หนังที่ดีมักจะช่วยให้เราได
ตอนที่ได้ยินพล็อตครั้งแรก ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่า Inside Out จะพูดถึงเรื่องนามธรรมอย่าง
พอได้ดูจริง ผมกลับพบว่า Inside Out เล่าเรื่องความคิดของมนุษย์
เนื่องจากหนังเรื่องนี้มีแง
ขึ้นชื่อว่าชีวิต มันก็ย่อมเต็มไปด้วยความหมุ นเวียนเปลี่ยนแปลง
การรับมือกับความเปลี่ยนแปล ง คือประเด็นที่เคยถูกพูดถึงม าแล้วใน Up หนังเรื่องก่อนหน้านี้ของ พีท ดอกเตอร์ ซึ่งเล่าเรื่องของคุณปู่ที่ สูญเสียภรรยาสุดที่รักไป ก่อนที่จะถูกนำมาต่อยอดไปอี กขั้นใน Inside Out นี้
การย้ายบ้านของไรลีย์อาจจะไ ม่ใช่เรื่องใหญ่เหมือนกับคว ามสูญเสียของคุณปู่ แต่มันก็เป็นเรื่องที่หนักห นาเอาการ สำหรับเด็กผู้หญิงอายุ 11 ขวบคนหนึ่ง
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบ าก แต่มันก็เป็นโอกาสที่ช่วยให ้ไรลีย์ได้เติบโต และทำความเข้าใจในอารมณ์ด้า นต่างๆ ของตัวเองมากขึ้น
หลายครั้ง ความสุขของคนเราก็ไม่ได้เกิ ดขึ้นจากชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่เกิดจากความสามารถของเรา ในการ ‘ปรับใจ’ ให้เข้ากับสถานการณ์ภายนอกท ี่เปลี่ยนแปลงไป ได้อย่างกลมกลืน
เหตุการณ์ในครั้งนี้คือสิ่ง ที่ช่วยให้ไรลีย์ได้พัฒนา ความฉลาดทางอารมณ์ (E.Q.) และเตรียมความพร้อมให้กับเธ อในการรับมือกับ ความเปลี่ยนแปลงอีกหลายๆ ครั้ง ที่รอเธออยู่ในวันข้างหน้า
การรับมือกับความเปลี่ยนแปล
การย้ายบ้านของไรลีย์อาจจะไ
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบ
หลายครั้ง ความสุขของคนเราก็ไม่ได้เกิ
เหตุการณ์ในครั้งนี้คือสิ่ง
Joy (ความร่าเริง) คือ อารมณ์ที่โดดเด่นที่สุดของไ รลีย์ในวัยเด็ก แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เก ิดขึ้น ในวันที่ครอบครัวของเธอต้อง ย้ายบ้าน ซึ่งทำให้อารมณ์อื่นๆ เริ่มมีบทบาทในชีวิตของไรลี ย์มากขึ้น
Joy เป็นคนมองโลกในแง่ดี ที่พยายามหาข้อดีจากเหตุการ ณ์ร้ายๆ อยู่เสมอ แต่ข้อเสียของเธอก็คือการเป ็นคนที่ยืดติดมากเกินไป และเธอก็ทำใจไม่ได้ที่จะยอม ให้ ความทรงจำหลัก (Core Memory) ของไรลีย์นั้นปะปนไปด้วยอาร มณ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ความร่าเริง
แต่ในที่สุดแล้ว Joy ก็ได้เรียนรู้ว่า ชีวิตที่มีแต่ความรื่นรมย์อ ยู่ตลอดเวลานั้นไม่เคยมีอยู ่จริง และไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน ไรลีย์ก็ไม่อาจมีความสุขได้ ถ้าเธอไม่ยอมปล่อยให้ Sadness และอารมณ์อื่นๆ ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่าง เต็มที่
