เปิดชีวิต ลี เหว่ย กี หรือ อากี อดีตเจ้าของธุรกิจร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังในฮ่องกง เคยมีรายได้ต่อวันหลายสิบล้าน และมีเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้าน แต่ต้องประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าของอากีไม่ได้รับความนิยม จนเป็นหนี้สินรุงรัง เกือบตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ขอสู้ชีวิตพลิกผันมาขายเป็ดพะโล้ในไทยย่านคู้บอนร่วมกับหุ้นส่วน จนมีลูกค้ามารับประทานล้นหลาม
ปัจจุบันชีวิตพลิกผันกลับมาเป็นพ่อค้าเป็ดพะโล้ในเมืองไทยเพราะธุรกิจพังทลาย อากี ในวัย 63 ปี ยอมรับว่าตนเองโง่เพราะปรับตัวไม่ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นพ่อค้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของฮ่องกงมียอดขาย 2-3 ล้านเหรียญฮ่องกอง ลูกค้า 90% เป็นคนไทย สินค้าที่ได้รับความนิยมคือ เครื่องซาวเบาว์ไว้ฟังเพลง กล้องฟิมล์ และชุดโฮมเทียร์เตอร์ ขายส่งรายได้ต่อปีสูงถึงหลายร้อยล้านบาท
แต่ปรากฎว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น เช่น โทรศัพท์มือถือสามารถตอบโจทย์ฟังเพลงและถ่ายรูปได้ ทำให้สินค้าร้านอากีตกยุคขายไม่ได้และขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะตัวเองเชื่อมั่นว่าร้านตัวเองโด่งดังลูกค้าเยอะสามารถทำธุรกิจสู้กับเทคโนโลยีใหม่ๆได้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยน
ยังยืนยันจะขายสินค้าแบบเดิมๆ จนหนี้สินพอกพูนขึ้น เพราะอากี เวลาขายของได้เงินได้กำไรมาก็ไม่เก็บเงินนำเงินไปซื้อของเข้าร้านเพื่อตุนไว้เป็นสต็อก ได้เงินตอนเช้า ตอนเย็นก็เอาไปซื้อของมาตุนไว้ สามารถที่ทำแบบนี้เพราะเชื่อว่าถ้าทางร้านไม่มีสินค้าสต็อกไว้ตลอด เมื่อลูกค้ามาสั่งซื้อของแล้วไม่มีสินค้าจะทำให้เสียลูกค้าให้เจ้าอื่น
จนกระทั่งการมาของเทคโนโลยีและการปรับตัวไม่ทันของอากี ยกตัวอย่างเช่น เมื่อไอโฟนเป็นที่โด่งดัง ลักษณะของการทำธุรกิจไม่ขายผ่านเอเย่น แต่จะขายผ่านเครือข่าย ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจแบบใหม่ จนบางครั้งอากี ต้องไปซื้อผ่านคนที่อื่นแล้วนำมาขายต่อ ซึ่งได้กำไรนิดเดียว ส่วนของที่สต็อกไว้ก็ขายไม่ได้และต้องนำมาลดราคา
นอกจากนี้สินค้าที่นำมากักตุนไว้ก็ไม่สามารถนำเงินไปจ่ายกับทางเจ้าของสินค้าได้จนเป็นหนี้สินเยอะแยะ ทางเจ้าหนี้รวมตัวกันมาทวงที่ร้านและยกสินค้าที่สั่งไปคืนทั้งหมด แต่ก็ไม่พอใช้หนี้ที่เหลืออยู่ บ้านก็ต้องขาย ติดหนี้ธนาคารอีก จนต้องยอมไปเป็นลูกจ้างในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าร้านอื่น ปิดฉากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขายมากว่า 20 ปี
ยอมรับว่าทั้งอายและกดดัน ต้องโดนนายจ้างหนุ่มชี้นิ้วสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ทำงานได้ 1 ปี ร้านก็ปิดกิจการต้องกลายเป็นคนตกงานและเริ่มเป็นภาวะซึมเศร้าเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมเจอใคร เอาแต่นอนร้องไห้ และตรวจพบเนื้องอกในลำไส้โอกาสสูงที่จะเป็นมะเร็งแต่พอตรวจละเอียดเป็นแค่เนื้องอก เจ้าคิดว่าเป็นมะเร็งแน่ๆจึงคิดฆ่าตัวตายพอกำลังจะฆ่าตัวตายคิดได้ว่าตัวเองเป็นคนมีชื่อเสียงหากฆ่าตัวตายต้องมีคนเยาะเย้ยแน่ๆจึงตัดสินใจไม่ฆ่าตัวตาย
สุดท้ายมาทำธุรกิจเป็ดพะโล้กับหุ้นส่วนและพอมีเริ่มมีข่าวออกไปก็มีคนเข้ามากินและมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ทำให้ร้านมีลูกค้าเยอะมากขึ้น
cr: http://ch3.sanook.com/59487/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B5-%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น