วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วันที่เงินเดือนเกิน 200,000 ครั้งแรกในชีวิต

องที่ผมชอบอ่านก็ต้องสีลม พวกชีวิตการทำงาน Sales , Sales IT การทำธุรกิจ อะไรประมาณนี้นะครับ จริง ๆ ผมชอบแนะนำ ชอบสอน 
แต่ไม่มีคนมาถาม อยากรู้จัง น้อง ๆ ทำงานใหม่ ๆ คิดอะไรยังไง เรื่องแผนชีวิตการทำงาน ความก้าวหน้า การพัฒนาตัวเอง  ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เรา
ต้องศึกษา เรียนรู้และได้รับคำแนะนำ ผมเองตอนหนุ่ม ( ตอนนี้แค่หนุ่มใหญ่) ไม่ค่อยมีใครแนะนำเพราะหัวดื้อ ไม่ค่อยเชื่อใครมีความคิดเป็นของ
ตัวเอง และก็ไม่เคยเอาเงินตั้งเป็นเป้าหมาย 

เข้าเรื่องเลยดีกว่า อายุ 43 แล้วครับ จั่วหัวไว้ว่าเกิน 200,000 นี้มาจาก 3,x00,000 OTE  60/40 ผจก ฝ่ายขายประจำประเทศไทย 
บริษัทชั้นนำของโลกแห่งหนึ่ง ถ้าตามนี้คงนึกออกว่า vendor ไม่มีออฟฟิสในเมืองไทย achieved 100% เกินสามแสน ( มีอีกหลายคนที่อยู่ใน
ฟิลนี้ มีรายได้เยอะกว่านี้นะครับ)  ทำงานค่อนข้างอิสระ เจ้านายอยู่สิงคโปร์ (ส่วนใหญ่ก็สิงคโปร์ทั้งนั้น ) พวกนี้หลายคนก็เก่ง ช่วยเหลือ 
เป็นเจ้านายที่ดี บางคนก็ Chasing เอาตัวเลขอย่างเดียว ปัญหายิ้มแก้เองตรูไม่เกี่ยว ตรูเอาตัวเองรอดจากนายที่ US เป็นควอเตอร์ ๆ จวนตัวสั่ง 
Preload คุ้น ๆ มะ 555 

เรื่องเงินและรายได้ที่เป็นตัวเงินไม่ได้เป็นประเด็นหลัก แต่ผมอยากแชร์แง่คิดในการทำงานมากกว่า  เงินที่มากกว่าเดิมหรือว่ามากขึ้นไม่ได้เป็นเครื่อง
ยืนยันว่าเรามีความสุขหรือว่าเราเก่งขึ้น   เงินเดือนเยอะไม่ใช่ความสุขเยอะ  เปลี่ยนงานได้เงินเยอะขึ้นไม่ใช่เก่งขึ้น พวกที่เปลี่ยนงานเรื่อย ๆ 
เอาเงินเดือนขึ้นแต่ไม่เก่งขึ้น  ถึงจุดนึงต้องเปลี่ยนฟิวครับ  เพราะสมัยนี้จะรับคนเนี้ยเช็คตรวจสอบกันกระจาย Bad Record ทีนี้เม้าส์กันเละนะครับ 
แต่งโปรไฟล์ใน CV หรือ Linkedin เจ๋ง ๆ บวกให้คน referrence ดี ๆ ไม่พอนะ เค้าเช็คกันเยอะกว่านั้น 

ทำยังไงเราถึงจะได้เงินเยอะไปนาน ๆ  มีความสุข มีสุขภาพที่ดี มีเพื่อนร่วมงานที่ดี และมีเจ้านายที่ดี ( เรื่องเจ้านายที่ดีนี่ต้องคุยกันยาว )
ถ้าได้ตามนี้ ชีวิตดี๊ ดี เนอะ  ผมเล่า milstone ชีวิตการทำงานผมให้ฟัง แล้วจะสอดแง่คิดไปด้วยแล้วกัน ( ไม่เห็นด้วยไม่ต้องมาเถียงนะ 
เพราะมันเป็นความเห็นส่วนตัว ) 