‘ความสุขในภาพรวม’ ของคนเรา เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกัน อย่างสมดุล ของอารมณ์หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น ความร่าเริง ความเศร้า ความโกรธ ความกลัว และ ความเกลียด ซึ่งต่างก็มีหน้าที่สำคัญขอ งตัวเอง
ผมเดาว่า นั่นคือเหตุผลที่ตัวละครตัว นี้มีชื่อว่า Joy (ความร่าเริง) แทนที่จะชื่อว่า Happiness (ความสุข) เพราะแม้ว่าเธอจะสำคัญแค่ไห น แต่เธอก็ยังไม่ใช่ ‘ภาพรวม’ ของความสุขทั้งหมดนั่นเอง
Joy เป็นคนมองโลกในแง่ดี ที่พยายามหาข้อดีจากเหตุการ
แต่ในที่สุดแล้ว Joy ก็ได้เรียนรู้ว่า ชีวิตที่มีแต่ความรื่นรมย์อ
‘ความสุขในภาพรวม’ ของคนเรา เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกัน
ผมเดาว่า นั่นคือเหตุผลที่ตัวละครตัว
ในช่วงแรกของหนัง ไม่มีใครในทีมรู้เลยว่า หน้าที่จริงๆ ของ Sadness (ความเศร้า) คืออะไร
แต่แล้วในตอนที่ Joy และ Sadness หลงทางอยู่ในความทรงจำระยะย าว Sadness ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสาม ารถในการนำทางของเธอ ซึ่งเกิดจากการใช้เวลามากมา ยไปกับการอ่าน คู่มือสมอง ในตอนที่เธออยู่ที่ศูนย์สั่ งการ
คนเศร้ามักจะเป็นคนที่ชอบคิ ดใคร่ครวญอะไรต่างๆ อยู่ในใจเสมอ (คล้ายๆ กับการอ่านคู่มือสมอง) และนั่นก็ทำให้ Sadness มีความเข้าอกเข้าใจในพื้นที่ต่ างๆ ภายในจิตใจของไรลีย์ดีกว่าใ คร
นอกจากนี้ Sadness ยังได้แสดงบทบาทของเธออีกคร ั้งในตอนที่เธอช่วยปลอบ ปิ๊งป่อง เพื่อนในจินตนาการของไรลีย์ ให้คลายจากความโศกเศร้า ด้วยการรับฟังความทุกข์ของเ ขาอย่างเข้าใจ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลมากกว่ าวิธีของ Joy ที่พยายามจะทำให้ปิ๊งป่องร่ าเริงและลืมความทุกข์ที่มี
มีแต่คนที่เคยเศร้ามาบ่อยๆ เท่านั้นที่จะเข้าใจหัวอกคน เศร้าด้วยกัน ความสามารถพิเศษของ Sadness ก็คือ ‘ความเข้าอกเข้าใจ’ ในความทุกข์ของคนอื่น และนั่นก็คือคุณสมบัติซึ่งค นที่ร่าเริงอยู่ตลอดเวลาอย่ าง Joy นั้นดูจะขาดไป
แต่แล้วในตอนที่ Joy และ Sadness หลงทางอยู่ในความทรงจำระยะย
คนเศร้ามักจะเป็นคนที่ชอบคิ
นอกจากนี้ Sadness ยังได้แสดงบทบาทของเธออีกคร
มีแต่คนที่เคยเศร้ามาบ่อยๆ เท่านั้นที่จะเข้าใจหัวอกคน
ความทรงจำหลายๆ อย่างของคนเรามักจะอยู่ในรู ปของความสุขที่ปนมากับความเ ศร้า หรือที่เรียกกันว่า mixed feeling ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เข้าใ จได้ยาก
หลังจากที่ย้ายบ้านมาใหม่ๆ Sadness มักจะเดินมาสัมผัสลูกแก้วคว ามทรงจำของไรลีย์ และเปลี่ยนความทรงจำแสนสุขใ ห้กลายไปเป็นความทรงจำเศร้า ๆ อยู่เสมอ โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่ได้ตั้ งใจ
