ผมได้ยินเรื่องของ UFUN UTOKEN มาประปรายนานล่ะ มันเป็นอะไรที่ดูหลอกลวงมากและไม่น่าจะมีใครเชื่อหรอก แต่ผมประเมินผิดไปเพราะถึงวันนี้มีคนรู้จักเขามาชวนผมซะแล้ว! ญาติพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดก็โดน ผมเลยตัดสินใจไปฟังสัมนาเพื่อให้ได้ยินกับหูได้เห็นกับตาจะได้ฟันธงได้เต็มปากเต็มคำว่าผมคิดถูก ... และผมก็คิดถูกจริงๆ
ธุรกิจประเภทนี้มันขับเคลื่อนไปด้วยความโลภและมันกำลังเป็นภัยร้ายในสังคม ผมเลยอยากขอให้ทุกคนระวังตัวและเตือนคนรู้จักด้วย ถ้าเห็นด้วยรบกวนช่วยโหวตด้วยนะครับ. ส่วนแฟนคลับ UTOKEN ถ้าผมให้ข้อมูลอะไรผิดพลาดอะไรไปก็สามารถชี้แจงที่กระทู้ได้เลยครับ ไม่ต้องหลังไมค์
เรื่องราวออกจะยาวหน่อยนะครับ ผมจะเล่าสิ่งที่เขานำเสอนไปทีละประเด็นและแทรกความเห็นผมเป็นข้อๆ นะ
1) การสัมนาจัดขึ้นที่โรงโรงในย่านบางนา มีจัดสัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง ในต่างจังหวัดก็มี ในห้องจะเต็มไปด้วยนักธุรกิจใส่สูท อัพไลน์ และว่าที่สมาชิก รวมๆ ก็ประมาณ 20-30 คน
ความเห็น: นี่แสดงให้เห็นว่าภัยนี้มันขยายตัวเร็วมาก ส่วนในห้องก็มีหน้าม้าเยอะมาก คนกลุ่มนี้จะสร้างภาพและคอยส่งเสียงเชียร์+ปรบมือเป็นระยะๆ ผมประเมินว่าหน้าม้ากับเหยื่อที่เข้ามาฟังน่าจะมีราวๆ ครึ่งต่อครึ่ง
2) VDO Presentation นำเสนอผู้ก่อตั้งชาวมาเลเซียว่ามีวิสัยทรรศน์ต้องการให้เกิด digital currency ที่ยั่งยืน เรียกว่า UTOKEN เขาเปรียบเทียบธุรกิจนี้เหมือน บัตรเครดิต, PayPal, E-Bay, Amazon, BitCoin ซึ่งต้องฝ่าฟันมานานกว่าจะได้รับความน่าเชื่อถือในปัจจุบัน
ความเห็น: อยากบอกว่าเปรียบเทียบได้มั่วมาก สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดกับ UTOKEN คือ Bitcoin ซึ่งเป็น digital currency เหมือนกัน ที่เหลือไม่เกี่ยว
3) UFUN คือบริษัททำธุรกิจ UTOKEN บริษัทก่อตั้งมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว เริ่มต้นปี 2014 มีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศไทย จดทะเบียนบริษัทถูกต้องในประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียนถึง 1,000 ล้านบาท น่าเชื่อถือและมั่นคงมาก และยังมีการซื้อตึกทั้งตึกย่านบางนาเป็นสำนักงานใหญ่ด้วย
ความเห็น: ไม่เห็นน่าเชื่อถือตรงไหนเลย ทุนจดทะเบียนก็เป็นแค่ตัวเลขไม่ได้มีการจ่ายเงินจริงซะหน่อย แล้วการมีทุนจดทะเบียนสูงแปลว่าจะไม่โกงเหรอ
4) UFUN มีสมาชิกกว่า 300,000 คนในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
ความเห็น: คนโลภ+เหยื่อเยอะจัง นี่มันแชร์ลูกโซ่ระดับอินเตอร์เลยนะเนี่ย
5) UFUN มีการสำรองเงินไว้ 22% ของมูลค่า UTOKEN ทั้งหมดตามระเบียบของ Basel ซึ่งอยู่ในระดับสูงมาก โดยเงินสำรองได้ฝากไว้กับธนาคาร UDBP Bank และ BDG Bank อีกทั้งยังมีบริษัท Nico Financial มารับประกันความเสี่ยงอีกชั้นหนึ่ง เราจึงมั่นใจได้ในความมั่นคง
