ผมไปงานกิจกรรม Meeting ของเจ๊ออจัง ในงานมีซูชิกินฟรีแบบไม่อั้น ขนมจีนน้ำยาปลาแซลม่อนเป็นเข่งต่อให้พุงแตกก็ยังไม่หมด ขนมหวานกะทิลอดช่องสุดมัน และที่เด็ดที่สุดคือเรื่องราวตั้งแต่สมัยเจ๊ออจังเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานหนักเยี่ยงทาส กลับถึงบ้านเที่ยงคืนและต้องตื่นตี 4 เพื่อไปทำงานทุกวันจนกระทั่งเกิดการตัดสินใจลาออกจากงาน แต่พอมานั่งคิดๆดูแล้ว ทุกอย่างมันดูคล้ายเป็นจิ๊กซอล์ต่อกัน
ผมตกงาน
ความเจ็บปวดที่สุดของมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานเต็ม 3 ปีโดยไม่มีหยุดคือการไม่มีงานทำ ถึงแม้ผมจะไม่ชอบงานประจำแต่ก็ไม่มีความอยากจะเลิกเป็นคนกินเงินเดือนแม้แต่นิดเดียว ปัญหาที่ผมก็เจอเหมือนกับทุกๆคนก็คืออยากจะเป็นนายตัวเองแต่ไม่รู้จะทำอะไร สุดท้ายพอเเม่เป็นมะเร็งเท่านั้นเลยคิดว่าถึงเวลาแล้วจะต้องหาคำตอบจริงๆจังๆซักที
การพบกันของวิชญ์กับเจ๊ออจัง
ผมมีความฝันหนึ่งที่คิดอยากทำมานานแต่ไม่ประสบความสำเร็จซักทีคือการเผยแพร่ความรู้ในสไตล์ของตัวเองในวงกว้าง เมื่อประสบการณ์ของผมถูกร้อยเรียงเป็นตัวอักษรแล้วให้ผู้อื่นมาอ่านฟรีๆบนโลกออนไลน์ ผลก็คือสามารถทำให้คนกลุ่มหนึ่งหันมาสนใจในสิ่งที่ทำ พอมีคนสนใจเลยเขียนระบายเกี่ยวกับความไม่มั่นคงของมนุษย์เงินเดือน Vittarot.com ก็ได้หน้าที่เกินกว่าการสอนให้เล่นไพ่ทาโรต์ นั่นคือการเอาประสบการณ์ความสำเร็จของลูกค้าที่เป็นนายตัวเองมาย่อยให้เป็นภาษาของผม ไม่ใช่เฉพาะบนเว็บไซต์ของผมเท่านั้น Pantip ก็เป็นอีกแหล่งที่ผมเอาความรู้ของตัวเองไปโพสด้วย การตัดสินใจตัดความกลัวแล้วโชว์ความคิดของตัวเองทำให้เจ๊ออจังเห็นผลงาน
เจ๊ออจังคอมเม้นท์ใน Fanpage Vittarot
ทุกๆครั้งที่ผมเขียนประสบการณ์เกี่ยวกับการเป็นนายตัวเองหรือเรื่องเกี่ยวกับตกงาน เจ๊ออจังจะเข้ามาคอมเม้นท์แสดงความคิดเห็นกึ่งให้กำลังใจเสมอ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากๆคือผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ให้กำลังใจอย่างเดียว แต่เล่าประสบการณ์ตัวเองจนผู้อ่านเลิกสนใจโพสแต่ไปสนใจคอมเม้นท์ของเจ๊ออจังกันหมด เรื่องราวแรกๆที่ทำให้เจ๊ออจังเริ่มเป็นที่รู้จักคือเรื่อง “เริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินไม่ถึง 5,000 บาทกับความยากลำบากของคนที่ไม่มีทางเลือก” เจ๊เขียนด้วยสำเนียงธรรมดาแต่มันส์กว่าละครช่องสามกับช่องเจ็ดรวมกันเสียอีก
ระบายทุกข์กับงานประจำ