ความจริงก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่ไรลีย์ย้อ นกลับไปคิดถึงอดีตในมินนิโซ ต้า แม้ว่ามันจะทำให้เธอมีความสุข แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะ รู้สึกเศร้าที่ต้องจากเพื่อ นๆ และเมืองที่เธอรักไป
นอกจากนี้ ในช่วงหลังของเรื่อง Joy ก็ยังได้ค้นพบอีกว่า ในทางกลับกัน ความทรงจำที่ดีบางอย่างของไ รลีย์นั้นก็กลับเริ่มต้นมาจ ากความเศร้าที่กลายมาเป็นคว ามสุขเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น ในวันหนึ่ง ที่ไรลีย์ยิงลูกสำคัญในเกมฮ อกกี้พลาดไป ซึ่งแม้ว่าเธอจะผิดหวัง แต่มันก็ทำให้พ่อแม่และเพื่ อนๆ ของเธอเข้ามาปลอบใจ จนทำให้เธอรู้สึกดี และเปลี่ยนช่วงเวลาที่น่าผิ ดหวังนั้น ให้กลายมาเป็นช่วงเวลาแห่งค วามสุขในที่สุด
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ Joy ได้ค้นพบว่า Sadness หรือ ความเศร้า นั่นเอง ที่เป็น กุญแจสำคัญ ที่จะช่วยให้ไรลีย์ผ่านพ้นว ิกฤติการณ์ที่ยากลำบากในครั ้งนี้ไปได้
หลังจากที่ย้ายบ้านมาใหม่ๆ Sadness มักจะเดินมาสัมผัสลูกแก้วคว
ความจริงก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่ไรลีย์ย้อ
นอกจากนี้ ในช่วงหลังของเรื่อง Joy ก็ยังได้ค้นพบอีกว่า ในทางกลับกัน ความทรงจำที่ดีบางอย่างของไ
ตัวอย่างเช่น ในวันหนึ่ง ที่ไรลีย์ยิงลูกสำคัญในเกมฮ
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ Joy ได้ค้นพบว่า Sadness หรือ ความเศร้า นั่นเอง ที่เป็น กุญแจสำคัญ ที่จะช่วยให้ไรลีย์ผ่านพ้นว
แม้ว่า Joy จะมีความตั้งใจดี แต่เธอก็เป็นผู้นำประเภท control freak ที่พยายามจะควบคุมทุกอย่างใ ห้เป็นไปตามความคิดของตัวเอ งมากเกินไป
ฉากหนึ่งที่สำคัญมากในหนังก ็คือ ตอนที่ Joy เอาชอล์คมาวงที่พื้นรอบๆ ตัว Sadness เพื่อไม่ให้เธอออกมาวุ่นวาย และทำให้ความทรงจำของไรลีย์ เศร้าหมองอีก ซึ่งนั่นก็คือการละเลยความเ ศร้าที่เกิดขึ้น และพยายามหลอกตัวเองว่ามีคว ามสุขนั่นเอง
ขั้นตอนแรกของการรับมือกับค วามเศร้า ก็คือยอมรับว่าตัวเองเศร้า ไม่ใช่เก็บกดมันเอาไว้
คนที่เป็นโรคซึมเศร้า แม้จะดูมีความสุขจากภายนอก แต่เราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า เขาเก็บซ่อนความเศร้าเอาไว้ มากแค่ไหน และอันตรายของการเก็บกดความ เศร้าเอาไว้นานๆ ก็คือ มันย่อมระเบิดขึ้นในสักวัน เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้ นกับ Sadness ในตอนท้ายของเรื่อง
ฉากหนึ่งที่สำคัญมากในหนังก
ขั้นตอนแรกของการรับมือกับค
คนที่เป็นโรคซึมเศร้า แม้จะดูมีความสุขจากภายนอก แต่เราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า
