เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสได้เข้าเรียนสัมมนา Total Success กับโค้ชมือ 1 ของโลกด้านความสำเร็จที่ชื่อ แอนโทนี่ ร๊อบบินส์ ที่สิงคโปร์ เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ได้เรียนกับกูรูผู้มีประสบการณ์กว่า 35 ปี จึงอยากแบ่งปันมุมมองความคิดดี ๆ ที่ได้รับกับแฟนเพจของ The Art Of Growing ค่ะ
โดยตอนนี้จะพูดถึง “The Three Decisions”
โทนี่บอกว่าคนเราจะโดยทั่วไปจะมีแพทเทิร์นในการตัดสินใจสามเรื่องนี้ซึ่งจะเป็นสิ่งที่บอกถึงคุณภาพและความสำเร็จในการใช้ชีวิต
1. สิ่งที่เราให้ความสำคัญ (What should we focus on?)
เราใช้เวลาคิดถึงอะไรมากกว่าระหว่าง:
“สิ่งที่เราควบคุมได้ หรือ สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้” (What we can control VS. What we can’t control)
“อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต” (Past, Present, Future)
“สิ่งที่เรามี หรือ สิ่งที่เราไม่มี” (What we have VS. What’s missing)
“สิ่งที่เราควบคุมได้ หรือ สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้” (What we can control VS. What we can’t control)
“อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต” (Past, Present, Future)
“สิ่งที่เรามี หรือ สิ่งที่เราไม่มี” (What we have VS. What’s missing)
คนที่สำเร็จและมีความสุขจะให้ความสำคัญกับการชื่นชม (Appreciate) ในสิ่งที่เขามี
ถ้าเปรียบเทียบตัวอย่าง เราจะเห็นว่าเด็ก ๆ จะมีความสุขกว่าผู้ใหญ่
เพราะตอนเราเป็นเด็ก เราชื่นชมสิ่งต่าง ๆ รอบตัวง่ายมาก ๆ
ฝนตกก็ดีใจ กินเค้กก็ดีใจ เห็นหน้าพ่อแม่ก็ดีใจ
จะเห็นว่าตอนเราเป็นเด็กอะไร ๆ ก็ดูเป็นสิ่งที่น่าจดจำ ตื่นเต้น
แต่ความรู้สึกเหล่านี้ค่อย ๆ จางหายไปตอนเราโตเป็นผู้ใหญ่
เพราะเราเห็นแต่สิ่งที่เราไม่มี แทนที่จะมองหาชื่นชมสิ่งที่เรามีอยู่
ถ้าเปรียบเทียบตัวอย่าง เราจะเห็นว่าเด็ก ๆ จะมีความสุขกว่าผู้ใหญ่
เพราะตอนเราเป็นเด็ก เราชื่นชมสิ่งต่าง ๆ รอบตัวง่ายมาก ๆ
ฝนตกก็ดีใจ กินเค้กก็ดีใจ เห็นหน้าพ่อแม่ก็ดีใจ
จะเห็นว่าตอนเราเป็นเด็กอะไร ๆ ก็ดูเป็นสิ่งที่น่าจดจำ ตื่นเต้น
แต่ความรู้สึกเหล่านี้ค่อย ๆ จางหายไปตอนเราโตเป็นผู้ใหญ่
เพราะเราเห็นแต่สิ่งที่เราไม่มี แทนที่จะมองหาชื่นชมสิ่งที่เรามีอยู่
โทนี่ย้ำนักย้ำหนาว่า “If you don’t enjoy what you already have, you won’t enjoy what you will get in the future even it’s more!”
2. ความหมายที่เราให้ต่อสิ่งต่าง ๆ (What does this mean?)
คุณภาพชีวิตเราถูกกำหนดด้วยความหมายที่เราให้ต่อสิ่งต่าง ๆ
ตัวอย่าง เช่น หากเราตกงาน
เราให้ความหมายว่านั่นคือจุดจบหรือจุดเริ่มต้นใหม่ของชีวิต
หากใครบางคนพูดจาแบบเผชิญหน้ากับเราอย่างตรงไปตรงมา
เขาคนนั้นกำลังดูถูกหรือกำลังโค้ชเรา
ตัวอย่าง เช่น หากเราตกงาน
เราให้ความหมายว่านั่นคือจุดจบหรือจุดเริ่มต้นใหม่ของชีวิต
หากใครบางคนพูดจาแบบเผชิญหน้ากับเราอย่างตรงไปตรงมา
เขาคนนั้นกำลังดูถูกหรือกำลังโค้ชเรา
ความหมายที่เราให้ต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวกำหนดคุณภาพชีวิตของเรา
โทนี่บอกว่า Meaning = Emotion และ Emotion = Life
ดังนั้นจงฉลาดใช้ Meaning ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
โทนี่บอกว่า Meaning = Emotion และ Emotion = Life
ดังนั้นจงฉลาดใช้ Meaning ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
3. สิ่งที่เราลงมือทำ (What will we do?)
สิ่งที่เราเลือกลงมือทำเป็นผลกระทบโดยตรงจากสภาวะอารมณ์ที่เราเป็นอยู่ (Emotional state)
ถ้าเรากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ แน่นอนว่าเราจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากตอนที่เรามีอารมณ์ร่าเริง สนุกสนาน
คนสองคนเวลาโกรธ จะมีการแสดงออกที่ต่างกัน
บางคนโกรธอยู่ในใจ บางคนโกรธแล้วเสียงดัง ในขณะที่บางคนโกรธแล้วดื้อเงียบ
ถ้าเรากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ แน่นอนว่าเราจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากตอนที่เรามีอารมณ์ร่าเริง สนุกสนาน
คนสองคนเวลาโกรธ จะมีการแสดงออกที่ต่างกัน
บางคนโกรธอยู่ในใจ บางคนโกรธแล้วเสียงดัง ในขณะที่บางคนโกรธแล้วดื้อเงียบ
ถ้าเราอยากเปลี่ยน Action วิธีเร็วที่สุดคือ เปลี่ยนสิ่งที่เรา Focus และเลือกใช้ Meaning ที่ให้พลัง (Empowering)
แต่คนเราจะเปลี่ยน Action ไม่ได้ ถ้าเรายังไม่ตระหนักหรือเห็นแพทเทิร์นของตนเอง
แต่คนเราจะเปลี่ยน Action ไม่ได้ ถ้าเรายังไม่ตระหนักหรือเห็นแพทเทิร์นของตนเอง
คุณผู้อ่านลองสำรวจตนเองด้วยสามระดับของการตัดสินใจ เพื่อค้นหาแพทเทิร์นของตนเองในการพัฒนาไปสู่ความสุขและความสำเร็จดูนะคะว่า
1. อะไรเป็นสิ่งที่เราโฟกัส
2. เราให้ความหมายกับสิ่งนั้นอย่างไร
3. เราตอบสนองด้วยการลงมือทำอย่างไร
1. อะไรเป็นสิ่งที่เราโฟกัส
2. เราให้ความหมายกับสิ่งนั้นอย่างไร
3. เราตอบสนองด้วยการลงมือทำอย่างไร
ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้และพร้อมสนับสนุนด้วยข้อคิดและแง่มุมดี ๆ มาแบ่งปันกันตลอดเส้นทางของการเติบโตไปด้วยกันค่ะ
**********************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น