อัด4แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่ง76จว.จัดซื้อ-5หมื่นล.อุ้มคนจน

updated: 27 ส.ค. 2558 เวลา 10:30:03 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เปิดแพ็กเกจกระตุ้น ศก.เร่งด่วน ชู 4 ด้าน อัด 5 หมื่นล้าน อุ้ม "เกษตรกร-ผู้มีรายได้น้อย-คนจนเมือง" เร่งเบิกจ่ายงบฯจัดซื้อจัดจ้างไม่เกิน 1 ล้าน สั่ง76 จังหวัดประมูลใน 3 เดือน ลุยโรดโชว์ดึงนักลงทุน ตปท.เพิ่มสิทธิประโยชน์เขต ศก.พิเศษ เผยนายกฯพลิกสไตล์ดันพลเรือนคุม "คลัง-คมนาคม-เกษตร-พาณิชย์-อุตฯ-กต." ฟื้นภาพลักษณ์-เชื่อมั่น


แม้รายชื่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล "ประยุทธ์ 3" นำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะได้รับการขานรับจากหลายภาคส่วน แต่นโยบายและมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจที่มีปัญหา รวมทั้งแนวทางฟื้นความเชื่อมั่นกระตุ้นการลงทุนที่กำลังชะลอตัว ซึ่งจะประกาศออกมาเป็นประเด็นที่สาธารณชนสนใจและจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน

ออกแพ็กเกจปลุกเศรษฐกิจ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภายในสัปดาห์หน้านายสมคิดจะเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรี ( ครม.)พิจารณาแพ็กเกจเศรษฐกิจ 4 ด้าน 1.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใส่เงินเข้าระบบรากหญ้า เช่น เกษตรกร ชาวนา ผู้มีรายได้น้อยคนจนในเมือง วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เท่ากับที่เคยใส่ในระบบเศรษฐกิจช่วงเดียวกัน

ปีที่ผ่านมา 2.การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน(โครงการ 6 ล้านล้านบาท) โครงการลงทุนเรื่องน้ำ จะเร่งรัดเป็นรูปธรรมเร่งด่วน ทำได้ทันทีภายใน 3 เดือน 3.เร่งสร้างความเชื่อมั่นกับนักธุรกิจ นักลงทุนไทยและต่างประเทศด้วยการโรดโชว์โครงการลงทุนของรัฐ จะเริ่มขึ้นวันที่ 27 ส.ค.นี้ โดยนายสมคิดพบกับตัวแทน 3 สถาบันเอกชน คือ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อสร้างความเข้าใจ และ 4.เร่งรัดสร้างความชัดเจนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการลงทุนให้จูงใจนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น

แก้ ศก.เป็นรูปธรรมใน 3 เดือน

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม.วันที่ 25 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายสมคิดและสั่งการเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยคาดหวังผลทางด้านเศรษฐกิจเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือนโดยให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีรายได้น้อย สร้างเม็ดเงินให้หมุนเวียนในระบบ เร่งรัดลงทุนโครงการขนาดใหญ่ให้เร็วที่สุด

นอกจากนี้มอบหมายให้กลุ่มงานเศรษฐกิจให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจรากหญ้า ให้ผู้มีรายได้น้อยมีรายได้จับจ่ายใช้สอย ขณะที่การเร่งรัดการลงทุนและใช้จ่ายงบฯภาครัฐต้องโปร่งใส การลงทุนปี 2558-2559 ให้พิจาณาเรื่องสิทธิประโยชน์ให้มากขึ้นเพื่อดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากขณะนี้มีการแข่งขันของประเทศใกล้เคียง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

"สมคิด" คุม 7 กระทรวง

พล.ต.สรรเสริญแถลงว่า ในที่ประชุม ครม. นายกฯได้มอบหมายงานรองนายกฯทั้ง 6 คนดังนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รับผิดชอบงานกระทรวงกลาโหม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาดไทย แรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวัฒนธรรม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สาธารณสุข สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พลังงาน ศึกษาธิการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

นายสมคิดรับผิดชอบงานกระทรวงการคลัง ต่างประเทศ เกษตรและสหกรณ์ คมนาคม พาณิชย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อุตสาหกรรม นายวิษณุ เครืองาม ยุติธรรม สำนักงานปลัดประจำสำนักนายกฯ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานพระพุทธศาสนา สำนักงานราชบัณฑิตยสถาน

สานต่อ ศก.ดิจิทัล-ปั้นรับเบอร์ซิตี้

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังประชุม ครม.ว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อจากนี้จะสานต่อนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลให้เร็วขึ้น ต้องมองเรื่องการประมูล 4G ดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงกฎหมายเกี่ยวข้อง ต้องมาดูว่าปรับตรงไหนบ้าง สำหรับการประมูล 4G ยังเดินหน้าต่อ ไม่มีการชะลอ นอกจากนี้ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการเรื่องรับเบอร์ซิตี้ให้เกิดขึ้น

