วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Exclusive Dinner "เสี่ยปั้น" เปิดบ้านรับ "เจ้าสัวน้อย" คุยกันฉันมิตรเรื่องรักษ์ป่าน่าน

updated: 27 ส.ค. 2558 เวลา 11:55:57 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ไม่ธรรมดาอย่างยิ่งที่ "เสี่ยปั้น" บัณฑูร ล่ำซำ บิ๊กบอสแห่งแบงก์รวงข้าวจะเปิด "บ้านเจ้าสัว" จัดเลี้ยงอาหารค่ำแบบ Exclusive Dinner ให้แก่ "เจ้าสัวน้อย" ศุภชัย เจียรวนนท์ ทายาทธุรกิจแสนล้าน "ธนินท์ เจียรวนนท์" พร้อมกับผู้บริหารเครือซีพีและสื่อมวลชนกว่า 30 ชีวิต

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ "เสี่ยปั้น" เคยเปิดบ้านรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นการส่วนพระองค์ เพื่อขอพระราชทานกราบบังคมทูลมาเสวยพระกระยาหารค่ำ พร้อมกับแขกผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ณ บ้านเจ้าสัวหลังนี้ซึ่งผ่านมาหลายเดือนแล้ว

กล่าวกันว่า ก่อนหน้าที่ "เสี่ยปั้น" จะเลี้ยงอาหารค่ำแก่ "เจ้าสัวน้อย" เขาได้รับอาสาทำหน้าที่ไกด์กิตติมศักดิ์นำพาสื่อมวลชนเยี่ยมชมบ้านด้วยตัวเอง พร้อมกับอธิบายประกอบว่า บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนเชิงเขา โอบล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ บนพื้นที่กว่า 22 ไร่ ตัวบ้านมีลักษณะใต้ถุนสูงแบบล้านนา สูง 3 ชั้น ทำจากไม้ทั้งหลังโดยชั้นบนของบ้านมีภาษาล้านนาเขียนอยู่ตรงกลางจั่วบ้านแปลเป็นไทยว่า "บ้านเจ้าสัว" หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นแสงจะกระทบตกลงตรงบันไดบ้านพอดี ส่วนใกล้กับตัวบ้านมีเรือนเล็กอยู่หลังหนึ่งชื่อเรือนแม่มะไฟ (หนึ่งในตัวละครจากหนังสือสิเนหามนตาแห่งลานนา) ที่ "เสี่ยปั้น" เป็นผู้แต่งขึ้น ทั้งเขายังมีความเชื่อว่า แม่มะไฟผู้นี้เสมือนเงาผู้ติดตามและคอยช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ


ส่วนชั้นหนึ่งจะมีตัวเลขภาษาล้านนา แปลเป็นไทยว่า 369 ที่ไม่เพียงจะเป็นบ้านเลขที่ของบ้านเจ้าสัว หากบ้านเลขที่เดียวกันนี้ยังเป็นตัวเลขเดียวกันกับโรงแรมภูคาน่านฟ้า ในตัวเมืองจังหวัดน่าน และรถยนต์อีก 2 คัน ที่จอดอยู่ภายในโรงรถ ที่ล้วนต่างใช้เลขทะเบียน 369 เช่นเดียวกัน เพราะ "เสี่ยปั้น" เชื่อว่าเลข 369 เป็นเลขมงคล

ภายในบ้านเจ้าสัวประกอบด้วยเรือนเล็ก เรือนน้อยหลายหลัง ภายในหมู่เรือนเหล่านั้นมีสระว่ายน้ำ ที่จอดรถ บ้านคนงาน ลานกองไฟ และคอกม้า ที่ "เสี่ยปั้น" บอกว่า อาณาบริเวณแห่งนี้เดิมทีเคยเป็นอดีตคอกม้าหลวงมาก่อน เขาจึงจำเป็นต้องทำคอกม้าแห่งนี้ไว้