ความเห็น: สำรองจริงเหรอ? ส่วนความน่าเชื่อถือของธนาคารก็แทบเป็นศูนย์
- UDBP Bank ชื่อเต็มคือ United Development Bank of Pacific Limited (www.udbpbank.com) ก่อตั้งเมื่อปี 2013 ตั้งอยู่ที่ประเทศวานูอาตูซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะเล็กๆในมหาสมุทรแปซิฟิก มีประชากรไม่ถึง 3 แสนคน GDP อยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลล่าร์ หรือเฉลี่ย 4,916 ดอลล่าร์ต่อคน
- BDG Bank ชื่อเต็มคือ Banque de Developpement de Guinee S.A. (http://bdg-guinea.com) ก่อตั้งเมื่อปี 2010 ตั้งอยู่ที่ประเทศกีนีในทวีปแอฟริกา ประเทศมีขนาดเล็กกว่าไทยครึ่งนึง มีประชากร 10 ล้านคน GDP อยู่ที่ 11,000 พันล้านดอลล่าร์ หรือเฉลี่ย 1,082 ดอลล่าร์ต่อคน ยังเป็นประเทศยากจนอยู่
- NICO Financial อันนี้ผมหาข้อมูลไม่เจอ เพราะชื่อโหล เซิร์ชชื่อเจอหลายอัน ไม่รู้ว่าอันไหนคือบริษัทที่ร่วมกับ UFUN กันแน่
- เพื่อให้ให้ภาพนะครับ ประเทศไทยประชากร 67 ล้านคน GDP เกือบ 1 ล้านล้านดอลล่าร์ หรือเฉลี่ย 14,442 ดอลล่าร์ต่อคน ธนาคารมหาชนที่มี market cap เล็กที่สุดในตอนนี้คือ LHBank ก็มีขนาดเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งเกือบเท่าๆ GDP ประเทศวานูอาตูทั้งประเทศเลยด้วยซ้ำ
6) นักธุรกิจ UFUN มีรายได้จาก 3 platforms ด้วยกัน
6.1) เป็นผู้ซื้อ-ขาย ผ่าน http://ustorethailand.com/ ซึ่งหมือนๆ กับ Amazon นั่นแหละแต่ชำระด้วย UTOKEN นอกจากนี้สมาชิกยังสามารถชำระได้กับทุกร้านที่รองรับ UTOKEN
ความเห็น: ustorethailand.com มีสินค้าทั้งหมด 8 ชิ้น ไม่ได้อ่านผิดครับ มีคนมาขายแค่ 8 ชิ้นเท่านั้นจริงๆ ณ วันที่ 24/03/2015 ส่วนที่ว่าชำระได้กับร้านค้าก็มีอยู่แค่หยิบมือและเป็นร้านของสมาชิกเท่านั้น เช่น ร้านข้าวมันไก่ ร้านทองอะไรซักอย่างจำชื่อไม่ได้ แต่เชื่อผมเถอะ ไม่มีสมาชิกคนไหนสนใจมาซื้อขายของด้วย UTOKEN หรอก
6.2) ลงทุนและกำไรจากการถือครอง UTOKEN ด้วยระบบที่ออกแบบไว้ ราคาของ UTOKEN มีแต่จะเพิ่มมูลค่าเท่านั้น
ความเห็น: เหตุผลที่ราคาไม่ลงเพราะระบบไม่อนุญาตให้คุณตั้งราคาขายต่ำกว่าราคาตลาดได้ ผมไม่เถียงครับว่าราคาไม่ลง แต่มันไม่ได้แปลว่าจะมีคนซื้อนะ วันนึงพอคนเขาตาสว่างเลิกเล่นเหรียญบ้าๆ นี่ คุณก็สามารถตั้งราคาสูงบนดอยแต่ลงไม่ได้ ในหุ้นคุณยังสามารถลงดอยได้แบบขาดทุน แต่ UTOKEN ติดดอยแล้วดอยตลอดกาล
6.3) คอมมิชชั่นจากการแนะนำสมาชิก
ความเห็น: ธุรกิจลูกโซ่จะขาด “คอมมิชชั่น” ไม่ได้เด็ดขาด ธุรกิจจะเดินหน้าได้จะต้องมีสมาชิกใหม่มาเติมเงินเสมอเพื่อเอาเงินไปจ่ายคนเก่า ในสัมนานี่เขาบอกเลยว่าไปชวนเพื่อนมา 50 คนมารวยด้วยกัน!!!