ชี้ต่างชาติไม่มีใครรังเกียจ

ขณะเดียวกันให้มหาดไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับกระทรวงเกษตรฯมากขึ้นส่วนการให้ รมว.พาณิชย์และ รมว.ต่างประเทศเป็นพลเรือน จะทำให้ต่างประเทศเชื่อมั่นมากขึ้นหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาตนไปต่างประเทศไม่เห็นมีผลอะไร ไม่มีใครรังเกียจ และทักทายเป็นปกติ

"ที่ผ่านมาผมไปพบนักลงทุนหลายประเทศ เขาบอกว่าดีขึ้น นักลงทุนไทยก็บอกว่าสบายใจ ความโปร่งใส ความชัดเจนมีมากขึ้น กำหนดเวลาขั้นตอนก็ลดลง มันดีหมด เพียงแต่ผมเป็นพลเอกเท่านั้น อย่ากังวลผม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ส่วนทิศทางการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 กำลังทำอยู่ และจะให้ชัดเจนขึ้น ที่เลือก พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็น รมว.พลังงาน เพราะทำเรื่องความเชื่อมั่น และเป็นประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจได้มากขึ้น

ปล่อยซอฟต์โลนเร่งด่วนพยุง ศก.

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ได้หารือกับหน่วยงานในกระทรวงการคลังถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นโยบายเศรษฐกิจมหภาคยังเหมือนเดิมและเดินหน้าต่อ แต่โครงสร้างพื้นฐานต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผล ทำให้เกิดช่องว่างทางความรู้สึกประชาชนว่าไม่เกิดอะไรขึ้น นโยบายที่เพิ่มเติมจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดความต่อเนื่อง เติมช่องว่างให้เต็ม ไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัวมากกว่านี้ที่จะเติมมี 2 ส่วน คือ เงินเติมให้ประชาชน รากหญ้า เกษตรกร และทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เป็นลักษณะซอฟต์โลน หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เบื้องต้นใช้แบงก์รัฐเป็นตัวกลาง ส่วนจะให้แบงก์เอกชนเข้าร่วมหรือไม่ ต้องหารือในรายละเอียด จะเร่งดำเนินการไม่เกิน 1 เดือน กรอบคร่าว ๆ คือช่วยพยุงเศรษฐกิจระยะสั้นไม่ให้เสียหายมากขึ้น และสร้างโครงสร้างการเติบโตให้ประเทศโตได้ยั่นยืน

ส่วนที่สองเร่งเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐ ขณะนี้มีโครงการขนาดใหญ่อยู่แล้ว ควรเร่งผลักดันโครงการเล็ก ๆ ให้เบิกจ่ายได้รวดเร็ว จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายเล็ก ส่วนอื่นใช้หลักการเดียวกับนโยบายที่มีอยู่แล้ว เช่น กระจายรายได้ ลดเหลื่อมล้ำดูแลความมั่นคงระบบการเงิน

ต้อนผู้ประกอบการใช้บัญชีเดียว

ที่อยากทำเพิ่มคือระบบชำระเงิน เน้นให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องประสานหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้การชำระเงินในประเทศเปลี่ยนจากระบบเงินสดเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อระบบเศรษฐกิจ ลดต้นทุนพิมพ์ธนบัตร เป็นผลดีต่อการจัดเก็บภาษี ทำให้ฐานภาษีประเทศเพิ่มขึ้น และให้ผู้ประกอบการในประเทศใช้บัญชีเดียว จากปัจจุบันมีหลายบัญชี แผนปฏิรูปภาษีด้านอื่นก็เดินหน้าต่อ โครงสร้างภาษีต้องปรับเปลี่ยนให้แข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ได้

ขณะนี้ที่แข่งขันได้คือภาษีนิติบุคคล แต่ภาษีบุคคลธรรมดาสูงกว่าประเทศอื่น ส่วนต้องลดหรือไม่นั้น มีหลายขบวนการทำได้ สำหรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะทบทวน

สำนักงบฯพร้อมใส่เงินเพิ่ม

นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าทีมเศรษฐกิจจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ที่ประชุม ครม.พิจารณา โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้รวบรวมมาตรการต่าง ๆ เสนอ หลังจากที่นายสมคิดได้หารือกับ รมว.คลัง แล้ว ซึ่งมาตรการดังกล่าวไม่ใช่มาตรการใหม่ แต่เป็นการรวบรวมนโยบายต่าง ๆ ที่มีอยู่มารวมเป็นกลุ่ม เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า เบื้องต้นอาจมีวงเงินเกิน 50,000 ล้านบาท ส่วนจะกู้เงินเพิ่มเติมหรือไม่ หากจำเป็นก็สามารถทำได้ แต่คงต้องพิจารณาอีกที

ขณะที่ธนาคารออมสินเตรียมมาตรการช่วยเหลือรากหญ้าเสนอ รมว.คลัง เบื้องต้นอาทิ การปรับปรุงโครงการธนาคารประชาชน ให้เงื่อนไขผ่อนปรนมากขึ้น, การให้สินเชื่อเคหะ (บ้าน) อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ต่างเตรียมความพร้อมจัดทำมาตรการสนองนโยบาย

กระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3

ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณได้เชิญกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ประชุมจัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น นำเสนอทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เบิกจ่ายเงินได้เร็วใน 3 เดือน ภายใน ธ.ค.นี้ และระยะ 6 เดือน ภายใน มี.ค. 2559 ให้เกิดการจ้างงานกระจายงานให้ผู้รับเหมาก่อสร้างท้องถิ่น 76 จังหวัดทั่วประเทศ เช่น งานทาสี ตีเส้นถนน ซ่อม-สร้างถนน ทำป้ายบอกทางติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ซ่อมแซมสำนักงาน

สิ้นปีจัดซื้อจัดจ้างไม่เกิน 1 ล้าน

โครงการที่สำนักงบฯกำหนดต้อง 1.วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น 3 เดือน เริ่มประมูล ต.ค.เบิกจ่ายเสร็จ ธ.ค.นี้ 2.โครงการเกิน 1 ล้านบาท ไม่เกิน 500 ล้านบาท ต้องเซ็นสัญญาภายใน ธ.ค. 3.โครงการเกิน 500 ล้านบาทเซ็นสัญญาภายใน มี.ค. 2559 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปีงบฯ 2559โดยใช้เงินงบฯบางส่วนที่เหลือจากกรอบเงินกู้นำมากระตุ้นระยะที่ 1-2 มาต่อยอดโครงการ โดยให้แต่ละหน่วยนำเสนอโครงการเพื่อขออนุมัติ ในส่วนของคมนาคมยังมีงบฯเหลือ 1,227 ล้านบาท แยกเป็นของกรมทางหลวง 772 ล้านบาท กรมทางหลวงชนบท 453 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการใช้ระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน ตั้งแต่ ต.ค.-มี.ค. 2559

ทุ่มหมดก๊อกดัน ศก.โค้งสุดท้าย

นอกจากนี้ให้เร่งรัดเปิดประมูลโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในปีงบฯ 2559 ให้เร็วขึ้น เพื่อเริ่งการเบิกจ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่สำนักงบฯให้กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทเร่งประมูลตั้งแต่ ต.ค.นี้ ให้เบิกจ่ายเสร็จ ธ.ค.เช่นเดียวกัน เพื่อให้เงินหมุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 3 เดือนสุดท้ายของปี 2558 (ต.ค.-ธ.ค.)

ขณะที่แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงชนบทเปิดเผยว่า งานโครงการวงเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาทของกรมที่บรรจุในงบฯ 2559 กว่า 400 ล้านบาท แยกเป็นโครงการซ่อมถนน132 โครงการ 92.7 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์สิ่งก่อสร้าง 361 ล้านบาท จะเบิกจ่ายเสร็จ ธ.ค.นี้ ส่วนโครงการที่ใช้งบฯเหลือจากการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่แล้ว453 ล้านบาท จะเป็นโครงการใช้เวลาดำเนินการ 6 เดือน มี 12 โครงการ เฉลี่ย 70 ล้านบาท/โครงการ จะแล้วเสร็จสิ้น มี.ค. 2559

ส่วนนายชูศักดิ์ เกวี อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวเช่นเดียวกันว่า อยู่ระหว่างรวบรวมโครงการมูลค่าก่อสร้างต่ำกว่า 1 ล้านบาท เสนอกระทรวงการคลังพิจารณา ส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านอำนวยความปลอดภัยด้านถนน เช่น ตีเส้น ติดไฟสัญญาณจราจร ทำป้ายจราจร ปรับปรุงภูมิทัศน์ ซ่อมบำรุงถนน เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันที่ 30 ส.ค.นี้ รัฐบาลไทย-เมียนมาจะทำพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 มูลค่า 3,900 ล้านบาท จะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี พร้อมส่งมอบถนนเชิงเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ก ระยะทาง 46.6 กม. ที่จะรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จ.ตาก โดยนายสมคิดจะเป็นประธานในพิธีร่วมกับตัวแทนรัฐบาลเมียนมา และจะมีการประชุมคณะผู้แทนไทย-กัมพูชา ทั้งระดับรัฐบาล เจ้าหน้าที่อาวุโส และผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่าง 27-28 ส.ค. โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กับสมเด็จกลาโหมซอร์ เต็ง รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยกัมพูชาเป็นหัวหน้าคณะ

กกร.ยื่น 3 ข้อเสนอ

ขณะเดียวกัน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า วันที่ 27 ส.ค. ซึ่งคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) จะประชุมร่วมกับนายสมคิด มี 3 เรื่องหลักที่จะหยิบยกขึ้นหารือ คือ 1.ประเมินภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน 2.ต้องการให้รัฐเดินหน้าแก้ไขราคาสินค้าเกษตรที่ยังตกต่ำ 3.การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ยังคงเสียภาษีไม่ถูกต้องให้เข้าระบบถูกต้อง โดยใช้มาตรการภาษีนิติบุคคลจูงใจสำหรับ SMEs ที่มีรายได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท เสียภาษี 5% รายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาท เสียภาษี 10% และรายได้ไม่เกิน 200 ล้านบาท เสียภาษีที่ 15% จากเดิมเสียภาษีอัตราเดียวกันทั้งหมด และสนับสนุนอบรม SMEs ในการจัดทำระบบบัญชีที่ถูกต้อง