คนเราไม่จำเป็นต้องอดทนต่อส ิ่งที่ไม่ถูกต้อง เมื่อใช้อย่างเหมาะสม Anger (ความโกรธ) ก็คือ ‘พลังงานชั้นดี’ ที่ช่วยปลุกเราให้ลุกขึ้นมา ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม และบรรลุเป้าหมายต่างๆ ในชีวิตได้
อย่างไรก็ดี การปล่อยให้ความโกรธเข้ามาค วบคุมจิตใจเรามากเกินไป ก็มักจะนำมาซึ่งผลร้ายที่ไม ่คาดคิด อย่างเช่นที่เกิดขึ้นกับไรล ีย์ในตอนท้ายเรื่อง เมื่อ Anger ได้เข้ามาควบคุมแผงคอนโซลแบ บเต็มตัว และตัดสินใจใส่ไอเดียการหนีออกจากบ้านเข้าไปในหัวของไ รลีย์
การตัดสินใจที่เกิดขึ้นจาก Anger ได้นำมาซึ่งผลเสียมากมาย ซึ่งเริ่มต้นจากการขโมยบัตร เครดิตของแม่เพื่อนำมาซื้อต ั๋วรถบัสจนทำให้ เกาะความซื่อสัตย์ ของไรลีย์นั้นต้องล่มสลายลง ไป และในที่สุดเมื่อสถานการณ์ต ่างๆ ลุกลามไปไกล แผงคอนโซล นั้นก็ไม่อาจควบคุมได้อีกต่ อไป
ในชีวิตจริง เมื่อไหร่ก็ตามที่เรา ‘ตัดสินใจ’ ด้วย ‘ความโกรธ’ มันก็มักจะนำไปสู่สถานการณ์ เลวร้าย ที่บางครั้งก็ยากเกินกว่าจะ แก้ไข
อย่างไรก็ดี การปล่อยให้ความโกรธเข้ามาค
การตัดสินใจที่เกิดขึ้นจาก Anger ได้นำมาซึ่งผลเสียมากมาย ซึ่งเริ่มต้นจากการขโมยบัตร
ในชีวิตจริง เมื่อไหร่ก็ตามที่เรา ‘ตัดสินใจ’ ด้วย ‘ความโกรธ’ มันก็มักจะนำไปสู่สถานการณ์
Disgust (ความเกลียด) และ Fear (ความกลัว) ทำงานคล้ายๆ กับ ‘ระบบเซ็นเซอร์’ โดย Disgust นั้นจะช่วยปัองกันไรลีย์จาก สิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายกายแ ละไม่สบายใจ ในขณะที่ Fear ก็ช่วยปกป้องเธอจากอันตรายต ่างๆ
ถ้าระบบเซ็นเซอร์นี้ถูกตั้ง เอาไว้ในระดับที่พอดี มันก็คือกลไกที่ช่วยปกป้องม นุษย์เราจากสิ่งที่ไม่พึงปร ะสงค์ ทั้งหลาย แต่ถ้ามันถูกตั้งเอาไว้อย่า ง เข้มงวด หรือ หละหลวม เกินไป มันก็อาจจะส่งผลเสียได้เช่น เดียวกัน
ในชีวิตจริง คนที่มี Fear มากเกินไป มักจะเป็นคนขี้กลัวที่ไม่กล ้าคิดไม่กล้าตัดสินใจอะไร ส่วนคนที่มี Disgust มากเกิน ก็คือคนที่ตั้งมาตรฐานชีวิต เอาไว้สูง จนทำให้พลาดโอกาสหลายๆ อย่าง ในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย
ในตอนที่ไรลีย์ย้ายบ้านมาให ม่ๆ Fear และ Disgust คือ อารมณ์ที่แสดงออกถึงความไม่ พอใจกับบ้านหลังใหม่ออกมาอย ่างชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไ รลีย์เริ่มที่จะ ‘ปิดตัวเอง’ จากสภาพแวดล้อมใหม่ ที่เธอไม่คุ้นเคย
ช่วงเวลาที่ Fear และ Disgust นั้นดูจะทำงานหละหลวมเกินไป ก็คือตอนท้ายของเรื่อง ที่ทั้งสองยอมให้ Anger ขึ้นมาควบคุมคอนโซล จนทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายตา มมา