เอากันตั้งแต่ตอนเด็กเลยดีกว่า ครอบครัวแตกแยกครับ มีแม่รับราชการเลี้ยงลูกสามคน แม่ต้องสอนหนังสือพิเศษหลายที่ ผมช่วยแม่ทุกอย่างเท่าที่
ทำได้ตั้งแต่ช่วยยกของขึ้นรถเมล์ ( แม่เอาของมาขาย ) ที่โรงเรียนที่แม่สอน ขายผลไม้ด้วยนะ ทำรถรับส่งนักเรียน แม่ขับเอง 
ตรงนี้เองครับผมถึงเริ่มทำงานเร็ว จบสายพานิชย์ ปวช มาก็ทำงานเลยแล้วเรียนภาคค่ำเอา ปวส คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ปริญญาตรี คอมฯ  
หัวดีคนนึงครับแต่ขี้เกียจนรก ชอบเตะบอล ดูดบุหรี่ตั้งแต่อายุ 15 กินเหล้าเป็น เกเรคนนึงเลย แต่ยังรักดีอยากให้แม่สบาย ช่วงนัไม่มีอะไรต้อง 
highlight มาก มีเรื่องนึงคือชอบภาษาอังกฤษ นิสัยส่วนตัวคือ มีความคิดเป็นของตัวเอง ชอบลองผิดลองถูก ( มานึกดูทำไมไม่ถามนะจะได้ไม่ผิด ) 

เรียนจบจนถึงอายุ 28 

จบ IT ครับอยากเป็น programmer ได้ไปอยู่ Bank แห่งนึงทำพวก Data Operator มีเขียนโปรแกรมบ้างเล็กน้อย ใช้คอมต้องโหลด DOS อะ
เงินเดือน 14,000 + ค่าวิชา 4,000  แถมมี OT ด้วยนะรายได้เกือบ 20,000 เกือบ 20 ปีก่อน มันซิครับมีเพื่อนเป็นแก๊งค์เลย คน Bank เหมือนกัน 
เละเทะเลยทีนี้  ติดบัตร เที่ยวเล้าน์ เล่นบอล เบื่อ ลาออก เปลี่ยนงานไปเป็นเซล IT  ออกไปทำกิจการส่วนตัว เจ๊งมีหนี้เกือบ 2 ล้าน
ช่วงชีวิตนี้มี Highligh อยู่ครับ  
          - ผมยอมลดเงินเดือนตอนมาเริ่มทำ Sales IT ครั้งแรก เงินเดือน 12000 + ค่าเดินทาง 4,000 เพราะอยากลองทำ Sales ดู
            ใครที่ไม่รู้ตัวเอง หาสิ่งที่ตัวเองชอบงานที่ตัวเองชอบให้เจอ  อย่าไปติดกับเรื่องเงิน  มีเหรอไม่มีประสบการณ์ เปลี่ยนฟิวมาเค้าจะให้เงินเดือน
            เยอะเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม  พวกที่บ่นเบื่อแล้วก็ทนทำไปนาน ๆ เข้ามีภาระ ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน มีครอบครัว มีน้อง ก็เปลี่ยนงานไม่ได้อีก 
            แล้วก็ทนทำไป พออายุเยอะด้วยความที่เบื่อ ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เรียนรู้ โดน layoff  
           สรุปนะครับ หาตัวเองให้เจอ หางานที่เราชอบ งานต้องอยู่กับเราไปอีกหลายปี ทำงานให้สนุก มีความสุขกับมัน เดี๋ยวเงินตามมาเอง
           เพราะฉะนั้นถ้าคุณอายุยังน้อย  อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนงาน ให้ศึกษา หาข้อมูล ถามพี่ ๆ ที่มีประสบการณ์ ลองทำดูซักหกเดือนปีนึง ไม่ OK เปลี่ยน 
           ไม่ต้องไปสนใจว่าเดี๋ยว Profile ดูไม่ดีเปลี่ยนงานบ่อย หาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร สนใจอะไรสำคัญกว่า 
           ผมหาเจอว่าอยากทำ Sales นี่แหละขาย IT เพราะเรียนมา แล้วก็ต่อยอดหาความรู้เพิ่มเติม อ่านหนังสือ เรียนรู้ product ซนไปเรื่อย 
         -  ผมลองงานที่ผมสนใจรวมถึงลองทำธุรกิจด้วย ตอนอายุ 28 ก็ที่บอกว่าเจ๊งมาเป็นล้านนะแหละ suffer มากครับแต่ก็ใช้หนี้หมดตอนอายุ 34 
           ได้บทเรียนครั้งใหญ่เลยและผมว่าคุณสมบัติข้อนึงที่ติดตัวผมมาก็คือ การเข้าใจการทำธุรกิจ ถ้าคุณอยากทำธุรกิจเอง การเริ่มต้นด้วยการเป็น
           ลูกจ้างเค้าโดยการเป็น Sales  นี่ดีครับเราจะเข้าใจธุรกิจ บริษัทออกเงินให้เราลองทำธุรกิจ (คิดซะยังงั้น สบายใจ) มีทักษะว่างั้น  
           บริษัทที่ประสบความสำเร็จใหญ่โตจะมียอดขายมหึมา และส่วนสำคัญก็มาจาก Sales Man นี่แหละครับ model การทำธุรกิจที่ดีบนเว็บ
           ก็มาจากความเข้าใจเรื่อง Sale ของคนพัฒนา  ยอดขาย ช่องทางการขาย พนักงานขาย มีความสำคัญกับการทำธุรกิจ 
           อยากเป็นเจ้าของกิจการต้องเริ่มต้นตรงนี้  อย่าฝัน เจ๊ง เดือดร้อนนะ  ถ้าไม่ได้มีกิจการที่บ้าน ไม่รวย อยากเป็นเจ้าของกิจการ 
           ลองไปสมัครเป็นเซลในฟิวที่คุณสนใจ แข็งแรงแล้ว ลองทำเองดู อย่าเอาเงินทั้งหมดมาทำ ลองเล็ก ๆ ก่อน อีกครั้ง เจ๊ง เดือดร้อน ขอย้ำ
            สรุป ช่วงชีวิตการทำงานตรงนี้ได้บทเรียนจากความซ่าไปหลายตังค์  แต่ก็ได้ทักษะการทำธุรกิจติดตัวมาพร้อมหนี้บานเลยครับ