มีโพสหนึ่งที่ผมเอาเรื่องราวของลูกค้ามาเผยแพร่เกี่ยวกับคนที่ทำงานประจำมาเกือบทั้งชีวิตแล้วถูกบริษัทเลย์ออฟตอนปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เจ๊ออจังเข้ามาคอมเม้นท์อย่างดุเดือดว่ามนุษย์เงินเดือนนั้นแท้ที่จริงไม่มีความมั่นคงเลยซักนิด ทำงานหนักให้ตายสุดท้ายยังไงก็ไม่ใช่ของเรา ถ้าเราจะเสียเวลาทำงานให้คนอื่นรวย ทำให้ตัวเองรวยไปเลยไม่ดีกว่าหรือ เงิน 2 – 30,000 บาทมันซื้อชีวิตเราไม่ได้ซักหน่อย ประโยคของเจ๊ทำให้ผมสะดุดใจ เออ ใช่ ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่กล้าทำงานให้ตัวเองหล่ะ ไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่ง แต่เป็นเพราะระบบการศึกษาไทยมันสอนให้พวกเขาเป็นอย่างนั้น ผมควรจะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว
แนะนำให้เจ๊ออจังประชาสัมพันธ์สิ่งที่ตัวเองทำผ่านโลกออนไลน์
ผมบอกว่าเรื่องราวของเจ๊นั้นเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นถ้ามันถูกเล่าออกไป มนุษย์เงินเดือนมากมายต้องการต้นแบบที่ดีในการเจริญรอยตาม เจ๊ออจังเป็นแม่ค้าตลาดนัดที่ใครๆก็สามารถเข้าถึงได้เพราะไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง ไม่มีนามสกุลดังก็สามารถทำได้ พอเจ๊ได้ยินก็บอกว่าน่าสนแต่ก็เงียบไป ผมรบเร้าอยู่ 2-3 ทีแฟนเพจ Orchan Sushi ก็ถือกำเนิดขึ้นมา ต่อไปนี้ใครก็สามารถเข้าถึงเจ๊ได้ผ่านโลกออนไลน์ เจ๊สามารถใช้ประวัติตัวเองสร้างกำลังใจให้คนอื่นโดยไม่ต้องออกจากบ้านเลย https://www.facebook.com/pages/Orchan-Sushi/177673979058279?fref=ts
Vitmini.com >>> Startyourway.com
การจดโดเมนเสียเงินไม่กี่ร้อยซึ่งมันก็ไม่ได้มากมาย แต่การคิดได้ว่าจะจดชื่ออะไรนี่ใช้ความคิดมากมายเกินจะคาดเดา การใช้ชื่อที่ดีจะทำให้เว็บไม่ต้องพยายามแปลความหมายเพราะมันจะสะท้อนทุกอย่างด้วยตัวเอง Startyourway จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อทำหน้าที่ของมัน ผมอยากเป็นพิธีกรมาทั้งชีวิตแต่ติดตรงที่ไม่มีรายการไหนจ้าง นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ไล่ล่าอีกความฝันหนึ่งของตัวเอง ถึงมันจะเป็นรายการที่กำลังจะเริ่มต้น ไม่มีกล้องวีดีโอ ไม่มีอุปกรณ์บันทึกเสียงราคาแพง ไม่มีเงินจะจ้างทีมงาน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งจำเป็น ถ้าไม่มีก็คือไม่มี จะไปยากอะไร มีคนมากมายที่เริ่มต้นด้วยการไม่มีทั้งนั้น เจ๊ออจังก็คือหนึ่งในนั้นด้วย
แขกรายการคนแรก
ผมบอกกับเจ๊ออจังเกี่ยวกับไอเดียของ Startyourway ว่าอยากจะทำเป็นรายการบน Youtube และภายใน 2 นาทีเจ๊ก็เห็นดีเห็นงามด้วย เรานัดกันในวันนั้น สัมภาษณ์ผ่าน Line และใช้โปรแกรมบันทึกเสียงบน Windows สัมภาษณ์ การพูดคุยครั้งนั้นทำให้ผมรู้ว่าหัวใจของผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าภูเขา เธอสามารถฟันฝ่าปัญหานับครั้งไม่ถ้วนด้วยพลังใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง ตอนตบท้ายในคลิปเจ๊ก็พูดยุให้คนกล้าเป็นนายตัวเองก็สุดเร่าร้อน ผมฟังแล้วฮึกเหิมสุดๆ ถึงเวลาเผยแพร่แล้ว
