อย่าเอาแต่พยายาม
.
.
.
ผมใช้เวลา 8 ปีลองผิดลองถูกจดกระทั่งผมค ่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องที่ผ มจะเขียนนี้เป็นเรื่องที่เก ิดขึ้นจริงในโลกธุรกิจปัจจุ บันแน่นอนแล้ว ถ้าไม่มั่นใจคงไม่กล้าเขียน เพราะกลัวโดนด่าเหมือนกัน
.
มันอาจจะเป็นเรื่องที่ทำใจใ ห้เชื่อได้ยากซักหน่อยเพราะ มันยังขัดกับความเชื่อของคน ส่วนใหญ่บนโลกใบนี้อยู่
.
ความเชื่อที่ว่านี้คือ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น”
.
ผมขอนิยามความพยายามในประโย คข้างบนว่าความพยายามแบบเถร ตรงนะครับ คือความพยายามแบบทำงานหนักเ ข้าว่า สักแต่ว่าขอให้ได้ทำงานเยอะ ๆ ทำงานหนักแล้วสบายใจ แต่บ้างทีอาจไม่ได้หยุดคิดว ่าที่ทำงานหนักนี่ จริงๆแล้วกำลังทำอะไรอยู่
.
นี่คือการท้าทายชุดความคิดท ี่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยทำมาใน ชีวิตก็ว่าได้
.
เพราะผมกำลังจะบอกว่าในยุคน ี้แม้พยายามหรือขยันแค่ไหน แต่ไม่ทบทวนวิธีคิดซึ่งจะนำ ไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีการ ทำงานแล้วล่ะก็ ต่อให้พยายามขึ้นสองเท่า ทำงานหนักขึ้นสองเท่า ผลลัพธ์ไม่มีทางดีขึ้นสองเท ่านอน เผลอๆอาจจะแย่กว่าเดิมด้วยซ ้ำ
.
คุณลองมองดูรอบๆตัวคุณซิครั บ คนที่มาทำงานเช้าที่สุด และกลับบ้านดึกที่สุดคือคนท ี่ทำผลงานได้ดีที่สุดรึเปล่ า ผมขอเดาก่อนล่วงหน้าไปเลยว่ าไม่ใช่
.
ความพยายามและความขยันแบบเถ รตรงอาจจะเป็นอาวุธหลักเมื่ อ 50 ปีที่แล้ว แต่มันไม่ใช่อาวุธหลักของกา รทำธุรกิจยุคนี้อีกต่อไป
.
ธุรกิจยุคนี้ ความคิด (idea) และ จังหวะเวลา (timing) เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
.
แต่เดี๋ยวก่อนผมไม่ได้บอกให ้คุณขี้เกียจนอน slow life อยู่บ้าน
.
เพราะสิ่งที่ตรงข้ามกับความ พยายามเดิมๆอย่างมุมานะ ไม่ใช่ความขี้เกียจ แต่คือการสร้างตัวเองให้รับ กับการเปลี่ยนแปลงที่สูงและ ต่อเนื่องตลอดเวลาได้
.
ย้ำอีกที สิ่งที่ตรงข้ามกับความพยายา มแบบเถรตรงไม่ใช่ความขี้เกี ยจ แต่คือความ dynamic
.
ตลอดเวลา 8 ปีนี้ผมลองผิดลองถูกมาหมดแล ้วทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่อ งการลงทุนส่วนตัว
.
ผมลองมาหมดแล้วทั้งการทำงาน หนักแบบไม่ลืมหูลืมตา
.
slow life / festive season ใช้ชีวิตแบบ artist ชิลๆ
.
หรือให้คนอื่นทำงานผมนั่งติ ดสินใจอย่างเดียว
.
หรือวิธีอื่นๆอีกมากมาย
.
ผมพบว่ากระบวนที่สร้างความส ำเร็จได้มากที่สุดคือการสร้ าง dynamic thinking system ให้กับตัวเองและองค์กรให้ได ้ครับ
.
dynamic thinking system คืออะไร ?
.
คือการหาชุดความคิดในการในก ารต่อสู้กับความท้าทายทางธร ุกิจ
.
เรียกว่ามีกลยุทธ์ในการเดิน หมาก ไม่ใช่สักแต่ว่าทำงานไปวันๆ
.
ผมยกตัวอย่างง่ายๆให้ฟังเรื ่องนึงละกัน
.