ผมหาตัวเองเจอว่าอยากทำอะไร สนใจอะไร เวลาว่างอ่านหนังสือที่ตัวเองสนใจ  แก้ปัญหาเก่ง เริ่มมีเป้าหมายในชีวิตแล้วครับ เป้าแรกต้องใช้หนี้ให้หมด
ผมประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย เพราะไม่มี 5555 จากเดิมป๋า สปอร์ต กทม กับเพื่อนและหญิงตลอด  ลืมเล่าไปมีแฟนนะครับ รู้จักกันเพราะเค้ามาฝึกงานที่แบงค์ 
เค้าอดทนมากเลยนะ ยอมคบผมได้ตั้งแต่ตอนนั้นอะ (เรื่องแฟนนี้ต้องขยายครับเพราะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ผมมาถึงจุด ๆ นี้) เดี๋ยวไปต่อช่วงต่อไปกันเลย 

ช่วงอายุเกือบ 30 - จนถึง 36 

กลับมาแว้ว กลับมาเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม หายซ่าเลยมีหนี้สองล้านได้ ต้องเอาบ้านไปรีไฟแนนท์ แต่มีรถขับคันนึง สงสารแม่ สงสารแฟน ต้องมาลำบากไป
กับเราด้วย ผมกลับมาทำบริษัทด้าน IT เหมือนเดิมเงินเดือน 35,000 ย้ายครั้งนึง มาอยู่บริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า IT Security 
รายได้เฉลี่ย 5 -60,000  ตำแหน่ง Sales Manager ทั้งบริษัทมี 3 คน GM , Engineer แล้วก็ผมเป็นเซล 
ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญครับ เหนื่อยแต่สนุกกับงาน เรียนรู้  ขยัน ประกอบกับได้ทำสิ่งที่ตัวเองสนใจ ลุยแหลก เอาเป็นว่าเริ่มต้นขายของให้ Vendor จากไม่มี 
Side Referrence จนขึ้นเบอร์หนึ่งของเมืองไทย แล้วก็ถือ Products อีกหลายตัว บริษัทขยายกลายเป็นมีคนเกือบ 20 คน  
ทำงานร่วมกับ Vendor จากสิงคโปร์หลายคน หลาย Vendor กลายเป็นที่รักของเฮีย ๆ สิงคโปร์หลายคน  มาเมืองไทยผมดูแลจัดเต็ม ผมขออะไรให้หมด 555  เจ้านายพูดไม่ให้ ผมขอให้เว้ย 555 ใครดี ใครกวนตรีน ใครรับสมัครพนักงาน  รู้หมด 
เริ่มสร้างชื่อ เพราะเราจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่หลอกเค้า ( มีตีหัวเอามาร์จิ้นบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง ) ถ้าผม commit หมายถึง PO เข้าชัวร์ ถ้า slip 
ผมหามา patch ผมและทีมลุยแหลก Product ไม่ใช่เกรด A ทุกตัวแต่ก็ทำตลาดได้ Position ให้ถูก Focus ให้ถูกที่และจริงใจกับลูกค้า partner 
ยอดขายกระฉูด บริษัทขยายตัว ค่าคอมหาได้เพิ่มเอาไปใช้หนี้  เจ้าของบริษัทตัวจริง Happy ( ไอ้ GM นะแหละตัวปลอม แค่หุ้นส่วน วัน ๆ ไม่รู้ทำอะไร 
ยังดีไม่ทำแต่ก็ไม่มาสร้างปัญหา ) 