กระทั่งถึงหัวค่ำ "เสี่ยปั้น" จึงต้อนรับ "เจ้าสัวน้อย" และผู้บริหารเครือซีพีด้วยตัวเอง ขณะที่สื่อมวลชนนั่งอยู่คนละโต๊ะไม่ไกลออกไป แต่กระนั้นสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะทานอาหาร นอกจากจะมี "เสี่ยปั้น" และ "เจ้าสัวน้อย" ยังมี "โจ ฮอร์น" ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจจีน ธนาคารกสิกรไทย, วุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ, สำรวย ผัดผล ประธานมูลนิธิฮักเมืองน่าน, ดาราณีย์ ตันชัยสวัสดิ์ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านสื่อสารองค์กร ธนาคารกสิกรไทย, สื่อมวลชนอาวุโสอีก 2 ฉบับ และเพื่อนของ "เสี่ยปั้น" ร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่า หลังจากบริกรเสิร์ฟไวน์แดง และไวน์ขาวให้แก่แต่ละท่าน เมนูอาหารต่าง ๆ ก็ลำเลียงออกมา ไม่ว่าจะเป็นสเต๊กปลา สลัด มันบด รวมถึงอาหารพื้นเมืองเหนือต่าง ๆ ส้มตำไก่ย่าง ก๋วยเตี๋ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดน่าน โดยทุกท่านล้วนสลับกันทานอาหารแตกต่างกันออกไป มีเฉพาะแต่ "เสี่ยปั้น" เท่านั้นที่เลือกทานสเต๊กปลา เพราะเขาไม่รับประทานสัตว์ใหญ่ ปิดท้ายด้วยไอศกรีมช็อกโกแลตเป็นของหวาน

ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า การเปิดบ้านเจ้าสัวเพื่อต้อนรับ "เจ้าสัวน้อย" และผู้บริหารซีพีครั้งนี้น่าจะเป็นความร่วมมือกันช่วยกันอนุรักษ์ผืนป่าน่าน ตามโครงการรักษ์ป่าน่านที่ "เสี่ยปั้น" เพียรพยายามอย่างมากที่จะฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ที่เสื่อมโทรมลงไปทุกวัน ซึ่งก็เป็นจริง เพราะหลังจากลงพื้นที่สำรวจในวันรุ่งขึ้น "เสี่ยปั้น" เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า...เป็นความพยายามอย่างหนึ่งที่จะดึงภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นป่าต้นน้ำของประเทศ

"การคืนผืนป่าในพื้นที่นำร่อง ต.เมืองตรัง อ.ภูเพียง จ.น่าน ครั้งนี้ แม้จะเพียง 300 ไร่ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการหยุดทำลายป่าและบุกรุกป่า ผมเชื่อว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ภาคเอกชนอย่างเครือซีพีเข้ามามีส่วนร่วม และถ้าสำเร็จจะขยายผลไปสู่พื้นที่อื่น ๆ มากขึ้น"

ขณะที่ "เจ้าสัวน้อย" ยอมรับว่า การซื้อข้าวโพดแต่เดิม เราไม่ได้ตรวจแหล่งต้นทางของผลผลิต เพราะผ่านมาเรามองเรื่องคุณภาพเท่านั้น แต่ต่อไปเราต้องให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ทั้งต้องตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งที่มาได้ด้วย ดังนั้นการร่วมมือกับแบงก์กสิกรไทยครั้งนี้จึงถือเป็นสิ่งที่ดี และซีพีเองก็พร้อมจะให้การสนับสนุนความรู้ทั้งในเรื่องปศุสัตว์และการปลูกพืชต่าง ๆ

ฟังแล้วก็ให้รู้สึกว่า Exclusive Dinner ครั้งนี้ไม่เพียงอิ่มอร่อยแค่อาหารบนโต๊ะเท่านั้น หากยังเป็นจุดเริ่มต้นของ 2 องค์กรหลักที่แม้จะดำเนินธุรกิจแตกต่าง แต่ท้ายที่สุดกลับเห็นความสำคัญของป่าเมืองน่านดุจเดียวกัน

ที่ไม่ธรรมดาเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น