เมื่อหลายปีมาแล้วผมกับทีมง านคิดกันว่าแทนที่เราจะพยาย ามขายของทุกอย่างที่มีในบริ ษัทอยู่ไปเรื่อยๆเราควรมาคิ ดก่อนว่า
.
1.เราจะขายอะไรต่อ
2.เราจะขายอะไรใหม่
3.เราจะยกเลิกการขายอะไร
.
บริษัทเราตัดสินใจวางระบบ SAP ทั้งๆที่รู้ว่าการลงทุนค่อน ข้างสูงและมีการใช้งานที่ยุ ่งยากพอควร แต่สิ่งที่เราต้องการจะรู้ค ือต้นทุนที่แท้จริงของสินค้ าที่เราขายแต่ละตัว เพราะระบบที่เราใช้ก่อนหน้า นี้ไม่สามารถบอกได้
.
ทันทีหลังจากตัวเลขต้นทุนออ กมา มีสินค้าหลายตัวที่ต้นทุนสู งไม่สมควรขยายต่อ ผลคือเราตัดรายการสินค้าที่ ขายออกไป 30%
.
โดยการทำแค่นี้ และไม่ต้องทำอย่างอื่นเพิ่ม เลย กำไรบรรทัดสุดท้ายของเราเพิ ่มขึ้นทันที
.
งานน้อยลง กำไรมากขึ้น นี่คือชุดความคิดที่ถูกต้อง ครับ ดีกว่าดันทุรังพยายามขายมัน ไปซะทุกตัว
.
นอกจากนี้ยังเอาไปต่อยอดได้ อีก
.
สินค้าที่มีแนวโน้มขายดีมาก ๆอยู่
.
เราต่อยอดด้วยการแตกไลน์เพิ ่ม
.
ผ่านไปหนึ่งปีเราลดรายการสิ นค้าที่ขายลงไปอีกครึ่งหนึ่ ง ทุกคนเหนื่อยน้อยลง งานก็น้อยลง แต่กำไรเพิ่มขึ้น
.
นี่คือผลจากการคิดและไม่ดัน ทุรังทำงานหนักแบบเดิมไปเรื ่อยๆ
.
แล้ว dynamic thinking system เกิดจากอะไร ?
.
ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้านคือมัน เกิดจากการใช้เวลาในการ “คิด” ให้เยอะๆก่อนที่จะลงมือ “ทำ” เพราะเราเข้าใจแล้วว่าการสั กแต่ว่าทำงานไปเรื่อยๆนั้นไ ม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธ ิภาพการทำงานที่ดีเลย
แนวคิดในเรื่องนี้คือการทำง านที่มีระบบการตั้งเป้าหมาย ดำเนินการติดตาม วัดผล และวิเคาระห์แก้ไขระหว่างทา งอยู่ตลอดเวลา
.
สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้คือทุ กคนในมีมีหน้าที่ที่จะต้องท ำตัวเองให้เป็นเครื่องสร้าง สรรค์ไอเดีย โดยที่ต้องหมั่นพัฒนาตัวเอง หาความรู้ใหม่ๆเพื่อมีส่วนใ นการ contribute ให้กับทีมอยู่เสมอ โดยตัวองค์กรเองมีหน้าที่ที ่จะสร้างสภาพแล้วล้อมให้เหม าะแก่การบ่มเพาะให้เกิดไอเด ียนั้นด้วย
.
เรื่องต่อไปที่สำคัญไม่แพ้ก ันคือเรื่องของ timing
.
ไอเดียที่ดี ถ้ามาผิดเวลาส่วนใหญ่ก็ไปไม ่รอดเหมือนกัน
.
เพราะฉะนั้นการรู้ว่าเมื่อค วรเดินหน้าเมื่อไร เมื่อไรควรอยู่หยุดอยู่เฉยๆ จึงสำคัญต่อความสำเร็จขององ ค์กรมาก
.
ปัญหาคือคนส่วนใหญ่มักทนอยู ่เฉยๆไม่ได้
.
เราต้องขยาย เราต้องโต เราต้องเพิ่มสินค้า ฯลฯ
.
นี่คือสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาอ ยู่ในหัวของคนทำงานส่วนใหญ่ ยิ่งถ้าโดนกดดันจากปัจจัยอื ่น เช่น ตัวเลขที่ผู้ถือหุ้นต้องการ จะเห็นด้วยแล้วละก็ ความกดดันนี้จะทำให้การอยู่ เฉยๆกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไ ม่ได้
.
