updated: 21 ส.ค. 2558 เวลา 11:30:44 น.
"เจริญ สิริวัฒนภักดี" ฉลองช้างครบรอบ 20 ปี ปรับโฉมครั้งใหญ่ทั้งบรรจุภัณฑ์และรสชาติให้เป็นสากล พร้อมจับมือ "เอฟแอนด์เอ็น" หวังตีตลาดไทยและอาเซียน ลั่นภายใน 5 ปีขึ้นเป็นเบอร์ 1 และรุกหนักตลาดนอนแอลกอฮอล์ไปพร้อมๆ กัน
นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือไทยเบฟ เปิดเผยว่า ปีนี้เบียร์ช้างครบรอบ 20 ปี และขณะนี้ได้แต่งตัวใหม่ หรือปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งภาพลักษณ์และบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมในการเข้าสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี หลังจากเบียร์ช้างได้รับการยอมรับด้านคุณภาพ จนได้เหรียญทองตามมาตรฐานสากลแล้วจึงได้เวลาที่จะออกไปทำตลาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างจริงจัง
"ตอนนี้เพียงแค่ตลาดไทยเล็กเกินไป และมองว่าเป็นโอกาสที่ดีเมื่อตลาดเออีซียอมรับสินค้าไทยอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากเบียร์ช้างแล้ว ยังจะเน้นเครื่องดื่มที่ปราศจากแอลกอฮอล์ด้วย โดยไทยเบฟจะร่วมกับพันธมิตร กลุ่มเอฟแอนด์เอ็น ผนึกกำลังกันสร้างความแข็งแกร่งให้แข่งขันในตลาดได้"
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า ไทยเบฟกำลังขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมายสำคัญ คือ การเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียน ภายในปี 2020 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า และในโอกาสเบียร์ช้างครบรอบ 20 ปี และกำลังก้าวสู่ปีที่ 21 หรือทศวรรษที่ 3 จึงปรับโฉมครั้งใหญ่ เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ดูพรีเมียมพร้อมบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ จากขวดน้ำตาล เป็นขวดเขียว ซึ่งเป็นหนึ่งของการเตรียมความพร้อมในการบุกตลาดอาเซียน
ส่วนนายเอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทปรับโฉมเบียร์ช้าง ซึ่งนอกจากเปลี่ยนเป็นขวดเขียวแล้ว บรรจุภัณฑ์แบบกระป๋องได้ปรับใหม่ให้ดูพรีเมียมเช่นกัน
"ทั้งนี้ได้ยกเลิกเบียร์ช้างอื่นๆ เช่น ช้างไลท์ ช้างดราฟท์ และช้างเอ็กซ์ปอร์ต เหลือช้างคลาสสิคอย่างเดียวที่ทำตลาดทั้งในประเทศ และตลาดอาเซียน โดยช้างโฉมใหม่เริ่มกระจายสินค้าออกไปจำหน่ายในตลาดแล้ว ส่วนตลาดอาเซียนจะเริ่มทำตลาดที่พม่า สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งมีความพร้อมในการกระจายสินค้าจากเครือข่ายของ เอฟแอนด์เอ็น จากนั้นจึงไปกัมพูชาและประเทศอื่นๆ"
หลังจากปรับโฉมเบียร์ช้าง ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจาก 30% เป็น 40-50% ในอีก 5 ปี และเป็นที่ 1 ในตลาดอาเซียนในปีเดียวกัน ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายเบียร์ช้างมากกว่าตลาดรวมเบียร์ที่คาดว่าจะเติบโต 3-4% จากปีที่แล้วภาพรวมทั้งตลาดติดลบ 5%
ที่มา : นสพ.ข่าวสด
"ตอนนี้เพียงแค่ตลาดไทยเล็กเกินไป และมองว่าเป็นโอกาสที่ดีเมื่อตลาดเออีซียอมรับสินค้าไทยอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากเบียร์ช้างแล้ว ยังจะเน้นเครื่องดื่มที่ปราศจากแอลกอฮอล์ด้วย โดยไทยเบฟจะร่วมกับพันธมิตร กลุ่มเอฟแอนด์เอ็น ผนึกกำลังกันสร้างความแข็งแกร่งให้แข่งขันในตลาดได้"
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า ไทยเบฟกำลังขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมายสำคัญ คือ การเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียน ภายในปี 2020 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า และในโอกาสเบียร์ช้างครบรอบ 20 ปี และกำลังก้าวสู่ปีที่ 21 หรือทศวรรษที่ 3 จึงปรับโฉมครั้งใหญ่ เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ดูพรีเมียมพร้อมบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ จากขวดน้ำตาล เป็นขวดเขียว ซึ่งเป็นหนึ่งของการเตรียมความพร้อมในการบุกตลาดอาเซียน
ส่วนนายเอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทปรับโฉมเบียร์ช้าง ซึ่งนอกจากเปลี่ยนเป็นขวดเขียวแล้ว บรรจุภัณฑ์แบบกระป๋องได้ปรับใหม่ให้ดูพรีเมียมเช่นกัน
"ทั้งนี้ได้ยกเลิกเบียร์ช้างอื่นๆ เช่น ช้างไลท์ ช้างดราฟท์ และช้างเอ็กซ์ปอร์ต เหลือช้างคลาสสิคอย่างเดียวที่ทำตลาดทั้งในประเทศ และตลาดอาเซียน โดยช้างโฉมใหม่เริ่มกระจายสินค้าออกไปจำหน่ายในตลาดแล้ว ส่วนตลาดอาเซียนจะเริ่มทำตลาดที่พม่า สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งมีความพร้อมในการกระจายสินค้าจากเครือข่ายของ เอฟแอนด์เอ็น จากนั้นจึงไปกัมพูชาและประเทศอื่นๆ"
หลังจากปรับโฉมเบียร์ช้าง ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจาก 30% เป็น 40-50% ในอีก 5 ปี และเป็นที่ 1 ในตลาดอาเซียนในปีเดียวกัน ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายเบียร์ช้างมากกว่าตลาดรวมเบียร์ที่คาดว่าจะเติบโต 3-4% จากปีที่แล้วภาพรวมทั้งตลาดติดลบ 5%
ที่มา : นสพ.ข่าวสด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น