7) หลังจากดูวีดีโอจบเราก็จะมาฟัง Success Story ของเหล่านักลงทุน จากคนที่เคยยากจน เคยทำธุรกิจขายตรง เคยทำเซเว่น เคยเป็นพนักงานบริษัท เคยเป็นหมอ พอหันมาทำ UFUN แล้วรวยหมด ตอนนี้มีบ้านหลังใหญ่ มีรถสปอร์ตแลมโบกีนี่ ซื้อของแบรนด์เนม เที่ยวต่างประเทศประจำ มีรายได้คงที่เป็นแสนๆ ต่อเดือน
ความเห็น: ความโลภจะทำให้เราขาดสติได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในช่วงที่เราหน้ามืดขาดเงิน สรุปสั้นๆนะครับ อัพไลน์น่ะรวยแน่ แต่คนลุกสุดท้ายจ่ายรอบวงนะคร้าบ
สิ่งที่ควรระวังให้มากคือธุรกิจพวกนี้จะอาศัยเอาคนที่ดู(เหมือน)มีความน่าเชื่อถือมาหลอกล่อเรา เช่นคนที่รวยอยู่แล้ว, นักธุรกิจ, หมอ, นักปฏิบัติธรรม, คนมีชื่อเสียง, คนมียศ, ดารา และขอให้ระวังไว้เสมอว่าภาพที่เขานำเสนอ อาจไม่ใช่อย่างที่เห็น
8) จบ VDO & Presentation แล้วแยกย้ายไปคุยกลุ่มเล็กๆ ตามอัพไลน์
ความเห็น: อันนี้เด็ดมาก เขาจะไม่พูดอะไรลึกๆในตอน present กลุ่มใหญ่และจะไม่เปิดโอกาสให้คุณถามคำถามเด็ดขาด เขาจำกัดความเสี่ยงโดยให้ไปคุยรายละเอียดในกลุ่มเล็กเท่านั้น ถ้าเกิดมีคนอย่างผมเข้าไปถามอะไรเขาก็เสียหายแค่กลุ่มเล็ก
อีกอย่าง บริษัทนี้ “ไม่มี” official website ให้คุณเข้าไปหาข้อมูลนะครับ เว็บที่คุณหาได้จะมีแต่เว็บของสมาชิกไปทำเองทั้งนั้น ซึ่งแต่ละเว็บจะดูกะโหลกกะลาเอามากๆ ถ้าอยากได้ข้อมูล คุณต้องไปติดต่ออัพไลน์หรือไม่ก็มาสัมนา
เว็บเดียวที่มีให้คุณเมื่อเป็นสมาชิกก็คือ http://www.utokenkms.com เพื่อเข้าไปดูบัญชีและทำการซื้อขาย UTOKEN
9) วิธีการซื้อ UTOKEN มีอยู่ 5 แพคเกจ เรียกว่า “ดาว” ตามรูปนี้ 1 ดาวคือ 500 ดอลล่าร์ (17,500) ไล่ไปจนถึง 5 ดาว คือ 5 หมื่นดอลล่าร์ (1,750,000 บาท) คุณจ่ายเงินตามดาวนี้เพื่อไปแลกเป็น UPoint เช่น 500 ดอลล่าร์ จะได้ 400 UPoint จากนั้นคุณจึงเอา UPoint ไปซื้อ UToken ในกระดานซึ่งราคาจะขยับขึ้นไปเรื่อยๆ
ความเห็น: รายยิบรายย่อยไม่ต้องมาเล่น กะเล่นขำๆหลักร้อยหลักพันหลบไปเพราะขั้นต่ำที่คุณจ่ายคือ 17,500 ถ้าโลภมากก็จ่าย 1,750,000 แต่นั่นยังไม่หมด ถ้าคุณอยากได้เงินเยอะๆ คุณต้องสร้างเครือข่ายโดยการสร้างบัญชีตุ๊กตาขึ้นมาเป็นดาวน์ไลน์ตัวเอง เพื่อให้คอมมิชชั่นทบเข้าไปอีกเรียกว่า “จุด” รายระเอียดการคำนวณรายได้ผมไม่ค่อยเคลียร์นะ อยากรู้รายละเอียดต้องสอบถามอัพไลน์
เงื่อนไขคือแต่ละคนมีได้ 2 ดาวน์ไลน์ คุณอยากได้กี่จุดกี่ทบก็คูณเงินเข้าไป เช่น 5 ดาว 7 จุด ก็จะ = 7x1.75 ล้าน = 12.25 ล้าน
10) เขาจะเปิดพอร์ตโชว์ให้คุณดูเลยว่าคุณจะมีรายได้เยอะมาก และโตเร็วมากจาก UFUN
ความเห็น: อันนี้ไม่เถียงครับ ถ้าคุณทำอย่างที่เขาว่าเปิดหลายๆจุด ลงเงินเยอะๆ ชวนเพื่อนมาเยอะๆ ราคาในกระดานก็จะขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ๆๆๆๆๆ ทั้งหมดคือตัวเลขดิจิตอลที่ไม่ใช่เงินจริง เขาไม่ปล่อยให้คุณแปลงออกมาเป็นเงินสดง่ายๆ หรอก
สมมุติว่าคุณขาย UToken ไป 100%