เกิดกระแสแม่ค้าตลาดนัดฟีเวอร์ในกลุ่มเล็กๆ
เพราะไม่เคยมีแม่ค้าตลาดนัดคนไหนบอกเรื่องวิธีการสร้างธุรกิจแบบ Passive Income กับรายได้มาก่อน เจ๊ออจังเลยกลายเป็นดวงดาวบนท้องฟ้าเพียงชั่วข้ามคืน มนุษย์เงินเดือนหลายคนไฟท่วมจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากเป็นนายตัวเองขึ้นมาบ้าง กดไลค์แฟนเพจพี่ออจังพร้อมทั้งอินบ็อคขอคำปรึกษากันอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเจ๊ก็ยินดีให้คำแนะนำตามเวลาว่างที่เอื้ออำนวย ผลลัพธ์ต่อมาอันน่าตะลึงมากๆก็คือมีคนมากมายไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำจนถึงเจ้าของธุรกิจติดตามไปหาเธอถึงหน้าร้านเพื่ออุดหนุนและขอถ่ายรูป จนแอบน้อยใจไม่ได้ว่าตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในเทปเหมือนกันนั้นนะครับ
ผมนัดเจอเจ๊ออจังครั้งแรกในชีวิต
หลังจากที่รายการออนไลน์ไปหลายสัปดาห์ ผมก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะนัดเจอกับเจ๊ออจังซักทีหนึ่งเพิ่มเพื่อลิ้มรสซูชิที่แฟนๆของเจ๊ชมไม่หยุดปากด้วย เรานัดพบกันที่ร้านสเต็กตัวน้ำของป้าแก้ว และนั่นก็เป็นการก่อกำเนิดเทปสัมภาษณ์นายตัวเองคนที่ 7 ซึ่งได้เจ๊ออจังเป็นคนแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของร้าน พอของกินเข้าปากปุ๊ปหัวใจก็เบิกบาน มันคือครั้งแรกที่ผมหลงรักซูชิตลาดนัดแบบหัวปักหัวปรัม อร่อยสุดๆ การพบกันครั้งนั้นทำให้ผมรู้ว่าอีกด้านหนึ่งของเจ๊ออจังคือเป็นคนที่มีบุคลิคเฟรนรี่สุดๆ
วิชานายตัวเอง The Connection ลาดพร้าว งานที่เจ๊ออจังกลายเป็นนักพูด
Startyourway น่าจะจัดงานอะไรซักอย่างหนึ่งที่จะเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้คนที่อยากเป็นนายตัวเองได้รับคำแนะนำ ผมเลยคิดว่าจะจัดงานสัมมนาเล็กๆ คิดปุ๊ปชักชวนเจ๊ออจัง ครูวี (นายตัวเองคนที่ 6) และพี่โดมเจ้าของบริษัทเอเจนซี่ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมาแบ่งปันประสบการณ์ เจ๊ออจังเล่าให้ผมฟังว่าตอนทำงานประจำก็เคยจับไมค์พูดบ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พูดเรื่องของตัวเองให้คนฟัง เจ๊เล่าเรื่องศักยภาพของตลาดนัดให้ฟังจนทะลุปรุโปร่ง เล่นเอาตะลึงไปทั้งห้องเลย แต่เนื่องจากงานนั้นเป็นงานแรกและผมก็ใหม่มากๆด้วย ทุกคนทำได้ดีมาก ยกเว้นผมคนเดียวที่ต้องปรับปรุง
พี่โก้ ผลลัพธ์แรกของมนุษย์เงินเดือนที่เดินตามเจ๊ออจัง
