6 นักธุรกิจตัวคนเดียว ยอดขายร้อยล้านไม่มีพนักงานประจำ
เป็นที่เข้าใจเป็นปกติว่าอยากขยายธุรกิจต้องเพิ่มกำลังคน ธุรกิจดั้งเดิมอย่างค้าส่งค้าปลีกจะขยายกิจการทีต้องเพิ่มพื้นที่โรงงานหรือเพิ่มสาขาซึ่งตามมาด้วยการจ้างคนเพิ่มอันนำสู่ Fix cost ด้านค่าแรงพนักงานประจำเป็นเงาตามตัว
แต่โลกนี้ยังมีคนอีกไม่น้อยที่สามารถหาวิธีสร้างธุรกิจแบบ Solo-entrepreneur ผู้ประกอบการตัวคนเดียว (หรือสองสามคน) ที่ได้ทั้งความเร็วในการทำงานและสร้างรายได้สะสมตลอดอายุกิจการคิดเป็นเงินไทยหลายร้อยล้านบาท เรียกว่าหายใจรดต้นคอธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพนักงานเป็นพัน!
อ้างอิงจากสำนักงานด้านประชากรสหรัฐอเมริการายงานว่าในปี 2013 มีคนอเมริกัน 30,174 คนมีสถานะเป็น Solo-entrepreneur หรือเจ้าของตัวคนเดียวและมีรายได้ระหว่าง 1 ล้าน – 2.5 ล้านเหรียญต่อปี หรือกว่า 80 ล้านบาท! ล่าสุดนิตยสาร Forbes คัดมา 6 คน — The CEO Blogger ตามไปศึกษายังหน้าเว็บไซต์ว่าแต่ละคนทำอะไรกันบ้างและพบว่าแนวทางของแต่ละคนสามารถนำมาประยุกต์สร้างธุรกิจในบ้านเราได้เช่นกันครับ
Tim Ferriss | ธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และธุรกิจขายความรู้
เป็นใครไปไม่ได้ เขาคือเจ้าพ่อ Passive income ผู้สร้างเครื่องจักรทำเงินอัตโนมัติทำงานแทนเขาเกือบ 100% และใช้ชีวิตไปกับการเดินทางรอบโลก!
Tim Ferriss เป็นเจ้าของธุรกิจ Ecommerce ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ Brain Quicken โดยวางระบบต่างๆ ตั้งแต่ Outsource การผลิต การจัดเก็บ และการจัดส่งทั้งหมด ส่วนภาคการขายและการตลาดใช้ Online marketing ได้แก่ Content marketing, SEO และ Google AdWords โดยจ้างพนักงานไม่ประจำแบบ Virtual assistant คอยดูแลหลังบ้านของเว็บไซต์โดยมีอำนาจในการตัดสินใจรวมไปถึงสั่งซื้อสินค้ามาเติมสต็อกตามเงื่อนไขที่ Tim Ferriss กำหนด
ต่อมา Tim Ferriss ได้เขียนหนังสือที่ชื่อ The 4-Hour Work Week ซึ่งได้กลายเป็นหนังสือขายดีระเบิดระเบ้อสร้างยอดขายมากกว่าล้านเล่มไม่รวมแบบ Ebook บน Amazon Kindle สร้างรายได้ Passive income จากลิขสิทธิ์หนังสืออีกเป็นหลักร้อยล้านบาท!