ถ้าเปรียบกับชีวิตจริง มันก็คือช่วงเวลาที่ความโกร ธเข้าครอบงำจน ‘ระบบป้องกันตัวเอง’ อย่างความกลัวและความเกลียด นั้นต้านทานไม่อยู่ และส่งผลให้เราทำอะไรไปอย่า งไม่ยั้งคิดนั่นเอง
ถ้าระบบเซ็นเซอร์นี้ถูกตั้ง
ในชีวิตจริง คนที่มี Fear มากเกินไป มักจะเป็นคนขี้กลัวที่ไม่กล
ในตอนที่ไรลีย์ย้ายบ้านมาให
ช่วงเวลาที่ Fear และ Disgust นั้นดูจะทำงานหละหลวมเกินไป
ถ้าเปรียบกับชีวิตจริง มันก็คือช่วงเวลาที่ความโกร
ฉากที่เศร้าที่สุดฉากหนึ่งใ น Inside Out ก็คือตอนที่ ปิ๊งป่อง เพื่อนในจินตนาการของไรลีย์ ยอมเสียสละตัวเอง เพื่อช่วย Joy ออกจาก หลุมขยะความทรงจำ จนทำให้ตัวเองต้องเลือนหายไ ป
ปิ๊งป่องและไรลีย์นั้นมีเรื ่องราวดีๆ ร่วมกันมามากมาย และเขาเองก็อยากจะอยู่กับไร ลีย์ต่อไปให้นานที่สุด แต่ปิ๊งป่องก็รู้ดีว่าตัวเอ งมี ‘น้ำหนัก’ มากเกินกว่าจะออกจากหลุมได้ และหากว่าเขาฝืนตัวเองต่อไป ไรลีย์ก็จะไม่มีโอกาสได้เติ บโต
ฉากนี้ทำให้ผมนึกไปถึงอีกฉากห นึ่งใน Up ที่ปู่คาร์ลตัดสินใจทิ้งข้า วของซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจ ำของเอลลี่ อยู่ในนั้น เพื่อ ‘ลดน้ำหนัก’ ของบ้านลง และพาบ้านไปช่วย รัสเซล ถึงแม้ว่าข้าวของเหล่านี้จะ มีความหมายกับคุณปู่มากแค่ไ หนก็ตาม
ในทุกช่วงวัย ชีวิตจะพาเราเดินไปข้างหน้า อยู่เสมอ และบางครั้ง เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะ ‘ทิ้งอดีต’ เอาไว้ข้างหลังบ้าง เพื่อให้ใจเรา ‘เบาพอ’ ที่จะก้าวต่อไปในอนาคตให้ได ้
ปิ๊งป่องและไรลีย์นั้นมีเรื
ฉากนี้ทำให้ผมนึกไปถึงอีกฉากห
ในทุกช่วงวัย ชีวิตจะพาเราเดินไปข้างหน้า
แนวคิดที่น่าสนใจอันหนึ่งซึ ่งถูกพูดถึงใน Inside Out ก็คือ เกาะบุคลิกภาพ (Islands of Personality) ซึ่งเป็นตัวแทนของบุคลิกภาพ ด้านต่างๆ ของไรลีย์ และสร้างตัวตน (Identity) ของเธอขึ้นมา
เกาะบุคลิกภาพ ถูกสร้างขึ้นและให้พลังงานโ ดย ความทรงจำหลัก (Core Memory) ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ครั้งส ำคัญในชีวิตของไรลีย์ ที่ส่งผลให้เธอเป็นคนในแบบท ี่เธอเป็น อาทิเช่น ความทรงจำจากการยิงประตูครั ้งแรก ซึ่งทำให้ไรลีย์หลงรักกีฬาฮอกกี้ และทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ ่งในตัวตนของเธอ
ในตอนที่ความทรงจำหลักถูกดู ดออกไปจากศูนย์สั่งการ เกาะทั้งหมดจึงขาดพลังงานแล ะปิดตัวลง คล้ายๆ กับเวลาที่เราตกอยู่ในภาวะซ ึมเศร้า และเลือกที่จะ ‘ปิดตัวเอง’ จาก ‘ประสบการณ์’ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
แต่ในที่สุดเมื่อเหตุการณ์ท ั้งหมดคลี่คลายลง เกาะต่างๆ ก็ได้เปิดตัวขึ้นอีกครั้ง โดยสิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อไรลีย์ยอม ‘เปิดใจ’ เกาะของเธอก็ถูกพัฒนาขึ้นไป อีกระดับ ซึ่งก็คือการเติบโตขึ้นของเ ธอ ที่เกิดขึ้นจากการเปิดรับ ‘ประสบการณ์ใหม่ๆ’
สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดก็ค ือ เกาะครอบครัวที่ขยายตัวขึ้น โดยมีเรื่องราวในซานฟรานซิส โกเป็นส่วนหนึ่งในนั้น ซึ่งหมายถึง การที่ไรลีย์เปิดใจยอมรับ ซานฟรานซิสโก เป็น ‘บ้านหลังใหม่‘ ของเธออย่างเต็มใจ
นอกจากนี้ หลังจากเวลาผ่านไป เราก็ยังได้เห็นเกาะใหม่ๆ ของไรลีย์อีกหลายเกาะ อาทิเช่น เกาะแฟชั่่น เกาะบอยแบนด์ และ เกาะแวมไพร์โรแมนซ์ (อันนี้น่าจะมาจาก Twilight) ซึ่งก็คือประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เธอได้รับ หลังจากที่เธอเริ่มเป็นวัยร ุ่นนั่นเอง
เกาะบุคลิกภาพ ถูกสร้างขึ้นและให้พลังงานโ
ในตอนที่ความทรงจำหลักถูกดู
แต่ในที่สุดเมื่อเหตุการณ์ท
สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดก็ค
นอกจากนี้ หลังจากเวลาผ่านไป เราก็ยังได้เห็นเกาะใหม่ๆ ของไรลีย์อีกหลายเกาะ อาทิเช่น เกาะแฟชั่่น เกาะบอยแบนด์ และ เกาะแวมไพร์โรแมนซ์ (อันนี้น่าจะมาจาก Twilight) ซึ่งก็คือประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เธอได้รับ หลังจากที่เธอเริ่มเป็นวัยร
เรื่องราวทั้งหมดใน Inside Out ได้คลี่คลายลงในตอนที่ Joy ตัดสินใจมอบหมายให้ Sadness เป็นผู้ควบคุมแผงคอนโซล ซึ่งส่งผลให้ไรลีย์ได้ ‘ปลดล็อค’ ความเศร้าของตัวเอง และได้เปิดใจกับพ่อแม่เป็นค รั้งแรก ว่าเธอรู้สึกเศร้าแค่ไหนกับ การย้ายบ้านในครั้งนี้
แม้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่จะเ กิดขึ้นภายในหัวของไรลีย์ แต่ความพยายามของ Joy และเพื่อนๆ ย่อมไร้ความหมาย ถ้าขาดซึ่ง ‘แรงสนับสนุนจากภายนอก’ ซึ่งก็คือ พ่อแม่ที่พร้อมจะ ‘รับฟัง’ ปัญหาของเธอ
‘ความสุขของไรลีย์’ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำงานข องอารมณ์ทั้ง 5 ในหัวของเธอเพียงลำพัง แต่มันยังต้องอาศัยความช่วย เหลือจากอารมณ์ทั้ง 5 ในหัวของพ่อและแม่ ซึ่งทั้งหมดต้องทำงานร่วมกั นเพื่อสร้าง ‘ความสุขในครอบครัว’ ให้เกิดขึ้น
ในช่วงเวลาที่อ่อนแอ บางครั้ง สิ่งที่เราต้องการมากที่สุด ก็คือ ใครบางคนที่รักและห่วงใยเรา และไม่ว่าช่วงเวลานั้นจะยาก ลำบากสักแค่ไหน แต่เราก็ย่อมผ่านมันไปได้ ด้วยกำลังใจจากคนที่เรารัก
แม้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่จะเ
‘ความสุขของไรลีย์’ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำงานข
ในช่วงเวลาที่อ่อนแอ บางครั้ง สิ่งที่เราต้องการมากที่สุด
ได้ข้อคิดดีมากเลยคะ ขอบคุณนะคะที่เอามาให้อ่าน จากคนที่ตอนนี่ sadness กำลังทำงานอย่างหนักเลยคะ
ตอบลบ