พี่ก้อยเจ้าของแฟนเพจ Tarot Delivery จัดงาน Meeting เล็กๆเพื่อให้คนรักไพ่ทาโรต์มาเจอกัน หนึ่งในนั้นผมได้เจอกับพี่โก้ เขาเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีอาชีพเสริมคือพ่อค้าขายขนมออนไลน์ แถมรายได้จากการเริ่มต้นสร้างเส้นทางนายตัวเองก็ไม่ใช่น้อยๆ ซึ่งเจ้าตัวบอกเลยว่าขนมแบรนด์ Me and My Baked นั้นเคยทำยอดขายสูงสุดได้ถึง 6 หลักต่อเดือน และจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์คือฟังเทปเจ๊ออจังซ้ำๆเป็นสิบๆรอบ นั่นทำให้ผมรู้ว่าเจ๊ออจังมีอิทธิพลต่อชีวิตของคนอื่นขนาดไหน (สั่งซื้อได้ที่ https://www.facebook.com/meandmybaked?fref=ts )
Startyourway เชิญชวนคนในกรุ๊บให้มาเจอกัน
ที่ยูเนี่ยนมอลล์ มนุษย์เงินเดือนและนายตัวเองหลากหลายอาชีพได้มานั่งพบปะพูดคุยกัน แกนนำหนึ่งในนั้นที่เป็นคนริเริ่มคือเจ๊ออจัง เธอบอกว่ามันน่าสนุกนะที่จะพูดกันแลกเปลี่ยนความรู้กันในแต่ละสาขาอาชีพ และมันก็สนุกจริงๆ ถึงแม้จะจัดกันที่ห้างซึ่งใช้เสียงดังไม่ได้ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นงานที่ดีเลยหละ ผมเจอหลายๆคนที่มีวิธีทำเงินสุดสร้างสรรค์ด้วย มันเป็นการเปิดโลกทัศน์โดยไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว
จัดงาน Startyourway Meeting พี่พัท นายหน้าอสังหาริมทรัพย์
ผมวิงวอนขอร้องเจ๊ออจังให้ช่วยมาเป็นแขกรับเชิญในฐานะที่เป็นนายตัวเองคนแรกที่ช่วยสร้าง Startyourway ขึ้นมา ด้วยความที่เจ๊ออจังเป็นคนน่ารัก เธอจึงหิ้วซูชิมาแจกคนในงานอีกด้วย ครั้งนี้เจ๊ออจังใช้เวลาพูดแค่ 20 นาที แต่ก็สามารถสะกดคนทั้งห้องด้วยภาษาที่ตรงไปตรงมาและจริงใจ เธอสอนให้ผมรู้จักวิธีพูดน้อยแต่ได้ใจคนเต็มๆผ่านการกระทำ พี่โก้ซึ่งเป็นแฟนคลับเจ๊ออจังดีใจมากๆที่ได้เจอไอดอลตัวเป็นๆ นั่นทำให้เจ๊มีความสุขสุดๆที่ประสบการณ์ของตัวเองได้ช่วยเหลือคนอื่นให้เห็นทางจนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้จัดงานของตัวเอง
เจ๊ออจังประกาศ เชิญคนที่อยากมาทานซูชิมางาน ออจังซูชิ มีตติ้ง
มีหลายคนบอกว่าอยากจะเจอเจ๊ออจัง ในเมื่อคุณขอ เจ๊จัดให้ งานครั้งนี้มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้ามาคิดๆดูแล้ว ค่าของกินที่เจ๊เตรียมไว้ให้พร้อมห่อกลับบ้านจนเจ๊ไม่มีกินให้พวกเราอีกนี่ก็คุ้มแล้ว (เจ๊ให้ทุกคนเอากลับบ้านได้หมดเลย ไม่หวง แต่ซาซิมิสุดหอมหวานหมดก่อนจะได้ห่อเสียอีก) นี่คืองานที่ทุกคนมาเพื่อฟังเจ๊ออจังโดยเฉพาะ และเจ๊ก็ทำได้สุดยอดมากๆ ถามอะไรตอบหมดแบบไม่มีกั๊กจริงๆ ผมมองเห็นภาพการพูดครั้งต่อไปเจ๊จะได้จับไมค์ต่อหน้าคน 100 คน
คำถาม แล้วทำ Butterfly Effect ยังไง…???