Allen Walton | ธุรกิจขายกล้องสปาย
ชายคนนี้เริ่มทำงานในร้านขายกล้องสปาย (Spy camera) รับค่าแรงต่ำติดดินจนกระทั่งมีความรอบรู้ในตัวสินค้าและตลาดกล้องสปาย เขานำความรู้มาเปิดธุรกิจออนไลน์ขายกล้องสปายในเวลาต่อมาด้วยเงินทุน 1000 เหรียญหรือประมาณ สามหมื่นกว่าบาท เว็บไซต์ Ecommerce ของเขาชื่อ Spy Guy Security
Allen Walton บอกว่า “If you want to be an entrepreneur and succeed, you’re going to have to crack open books about things you never thought you’d read.” แปลว่า
“ถ้าคุณอยากเป็นนายตัวเองและอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องศึกษาหาอ่านสิ่งที่คุณไม่เคยคิดว่าอยู่ดีๆ คุณจะลุกขึ้นมาอ่านมัน”
จากเด็กหน้าร้านที่ไม่สนใจการตลาดออนไลน์ วันหนึ่งเขาต้องหันมาจับหนังสือสอนทำการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะเรื่อง Google และ SEO (Search Engine Optimization) กระทั่งศึกษาเข้าใจเขาก็เริ่มลงทุนกับโฆษณา Google AdWords ไปพร้อมๆกับการเปิดร้าน Ecommerce และการออเดอร์สต็อกสินค้าที่ขายดีมาลงขาย
ปีด้วยวัยเพียง 27 ในปี 2014 ที่ผ่านมา ร้าน Spy Guy Security ของเขามียอดขายกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณกว่า 30 ล้านบาท และจ้างพนักงานประจำเป็นครั้งแรกเพียงหนึ่งคน
Dan Mezheritsky | ธุรกิจเทรนเนอร์ออกกำลังกาย
Dan Mezheritsky เปิดธุรกิจชื่อ Fitness on the Go มีสโลกแกนว่า ‘We deliver fitness’ จัดส่งเทรนเนอร์ออกกำลังกายไปสอนออกกำลังกายถึงบ้านลูกค้า
เขาเริ่มธุรกิจนี้จากการจ้างเทรนเนอร์ประจำและดำเนินกิจการด้วยโมเดลนี้ถึง 6 ปีโดยมักประสบปัญหาคือ เทรนเนอร์ประจำทำงานเช้าชามเย็นชาม บางคนมีกิริยามารยาทไม่เหมาะสม และต้องการค่าแรงและสวัสดิการที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขาเกือบจะเลิกกิจการเพราะปัญหาเหล่านี้ จนกระทั่งเขาคิดถึงโมเดลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เจ้าของอาคารชุดหรือโรงแรมไม่ได้บริหารเองแต่มีการ Outsource ทีมบริหารที่ชำนาญเฉพาะทางจากข้างนอกเกือบทั้งหมด
Dan Mezheritsky เปลี่ยนจากระบบจ้างประจำไปสู่ระบบ Franchise โดยเทรนเนอร์มืออาชีพสมัครซื้อ Franchise ต้องจ่ายเงินให้เขาเป็นรายเดือน เดือนละ 400 เหรียญเพื่อแลกกับสิทธิ์การขายเทรนนิ่งภายใต้แบรนด์ Fitness on the Go โดย เขาทำสนับสนุนเทรนเนอร์ในด้านการตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การตลาดออนไลน์ และระบบการทำงานต่างๆที่เกียวกับด้านไอที
การทำเช่นนี้ส่งผลให้ เทรนเนอร์ รู้สึกว่าตนเป็นเจ้าของกิจการตัวคนเดียวและทำงานอย่างมืออาชีพเพื่อให้มีงานระยะยาว ส่วนตัว Dan เองก็กลายเป็นเจ้าของตัวคนเดียวสร้างธุรกิจเทรนเนอร์ออกกำลังกายแบบ Franchise สร้างยอดขายปี 2015 สูงถึง 4 ล้านเหรียญหรือประมาณกว่า 132 ล้านบาท
Peter Leeds | ธุรกิจขายความรู้ด้านการลงทุน
เริ่มจากการลงทุนในหุ้นด้วยตนเองในวัย 14 ปี เป้าหมายในการเป็น Warren Buffet คนต่อไปกลับกลายเป็นเจ๊งหมดตัว เขานำความล้มเหลวเป็นบทเรียนสู่การศึกษาหาแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองและในที่สุดเขาก็ได้แนวทางที่ถูกใจ การลงทุนแบบ Penny stock
Peter Leeds นำความรู้ ประสบการณ์ และผลลัพธ์ต่างๆ มาเปิดเว็บไซต์ PeterLeeds.com เพื่อขายเนื้อหาเกี่ยวกับการลงทุน Penny Stock โดยเฉพาะ และตามมาด้วยการเขียนหนังสือสองเล่ม Invest in Penny Stocks: A Guide to Profitable Trading และ Penny Stocks For Dummies