- 10% จะถูกหักเข้าบริษัท
- 27% (30% ของ 90%) กลายเป็น UPoint เพื่อบังคับให้คุณยังอยู่ในระบบต่อไป และเอา UPoint ไปซื้อ UToken อีก
- 63% (70% ของ 90%) กลายเป็น UCash คุณสามารถเอาไปแปลงเป็น UPoint ได้ หรือจะโอนให้เพื่อนก็ได้ จะขายก็ได้ ราคาไปตกลงกันเอง ถ้าอยากแลกเป็นเงินสดผ่านบริษัท คุณจะโดนฟันค่า exchange rate หัวแบะเลย นี่ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมยิบย่อยซ่อนเร้นนะ
ความเด็ดของระบบนี้ก็คือเงินที่ซื้อๆ โอนๆ กันน่ะไม่ได้ผ่านบริษัทนะคร้าบ คุณจะซื้อคุณก็จ่ายเงินให้อัพไลน์กันเอง พอขายได้ก็ไปแลกไปจ่ายกันเอง บริษัทผลักความเสี่ยงทั้งหมดออกจากตัวและป้องกันไม่ให้มีการสืบกลับมาหาตัวเองด้วย
ผมประเมินว่า ถ้าคุณมาลงทุน UFUN แล้วไม่ได้ชวนเพื่อน คุณจะต้องรอให้ราคา UTOKEN ขึ้นประมาณ 50-60% คุณถึงจะมีโอกาสแลกกลับมาเป็นเงินจริงๆและเท่าทุน ซึ่งน่าจะกินเวลาราวๆ 2 ปี ถ้าบริษัทไม่ปิดหนีไปก่อน ถ้าอยากคืนทุนและกำไรเร็วๆ คุณก็มีทางเลือกเดียวคือหาคนมาป้อนเข้าระบบเพิ่ม
ผมคิดมานานว่ามันไม่น่าเชื่อถือขนาดนี้แล้วทำไมยังมีคนลุงทุนแบบนี้อีก หลังจากคิดมานานผมก็สรุปได้ว่า คนที่ลงทุนมีอยู่แค่ 2 ประเภท
1.เหยื่อตัวจริง คนกลุ่มนี้เชื่อจริงจังว่านี่เป็นธุรกิจ digital currency, e-commerce ที่น่าเชื่อถือ กลุ่มนี้น่าจะถูกหลอกด้วยภาพหรือถูกชักจูงจากบุคคลที่ตัวเองเชื่อถือ คนกลุ่มนี้น่าเห็นใจมาก
2.คนโลภ คนกลุ่มนี้ไม่ได้เดียงสาขนาดจะเชื่อเรื่อง digital currency, e-commerce อะไรหรอก เขามาเพื่อฟันเอาเงินเท่านั้น เขามั่นใจว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ “ลุกสุดท้ายจ่ายรอบวง” เขาจะไม่ลังเลที่จะไปออกหาสมาชิกเพิ่ม. บางคนน่าจะเคยเป็นเหยื่อในกลุ่มที่หนึ่งมาก่อนและพบความจริงทีหลังแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้แล้วนอกจากผันตัวมาเป็นคนกลุ่มสองและเล่นไปตามเกมส์เพื่อหาโอกาสให้ตัวเองออกให้ได้
สุดท้ายนี้อยากฝากหลักคำสอน “กาลามสูตร” ของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นคำสอนให้คนเราคิดอย่างมีเหตุผลก่อนที่จะเชื่ออะไร
1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา
2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา
3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์
5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (เข้าใจหรือนึกเดาเอาเอง)
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน
7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (ยึดมั่นถือมั่นในแนวทางเดียวจนไม่นึกถึงความเป็นไปได้อื่นๆ)
8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (เอาความเห็นตัวเองเป็นใหญ่)
9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (เชื่อบุคคลหรืออาชีพที่ดูน่าเชื่อถือ)
10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น