ช่วงนี้การได้รันทีมขาย ทำให้ผมอยู่กับคนมากขึ้น ลูกน้องกลัวผมเพราะความขาลุย อยู่ในสภาพแวดล้อมของการแข่งขัน บางคนก็กลัวเกิน 
ตอนนี้ได้เป็น ผจก เต็มตัวครับ มีลูกน้อง 5-6 คนแต่ยังขายเองอยู่นะ สัมภาษณ์งาน ทดลองงาน ให้ออก ไล่ออก ที่พอฝึกได้ก็ฝึกกันไป 
บริษัทเล็ก ๆ ครับไม่สามารถจ้างคนที่มีประสบการณ์ได้มากนัก รายได้ก็ไม่ได้ขยับอะไรมาก เราไม่คิดอะไรถือว่าโตไปด้วยกัน ผมเริ่มบริหารทีมงานขาย
ให้โอกาส สอนคน พัฒนา ก็ตอนนี้ แล้วในทางกลับกัน ให้ออกและไล่ออก 

พอหนี้หมดผมก็จะแต่งงาน  แฟนผมหรือภรรยาผมนี่มีส่วนสำคัญกับชีวิตผมสูงมาก ผมดีเค้าก็อยู่ ผมล้มเค้าก็อยู่ ผมกลับมาดีใหม่ มีครั้งนึงทำท่าไม่อยู่อะ
เสีย self ไปเลยนะ แต่ในที่สุดเค้าก็แต่งงานกับผม งานแต่งค่าจัดเลี้ยง 300,000 เจ้าของบริษัทฯ ผมออกให้เลยนะ ( จริงๆ ไม่น่ารับเล้ย ) 
แต่ก็ลดค่าใช้จ่ายสบายแฮ หลังแต่งงานผมยกเงินเดือนให้ภรรยาดูแลทั้งหมด เอาบัตร ATM สมุดบัญชีไปเลย 

กลับมาเรื่องงาน ขายเยอะปัญหาเยอะ บริหารจัดการไม่ดี เริ่มหาตัวช่วย GM ไปเอาญาติมาทำการเงิน พยายามมาวุ่นวายกับผม จะให้ผมขออนุมัติเค้าก่อน
ให้ Discounted นึกดู ผจก ฝ่ายขายต้องขออนุมัติ ผจก การเงินก่อน มีที่ไหน ผมว่าเค้าคงจะพยายามมาเล่นการเมือง เพราะผม power เยอะกว่า GM 
ผมเริ่มเซ็งออกดีกว่า คราวนี้เอาหละซิติดหนี้บุญคุณกันทำไงอะ  ผมรอจนปิดโปรเจคนึง 40 ล้านได้ กำไรประมาณ 6 ล้าน ยกค่าคอมคืนเค้าไป 
ผมทำงานที่นี่หลายปีเลยนะ หลังจากที่ออกซักพักนึง สามสีปีให้หลัง  บริษัทนี้ปิดตัวไปแล้ว มานั่งนึกแล้วลูกค้าตรูทำไงเนี้ย  

ย้ายไปทำงานก็เพราะ Vendor มาตรงนี้แหละเริ่มเป็น Vendor รายได้แตะ 100,000 หรือเกินบางควอเตอร์ ไม่มีลูกน้อง ไม่มี Engineer รู้ทุกอย่าง

