค้าขาย หรือครีเอทีฟ เพราะช่วงเรียน เวลามีงานประกวดผมชอบส่งงานเข้าประกวด เคยผ่านเข้ารอบสุดท้าย แต่เนื่องจากเพื่อนที่มหาลัยมีน้อยจึงไม่มีทีมถ่ายทำหนังโฆษณา และต้องสละสิทธิไปในที่สุด แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทำธุรกิจต่อไป จนมีวันนึงมางานวันเกิดอากง อากู๋เดินเข้ามาชวนคุยเรื่องธุรกิจ ท่านฝากข้อคิดไว้ว่า ถ้าเรามี4ร้าน ทุกวันเปิดร้านมีคนผ่านหน้าร้านเรา500คน 4ร้านเท่ากับมีคนผ่าน 2,000คน แต่ถ้าเราหาธุรกิจที่กระจายสินค้าไปยังที่ต่างๆได้ ทุกวันจะมีคนเห็นสินค้าเราเป็นหมื่นเป็นแสน ตอนนั้นเลยตัดสินใจปิดกิจการทั้งหมดแล้วมาโฟกัสธุรกิจที่สามารถไปวางตามที่ต่างๆได้ทั่วประเทศ เลยมาจับธุรกิจกรอบรูป และตุ๊กตา ที่มีดีไซน์แปลกใหม่ มีฟังชั่นหลากหลายกว่าที่ขายตามท้องตลาด เสนอแบบทางโมเดิร์นเทรดผ่านเรียบร้อย แต่ด้วยเงินลงทุนมหาศาลทำให้ฝันนี้ต้องพับเก็บเอาไว้ก่อน
จนกระทั่งวันนึง น้องชายผมที่ทำงานประจำ เห็นเพื่อนที่ทำงานซื้อกล้วยฉาบมากินประจำ กินทีไรก็หยุดไม่อยู่ เผลอแป๊บเดียวหมดถุง เลยสังเกตุว่าทำไมไม่มีคนนำมาเป็นสแน็ค ส่งขายตามโมเดิร์นเทรดจริงจัง ทำไมกล้วยไทย จะสู้มันฝรั่งเมืองนอกไม่ได้ ทั้งที่มีประโยชน์กว่าเยอะ แถมยังช่วยเกษตรกรไทยอีกด้วย จึงตัดสินใจออกจากงานชักชวนผมมาทดลองทอดกล้วย ทดลองมาหลายเดือน ทั้งไปขอความรู้ตามกลุ่มแม่บ้านต่าง ทุกวันต้องซื้อกล้วยมาทีละ4-5หวี ทดลองทอด และชิมกันทุกวัน จนเริ่มค้นพบวิธีการทำกล้วยสูตรของตัวเอง จึงเริ่มทำโรงงานเล็กๆ เพื่อรองรับมาตรฐานต่างๆ เช่น อย GMP และออกวางจำหน่ายตามร้านขายของฝาก และร้านกาแฟทั่วไป โดยมีแนวคิดเน้นปูรากฐานให้มั่นคงในทุกๆด้านก่อน ค่อยเดินทีละก้าว ก่อนลุยเข้าตลาดใหญ่ในโมเดิร์นเทรดต่อไป
ปัจจุบันนี้ กล้วยหอมกรอบ แบรนด์คูชี่ส์ ได้ออกมาแล้ว 3รสชาติ
ได้แก่ น้ำผึ้ง (หอมหวาน) , ออริจินัล ( เค็มๆมันๆ) , ฮอทสไปซี่ (เผ็ดร้อน)
ความเห็น เถ้าแก่ใหม่
เส้นทางของธุรกิจ ไม่มีใครเลยที่จะ “สำเร็จ” ทุกอย่างไป เริ่มต้นอาจจะง่าย แต่ปลายทางเป็นสิ่งที่คาดการณ์ยากทว่าสิ่งหนึ่งที่คุณ เมล์ มีคือ “ความกล้า” และ เรียนรู้ที่ “เปลี่ยนแปลง” ที่สำคัญคือ ไม่ได้ “ยึดติด” กับความสำเร็จเดิม ๆโอกาสใหม่ ๆ กับช่องทางใหม่ ๆ มาพร้อมกันเสมอ ดังเช่นที่คุณเมล์ ได้แสดงให้เราได้เห็นผมหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่า “กล้วยหอมไทย จะไม่แพ้มันฝรั่งของต่างชาติ” ดังที่คุณเมล์ปรารถนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น