Package เนื้อหาที่ขายประกอบด้วย Peter Leeds stock pick หรือหุ้นแนะนำ, คำแนะนำการซื้อขาย, บทวิเคราะห์หุ้น, และข่าวสารต่างๆ ส่งทางอีเมล์ในราคาเดือนละ 19 เหรียญสหรัฐฯ โดยรับประกันเรื่องความโปร่งใสโดยหุ้นเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในบริษัทของหุ้นที่เขานำมาวิเคราะห์
รายได้ของ PeterLeeds.com ประมาณ 1 ล้านเหรียญขึ้นไปหรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 30 ล้านบาทต่อปีต่อเนื่องสร้างรายได้สะสมไม่น้อยกว่าร้อยล้านบาท
Lewis Howes | ธุรกิจขายความรู้ด้านการตลาดออนไลน์
อดีตนักฟุตบอลรูปหล่อดวงซวยประสบอุบัติเหตุในการแข่งขันกล้ามเนื้อข้อมือบาดเจ็บอย่างรุ่นแรงและไม่สามารถลงแข่งได้อีก Lewis Howes ถึงกับล้มป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเป็นเวลาหลายเดือนเพราะกลัวจะเสียอนาคตในอาชีพนักกีฬา จนกระทั่งเขาตั้งสติและคิดได้ว่า ‘แค่ข้อมือเสียไม่ได้เสียชีวิต’ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้คอหักหรือหลังหักในขณะที่ภาพลักษณ์ในการเป็นนักกีฬาอาชีพยังคงสถิตอยู่ในตัวเขา
Lewis Howes นำความหลงใหลในกีฬามาสร้าง Blog ที่ชื่อว่า Sport Networker เพื่อเป็นศูนย์ความรู้และข่าวสารในวงการกีฬา เป้าหมายเพื่อให้ผู้คนอุตสาหกรรมการกีฬาได้ Connect กัน เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ไปจนถึงโอกาสในการทำงานด้านกีฬา และใช้ LinkedIn เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดโซเชียลมีเดีย
เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ Sport Networker และการใช้ LinkedIn ในการทำการตลาดเพื่อ Connect ผู้คนรวมนับแสนคนเข้ามาสู่ Online webinars และ Sport events ที่เขาเป็นผู้จัดสร้างรายได้จากอินเตอร์เน็ตอย่างถล่มทลาย
Lewis Howes ผันตัวมาเป็นกูรู การตลาดออนไลน์สาย LinkedIn และผลิต Information products ออกขายได้แก่ คอร์ส LinkedIn Influence, หนังสือ Linked-Working: Generating Success on LinkedIn, Ultimate Webinar Marketing Guide และ The School of Greatness: A Real-World Guide to Living Your Dreams เป็นผลให้สินค้า Information products ในพอร์ตสร้างยอดขายสะสมให้เขามากกว่าร้อยล้านบาท
Rachel Charlupski | ธุรกิจรับเลี้ยงเด็ก
Rachel เจ้าของ The Baby Sitting Company เริ่มต้นอาชีพรับจ้างเลี้ยงเด็กในขณะศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย Arizona วิธีการของเธอคือเข้าไปติดต่อโดยตรงกับทางโรงแรมและที่พักต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์บริการเลี้ยงเด็กให้กับแขกของที่พักเหล่านั้น เธอเริ่มต้นอาชีพนี้เพราะต้องการรายได้เสริม แต่ความต้องการของตลาดกลับมีมาก ทำให้เธอต้องเริ่มจ้างพนักงาน โดยเธอเป็นผู้สัมภาษณ์ คัด และฝึกคนด้วยตัวเธอเองก่อนจะปล่อยให้ไปรับงานจากลูกค้าของเธอ
นับจากปี 2005 จวบจนปัจจุบัน Rachel ต่อยอดจากการรับจ้างเพื่อหารายได้เสริมไปสู่ธุรกิจรับเลี้ยงเด็กจริงจัง ขยายจาก โรงแรม งานแต่ง งานเลี้ยง และงานอีเวนต์ต่างๆ เพื่อรับดูแลเด็กให้กับแขกในงาน มีทีมงานพี่เลี้ยงเด็กกว่า 1500 คนครอบคลุม 13 เมืองในสหรัฐอเมริกา สร้างรายได้ปีละกว่า 1 ล้านเหรียญ – ทีมพี่เลี้ยงเหล่านี้ทำงานแบบ Contractors ทั้งหมดโดยไม่จ้างประจำ
Rachel บอกว่าเคยจ้างพีเลี้ยงเด็กในรูปแบบพนักงานประจำและกลับกลายเป็นเพิ่มภาระให้เธอมากขึ้นจึงหันไปใช้วิธี Contractors ทั้งหมด รวมไปถึงงานส่วนอื่นๆ เช่น การตลาดออนไลน์ เป็นต้น โดยล่าสุดเพียงจ้างญาติของตัวเองมาเป็นพนักงานบัญชี กล่าวคือ ตัวเองถนัดอะไรก็ทำสิ่งนั้นตัวเอง และมอบหมายงานอื่นให้คนที่เก่งเฉพาะทางนั้นๆ ไปดูแลในรูปของ Freelance และ Outsource
cr:http://www.theceoblogger.com/ceo-1507001/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น