เริ่มก่อน... ครองตลาดก่อน
สมัยเริ่มกิจการ “ส.ขอนแก่น” ใหม่ๆ จะมองก่อนว่า ใครเป็นเจ้าของตลาดในอุตสาหกรรมนี้ ถ้าในขณะนั้นมียักษ์ใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้เต็มไปหมด ผมก็ไม่ต้องการจะเข้ามาเป็นเบอร์ 10 แต่เมื่อดูแล้วบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซีพีในขณะนั้น เขาไม่ได้จับอาหารประเภทกุนเชียง หมูหย็อง จึงเท่ากับว่ารายใหญ่ยังไม่ได้ลงมาเล่นในธุรกิจนี้
“เมื่อมองเห็นช่องว่าง จึงตัดสินใจเข้ามาเล่น
และที่สามารถแจ้งเกิดได้ เพราะเราไม่ได้เป็นผู้ตามในอุตสาหกรรมใหญ่
แต่เลือกที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเล็ก”
เราสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ได้ถึง 80% ทั้งแบรนด์ของเราเอง ซึ่งมีทั้งเกรด A, B, C และซีฟู้ดของเราทั้งเกรด A, B, C รวมถึงงานรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งมาตรฐานการผลิตของเราดีที่สุดในประเทศไทย เราลงทุนทำโรงงานที่ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบไร้สัมผัส (จากคน) เป็นกระบวนการผลิตที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติในมาตรฐานที่สามารถส่งออกได้ ซึ่งเรายังเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ใช้ในระบบนี้ (ปี 2556)
ส่วนเรื่องการแข่งขัน ผมมองว่าการมีคู่แข่งเป็นธรรมดาของทุกยุค ทุกสมัย แต่ผมไม่ได้กังวลมาก คิดว่า... อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แม้ทุกวันนี้จะมีบริษัททุนหนาหลายรายเริ่มเข้ามาในธุรกิจ แต่เราก็ได้เปรียบตรงที่เราแจ้งเกิดไปก่อนแล้ว
เกษตรอุตสาหกรรมครบวงจร
ปัจจุบันเรามีโรงงานผลิต 4 แห่ง คือที่บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 1 แห่ง จังหวัดนครปฐม 1 แห่ง ส่วนที่มหาชัยจะเป็นแหล่งวัตถุดิบ เราจึงมีโรงงาน 2 แห่ง แห่งหนึ่งผลิตอาหารทะเล (Sea Food) ลูกชิ้นปลาแบรนด์ “แต้จิ๋ว” ส่วนอีกแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมมหาชัยเป็นโรงงานอาหารแช่แข็ง (Frozen)
ส่วนฟาร์มหมูของเรา ผมทำเป็นฟาร์มปิดกลางหุบเขา ห่างไกลชุมชน อยู่ที่มวกเหล็ก และขยายฟาร์มไปที่นครปฐม ราชบุรี เราเลี้ยงหมูด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย โดยมีโปรแกรมให้อาหาร ให้น้ำ และบริหารฟาร์มภายใต้แนวคิด “เกษตรอุตสาหกรรม” โดยใช้พื้นที่และทุกอย่างในฟาร์มให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ยกตัวอย่างขี้หมู ถ้านำไปทิ้งไม่ถูกวิธีจะกลายเป็นมลภาวะ และอาจจะถูกจับได้ แต่เมื่อนำมาทำเป็นก๊าซชีวภาพก็สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ภายในฟาร์ม และขี้หมูบางส่วนยังใช้เป็นปุ๋ยสำหรับพืชผักที่เราปลูก เช่น มันสำปะหลัง ข้าวสาร ผักชี ต้นหอม ถั่วฝักยาว กล้วย ฯลฯ ทำให้ขี้หมูสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ปีละหลายล้านบาท และขณะเดียวกัน พืชผักหลายอย่างที่ปลูกก็ยังสามารถนำมาแปรรูปได้ เช่น ถั่วฝักยาวนำมาทำทอดมัน หรือใช้กล้วยบวดชี ฯลฯ