เราจะอยู่เฉยๆได้อย่างไร การอยู่เฉยๆคือการขี้เกียจ คือการไร้ประสิทธิภาพ
.
แต่ในบางสถานการณ์ การไม่ทำอะไรเลยคือการเดินเ กมส์ที่ฉลาดที่สุด แม้มันจะฝืนใจแค่ไหนก็ตาม
.
การหยุดอยู่เฉยๆเพราะเข้าใจ เรื่อง timing ไม่ได้เป็นการแสดงถึงความขี ้เกียจ แต่เป็นการแสดงถึงความอดทน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญย ิ่งในการเอาตัวรอดในยุคนี้
.
ทั้งหมดที่เล่ามานี้แหละครั บ เป็นที่มาของคำว่า ขยันผิดที่สิบปีก็ไม่ไปไหน
.
.
.
ผมใช้เวลา 8 ปีลองผิดลองถูกจดกระทั่งผมค
.
มันอาจจะเป็นเรื่องที่ทำใจใ
.
ความเชื่อที่ว่านี้คือ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น”
.
ผมขอนิยามความพยายามในประโย
.
นี่คือการท้าทายชุดความคิดท
.
เพราะผมกำลังจะบอกว่าในยุคน
.
คุณลองมองดูรอบๆตัวคุณซิครั
.
ความพยายามและความขยันแบบเถ
.
ธุรกิจยุคนี้ ความคิด (idea) และ จังหวะเวลา (timing) เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
.
แต่เดี๋ยวก่อนผมไม่ได้บอกให
.
เพราะสิ่งที่ตรงข้ามกับความ
.
ย้ำอีกที สิ่งที่ตรงข้ามกับความพยายา
.
ตลอดเวลา 8 ปีนี้ผมลองผิดลองถูกมาหมดแล
.
ผมลองมาหมดแล้วทั้งการทำงาน
.
slow life / festive season ใช้ชีวิตแบบ artist ชิลๆ
.
หรือให้คนอื่นทำงานผมนั่งติ
.
หรือวิธีอื่นๆอีกมากมาย
.
ผมพบว่ากระบวนที่สร้างความส
.
dynamic thinking system คืออะไร ?
.
คือการหาชุดความคิดในการในก
.
เรียกว่ามีกลยุทธ์ในการเดิน
.
ผมยกตัวอย่างง่ายๆให้ฟังเรื
.
เมื่อหลายปีมาแล้วผมกับทีมง
.
1.เราจะขายอะไรต่อ
2.เราจะขายอะไรใหม่
3.เราจะยกเลิกการขายอะไร
.
บริษัทเราตัดสินใจวางระบบ SAP ทั้งๆที่รู้ว่าการลงทุนค่อน
.
ทันทีหลังจากตัวเลขต้นทุนออ
.
โดยการทำแค่นี้ และไม่ต้องทำอย่างอื่นเพิ่ม
.
งานน้อยลง กำไรมากขึ้น นี่คือชุดความคิดที่ถูกต้อง
.
นอกจากนี้ยังเอาไปต่อยอดได้
.
สินค้าที่มีแนวโน้มขายดีมาก
.
เราต่อยอดด้วยการแตกไลน์เพิ
.
ผ่านไปหนึ่งปีเราลดรายการสิ
.
นี่คือผลจากการคิดและไม่ดัน
.
แล้ว dynamic thinking system เกิดจากอะไร ?
.
ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้านคือมัน
แนวคิดในเรื่องนี้คือการทำง
.
สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้คือทุ
.
เรื่องต่อไปที่สำคัญไม่แพ้ก
.
ไอเดียที่ดี ถ้ามาผิดเวลาส่วนใหญ่ก็ไปไม
.
เพราะฉะนั้นการรู้ว่าเมื่อค
.
ปัญหาคือคนส่วนใหญ่มักทนอยู
.
เราต้องขยาย เราต้องโต เราต้องเพิ่มสินค้า ฯลฯ
.
นี่คือสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาอ
.
เราจะอยู่เฉยๆได้อย่างไร การอยู่เฉยๆคือการขี้เกียจ คือการไร้ประสิทธิภาพ
.
แต่ในบางสถานการณ์ การไม่ทำอะไรเลยคือการเดินเ
.
การหยุดอยู่เฉยๆเพราะเข้าใจ
.
ทั้งหมดที่เล่ามานี้แหละครั
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น