ผมอยากให้คุณอ่านแต่ละหัวข้อไล่จากล่างขึ้นบนอีกครั้ง ทุกเหตุการณ์นั้นมันต่อเนื่องมาราวกับบทละครเป็นตอนๆ ถ้ามีข้อใดข้อหนึ่งที่เจ๊ออจังปฏิเสธจะไม่ทำแม้แต่ข้อเดียว ผลลัพธ์มันก็จะไม่มีเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นกับเจ๊เลย ลองคิดดูว่าถ้าเจ๊ออจังไม่แบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองในวันนั้นผ่านคอมเม้นท์ของ Vittarot ผมกับเจ๊ก็จะไม่มีวันรู้จักกันและผมก็ไม่สามารถชวนเจ๊มาสัมภาษณ์เทปแรกได้ หรือถ้าเจอแต่เจ๊ไม่ตกลงที่จะสัมภาษณ์ Startyourway แล้วเผยแพร่บนโลกออนไลน์ด้วยเหตุผลใดๆก็แล้วแต่ ก็จะไม่มีใครรู้เลยว่ามีแม่ค้าที่เข้มแข็งและเอาจริงเอาจังกับซูชิขนาดนี้อยู่บนโลก และอื่นๆอีกมากมาย
ที่ผมเขียนบทความนี้ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จใดๆกับเจ๊ออจัง แต่แค่อยากจะยืนยันว่าการกระทำใดๆเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนได้ใหญ่หลวง เจ๊ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่เพราะเจ๊ตกลงที่จะเล่าประสบการณ์ของตัวเองผ่านโลกออนไลน์เลยทำให้มีคนมากมายได้เห็นแสงสว่างและตัดสินใจเดินตาม ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณเห็นความสำคัญของการลงมือทำ
ในงานของเจ๊มีนายตัวเองท่านหนึ่งเป็นแม่ค้าตลาดนัดที่สามารถสร้างกำไรจากการขายเมี่ยงได้วันละ 3,000 – 6,000 บาท มีผู้ชายที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจกล้วยฉาบเอาผลิตภัณฑ์มาให้ชิม มีพี่ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของร้านติดผ้าม่านรถยนต์ มีช่างแต่งหน้าที่ทำงานทีหนึ่งอยู่ได้เป็นเดือน มีสาวน้อยที่ขายของออนไลน์กับทำงานประจำ มีช่างไฟฟ้าจากองค์กรขนาดใหญ่ มีสัตวแพทย์ มีคนที่กำลังจะเลิกเป็นมนุษย์เงินเดือน มี Tarot Reader และอีกหลายๆท่าน การพบกันคราวนี้ของคนกลุ่มหนึ่งอาจจะกลายเป็น Butterfly Effect ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็ได้ใครจะรู้
ถ้าคุณติดตามอ่านบทความนี้อยู่และยังไม่ได้ลงมือสร้างก้าวแรกเสียที เริ่มได้แล้ว อย่าลืมว่าการไม่ตัดสินใจทำอะไรเลยคือการตัดสินใจเช่นกัน อย่างน้อยลองตัดสินใจทำอะไรซักนิดหน่อยสิ คุณจะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางคาดเดาได้เลยจนกวาจะถึงเวลา
ตัดสินใจลองดูก็ไม่เสียหาย
เจ๊ออจัง คือหลักฐานว่าทฤษฏีนี้เป็นความจริง
แด่การกระทำที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลาดกาลครับ
วิชญ์ www.Startyourway.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น