มาซาโยชิ ซัน คือผู้ก่อตั้ง SoftBank บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น เป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 2 ของญี่ปุ่น และอันดับที่ 75 ของโลก มีทรัพย์สินมากกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มาซาโยชิ ซัน ก่อตั้งบริษัทนี้ในปี ค.ศ. 1981 และได้รับสัมปทานเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในญี่ปุ่น ทุกวันนี้ SoftBank ขยายกิจการไปสู่บริการอินเทอร์เน็ต โดยเข้าถือหุ้นอาลีบาบา ร้านค้าออนไลน์อันดับ 1 ของประเทศจีน ล่าสุดทางบริษัทยังจะวางจำหน่ายหุ่นยนต์อีกด้วย
เขายังเป็นเจ้าของทีมเบสบอล SoftBank Hawks ซึ่งครองแชมป์การแข่งขันทั่วประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2014 อีกด้วย
เขายังเป็นเจ้าของทีมเบสบอล SoftBank Hawks ซึ่งครองแชมป์การแข่งขันทั่วประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2014 อีกด้วย
วัยเด็ก
มาซาโยชิ ซัน เติบโตขึ้นมาในบ้านพักชั่วคราวข้างทางรถไฟทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นขององค์การรถไฟแห่งชาติเดิมของญี่ปุ่น ในสูติบัตรของซัน ไม่ปรากฏเลข ที่บ้าน ด้วยความที่มีเชื้อสายเกาหลี และมีพ่อทำงานอยู่ในเหมืองถ่านหินย่านกิวชู ซันต้องเผชิญกับการดูถูกจากเพื่อนๆ และได้เรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็กว่า การจะได้รับการยอมรับจากคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
บาดแผลจากการเริ่มทำธุรกิจ
เมื่อเริ่มทำธุรกิจ เขาต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย และต้องใช้ความเพียรพยายามมากกว่าคนอื่นๆ เพราะธนาคารหลายแห่งปฏิเสธไม่ให้กู้เงิน ด้วยสาเหตุที่นามสกุลของเขาไม่ใช่ญี่ปุ่น ซันโกรธ และอึดอัดใจ ในที่สุดก็จำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนอื่นๆ เช่น การออกหุ้นกู้ และใช้วิธีระดมทุนโดยการออกหุ้น รวมไปถึงการกู้เงินจากบริษัทประกันแทนที่จะเป็นธนาคาร นี่อาจเป็นเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ 20 ปีให้หลังนับจากที่ผู้ให้กู้รายใหญ่ปิดประตูใส่หน้าเขา เขาก็จัดการเป็นเจ้าของธนาคารแห่งหนึ่งเสียเลย
ปฎิวัติ
ในการทำธุรกิจ ซันมักทำอะไรเสี่ยงๆ ทั้งๆ ที่เขาสามารถจะเดินหนีคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมด เลิกทำงานแล้วคอยแต่เก็บเกี่ยวดอกผลที่ได้จากเงินลงทุนใน Yahoo! แต่เขากลับยังพยายามจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจอินเทอร์เน็ต และสิ่งที่เขาเรียกว่า “เป็นการปฏิวัติ”
ยามว่าง
กิจกรรมยามว่างนอกเวลางานของซัน สะท้อนให้เห็นชัดถึงพลังอันเต็มเปี่ยมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นอกจากใช้เวลาเล่นกอล์ฟกับคู่ค้าทางธุรกิจ แบ่งเวลาให้กับภรรยาและลูกๆ แล้ว ซันยังสนุกสนานกับการเล่นวิดีโอเกม "สตรีทไฟเตอร์" เขาหลงใหลได้ปลื้มกับนักประวัติศาสตร์คนสำคั ๆ หลายคนที่หัวนอนจึงต้องมีหนังสือเล่มโตว่าด้วยชีวประวัติของผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะบุคคล เช่น ซุนจื๊อ นักปรัชญาจีน จอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์ เจ้าของอาณาจักรน้ำมันยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ โอดะ โนบูนากะ ผู้พิชิตสงครามของญี่ปุ่น ตลอดจนเจงกิสข่าน วีรบุรุษชาวมองโกล
กุญแจแห่งความสำเร็จ
ซันเผยว่า กุญแจสู่ความสำเร็จในทุกเรื่องของเขา คือ กุญแจดอกเดียวกัน "ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ, การปฏิวัติ, ประวัติศาสตร์, การเมือง หรืออะไรก็ตาม"
ไม่อยู่นิ่ง
เบื้องหลังความสำเร็จของเขา ยังรวมไปถึงความรับรู้ที่ไวต่อนวัตกรรมและโอกาสใหม่ๆ ซันได้ลิ้มรสชาติความสำเร็จครั้งแรกตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 ซึ่งเขายังเป็นนักศึกษาปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในเบิร์กเลย์ ยามว่างเขาหารายได้ด้วยการขายวิดีโอเกมญี่ปุ่นใช้แล้ว ตลอดจนทำงานในร้านพิซซ่าอเมริกัน ไม่นานนัก ซันคว้าเงินถึงหนึ่งล้านเหรียญได้จากการออกแบบอุปกรณ์แปลภาษาขนาดกระเป๋าให้กับชาร์ป ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ซันใช้เงินจำนวนนี้ในการลงทุนตั้งซอฟท์แบงก์ในปี ค.ศ. 1981 เพียงไม่นาน หัวหอกแห่งธุรกิจค้าซอฟท์แวร์แห่งนี้ก็เติบโตขึ้นเป็นผู้ค้าส่งซอฟท์แวร์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ กำไร ที่ได้ทำให้ซันสามารถระดมเงินไปลงทุนเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจอินเทอร์เน็ตได้ในทศวรรษ ค.ศ. 1990
ซื่อตรง
การไม่ยอมรับวิธีการล็อบบี้ก่อนการประชุมนัดสำคัญตามแบบฉบับญี่ปุ่น (หรือที่เรียกว่า เนมาวาชิ) ตลอดจนวิธีการพูดตรงๆ ของซัน ทำให้คนทั่วไปไม่ค่อยชอบเขานัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในประเทศบ้านเกิดของเขาเอง นักธุรกิจใหญ่หลายคนดูถูกว่า ซันเป็นพวกชอบพูดจาขวานผ่าซากต่อหน้าสาธารณชน บ้างก็ตั้งคำถามกับความไม่ชอบมาพากลของธุรกิจของเขา ขณะที่พวกสื่อมวลชนมองว่า เขาเป็นแค่พนักงานขายสินค้าร้อยแปดพันเก้าแห่งยุคไฮเทคเท่านั้น
มาซาโยชิ ซัน กับ แจ็ค หม่า
มาซาโยชิ ซัน เป็นผู้ออกทุนให้กับแจ็ค หม่า แห่ง Alibaba เป็นเงิน 82 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใช้เวลาเจรากันในห้องน้ำไม่ถึง 10 นาที เพื่อให้แจ็ค หม่ามาก่อตั้ง website ที่มาแข่งกับ ebay ซึ่งนับว่าซัน มองแจ็คหม่าไม่ผิดจริงๆ
ที่มา : www.manager.co.th
เรื่อง : วันที่ 13 สิงหาคม 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น