สำหรับกระบวนการขนหมูจากฟาร์มต่างๆ ไปแปรรูปต่อที่กรุงเทพฯ เป็นขั้นตอนทางโลจิสติกส์ อีกส่วนหนึ่งที่เราต้องลงทุนเอง เพราะวันหนึ่งต้องขนถ่ายกันหลายเที่ยว แต่ช่วงที่เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจยุค IMF ซึ่งบริษัทต้องรับมือกับยอดหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากความผันแปรของสกุลเงิน จากยอดหนี้ 300 ล้านบาท กลายเป็น 600 ล้านบาทในชั่วข้ามคืน จึงต้องหาวิธีลดรายจ่าย ซึ่งขณะนั้นผมมีรถขนส่งสินค้าอยู่หลายสิบคัน ก็จะใช้วิธีเสนอโอกาสให้คนขับทุกคันได้เป็นเถ้าแก่ โดยยกรถให้เขาไปผ่อนต่อเอง และเลิกจ้างแบบจ่ายเงินเดือน แต่คำนวณเปอร์เซ็นต์จากค่าขนส่งให้แทน เท่ากับผมได้สร้างทีมโลจิสติกส์แบบ Outsource ขึ้นมาโดยที่ทุกคนเป็นเถ้าแก่
“ถ้าจะทำงานให้สัมฤทธิผลแบบรอบด้านในระยะเวลาอันสั้น
เราจะเน้นแค่ทำงานหนักอย่างเดียวไม่ได้ แต่ถ้าทำงานด้วยสติปัญญาด้วย
เพราะถ้าทำแต่งานอย่างเดียวแบบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น
อาจจะได้ทำงาน แต่ไม่ได้เงิน ในขณะที่ทำงานด้วยสติ จะได้ทั้งงานและเงิน”
คีย์แมนผู้ร่วมบุกเบิกธุรกิจ
คีย์แมนหลายสิบคนที่ร่วมงานกับผมมานานกว่า 30 ปี จะเป็นลูกน้องเก่าของผมตั้งแต่สมัยอยู่ซีพี ซึ่งตามมาอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่ก่อตั้ง ส.ขอนแก่น จนถึงทุกวันนี้ ผมคิดว่าการมีโอกาสได้ทำงานในองค์กรใหญ่อย่างซีพีเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง การที่ผมอยู่ซีพี 10 ปี เท่ากับมีโอกาสได้ลองผิดลองถูกมาครบหมด เมื่อออกมาทำ ส.ขอนแก่น เอง จึงมีโอกาสผิดพลาดน้อยกว่าที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด โดยไม่มีประสบการณ์มาก่อน ผู้บริหารเหล่านี้ก็เช่นกัน พวกเขาผ่านการทำงานซีพีมาประมาณ 8-10 ปี ทั้งนั้น จึงคุ้นเคยกับระบบงานและสามารถทำงานเข้าขากันได้ดี เรียกว่ามองตาก็รู้ใจ เราจึงไม่ต้องเสียเวลากับการลองผิดลองถูกและไม่ค่อยหลงทางสักเท่าไร แต่สามารถมองเห็นหนทางข้างหน้าได้แต่ไกล ทำให้ผ่านช่วงเริ่มต้นมาได้อย่างประหยัดเวลามาก
การที่พวกเขาออกจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีความมั่นคงมาก มาอยู่บริษัทห้องแถวกับผมแต่แรก เพราะเขาเชื่อในวิสัยทัศน์ของผม เชื่อฝีมือที่ผมริเริ่มสินค้าได้สำเร็จหลายตัว เช่น ทำไก่ย่างซีพี (ห้าดาว) ก็สำเร็จ ทำไส้กรอกหมูแฮมก็สำเร็จ พวกเขาจึงเชื่อว่า ถ้าผมทำหมูหย็อง กุนเชียงก็ต้องสำเร็จ และเมื่อสำเร็จแล้ว ผมก็ยกระดับทุกคนให้เป็นเถ้าแก่ เป็นหุ้นส่วนบริษัท ส.ขอนแก่น ทั้งหมด ไม่ใช่ลูกจ้าง
“คู่แข่งไม่สามารถเกิดขึ้นแล้วใหญ่โตได้ในชั่วข้ามคืน
เมื่อเริ่มเห็นว่ามีคู่แข่ง เราต้องพร้อมที่จะปรับตัวตลอดเวลา
อย่าประมาทว่าเป็นเบอร์ 1 แล้วจะอยู่ค้ำฟ้า”
รักษาความสำเร็จด้วยความไม่ประมาท
กว่าจะเป็นแชมป์ได้ เราต้องฝ่าฟันอะไรมามากมายก็จริง แต่การรักษาสถานภาพตรงนี้เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเพราะใครๆ ต่างก็ต้องการจะโค่นแชมป์ ดังนั้นต้องบริหารงานอย่างมีวิสัยทัศน์ รู้จักคาดการณ์ให้แม่นยำ อ่านเกมให้ถูกและเดาสถานการณ์ให้ขาดว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า ที่สำคัญคือต้องไม่ประมาท อย่าคิดว่าขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แล้วจะอยู่ค้ำฟ้าหรือจะไม่มีคู่แข่ง แต่จะต้องเตรียมพร้อมเสมอว่าถ้ามีคู่แข่งเราจะทำอย่างไรจึงจะรักษาแชมป์ได้ เพราะคู่แข่งไม่สามารถเกิดขึ้นแล้วใหญ่โตได้ในชั่วข้ามคืน ดังนั้นเมื่อเริ่มเห็นว่ามีคู่แข่ง เราต้องพร้อมที่จะปรับตัวตลอดเวลาจึงจะเรียกได้ว่าไม่ประมาท
ที่มา : พ็อกเก็ตบุ๊ค เจริญ รุจิราโสภณ ผู้สร้างอาณาจักร ส.ขอนแก่น จากสำนักพิมพ์พีเพิลมีเดียบุ๊ค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น