Higlight ช่วงนี้นะครับ

ถ้าเราสนุกกับงาน เราก็จะตั้งใจทำ  มีอุปสรรคเราก็ฝ่าฟันไป นี่ไงคีย์ ความสำเร็จก็ตามมา 
เราซื่อสัตย์ ไม่คดโกง จริงใจ กับลูกค้า, คู่ค้าทั้ง partner vendor,  เพื่อนร่วมงาน ใครก็สนับสนุน ทำงานผิดพลาดก็มีคนช่วยเหลือ แก้ไข แก้ต่าง 5555
ทำธุรกิจต้องใช้ความไว้วางใจ ซึ่งสำคัญมากครับ อะไรที่เรามี Commitment ต้อง Delivery ให้ได้  ลูกค้า, คู่ค้า, vendor ให้เกียรติ 
เจ้านาย ผจก ที่ไม่สอนหรือลูกน้องกลัว จะเหนื่อย มีน้องที่ผมให้ออก ( ไม่ใช่ไล่ออก ) เดินมายกมือไหว้ผมเจอกันโดยบังเอิญ เค้าบอกว่าจำผมไม่ลืม 
จำที่ผมสอน เค้าเล่าปัญหาตอนทำงานกับผมให้คุณแม่เค้าฟัง ผ่านไปหลายปีคุณแม่เค้ายังพูดถึงผมอยู่เลย  ตอนนี้เค้าอยู่บริษัท IT ใหญ่มากกกก 
ผมโหดจริงแต่ก็ช่วยเหลือแล้วผมก็สอน นิสัยขาโหดผมลดลงแล้ว สไตล์เราต้องปรับเปลี่ยนไปตามลูกน้อง บางคนต้องโหด 
บางคนต้องไม่โหดชี้แจงเหตุผล ทางทีดีเป็น ผจก ที่ดีอย่าโหด โหดแล้วลูกน้องที่ยังไม่เก่งหรือฝึกอยู่แล้วเค้าออาจจะเก่งเค้าลาออก คุณก็เหนื่อยฟรี 
เก่งกว่า เก่งเท่ากัน หรือเก่งน้อยกว่า คนนึงพูด Eng ได้ เค้าเลือกคนพูดได้ เข้าใจ สื่อสารได้นะครับ Eng สำคัญ 
บริษัทคนไทยใครจ้างคนเงินเดือน 100,000 บ้าง ต้องผู้บริหารระดับสูงนะ Vendor แสนกว่าเยอะแยะ บริษัทฝรั่งด้วย อีกครั้ง Eng.   

โหยเพิ่งจะ 100,000 - กว่าเอง ไว้มาต่อแล้วกัน ช่วงหน้า เริ่มเป็นขาใหญ่  ยิ่งบู๊ขึ้นชื่อว่านักบู๊ต้องบาดเจ็บ  จาก ผจก ไปเป็น ผจก อาวุโส เจอนายกวนตรีน โดนการเมืองชิงอำนาจ  ลาออกอีก coming atraction krub. 

มาต่อช่วงอายุ 36 จนถึงปัจจุบันกัน ผมตัดสินใจไม่เล่ารายละเอียดหละ เอาสรุป ๆ เลย 

7 ปีย้ายงานครั้งเดียว ไม่ได้เปลี่ยนฟิวงานที่ทำเลย แต่เปลี่ยน product 

ผมใช้ประโยชน์จาก คอนเนคชั่นเดิม เปลี่ยนบริษัทแต่ไม่ได้เปลี่ยนฟิวส์ ยังคงทำงานร่วมกับคู่ค้ารายเดิม แต่ในฐานะใหม่  
การทำธุรกิจกับคนรู้จักกันดี ง่ายกว่าคนใหม่เยอะ ฝากไว้เลยครับว่า เมื่อเราเปลี่ยนงานอย่าเสี่ยงซะหมดหรือเริ่มต้นใหม่หมด
เปลี่ยนงานลองพิจารณาปัจจัยด้านล่างนี้ดู ผมย้ำอีกครั้งเรื่องนี้สำคัญ  

1 เลือกเจ้านายก่อน พิจารณาเรื่องนี้อันดับแรก ดูโปรไฟล์เค้า เช็คคนที่ทำงานร่วมกับเค้า งานดี เงินดี เพื่อนดี บริษัทดี 
   ถ้าเจ้านายไม่ดีอนาคตคุณแย่แน่  เจ้านายดี งาน OK เงินเดือนแย่ คุณทนกันได้  นายไม่ดีคุณทนไม่ได้ลาออกเสียเวลาเปล่า
   ทุกอย่างดีหมดยกเว้นเจ้านายแล้วยังจะทำก็ต้องทน
2 เปลี่ยนฟิวไปเลย Lost Concentrate , Connection เลือกเปลี่ยนเฉพาะ Product  คุณยังสามารถใช้คอนเนคชั่นเดิมในการทำงานได้ 
   ทักษะมีเรียบร้อยแล้ว แค่ศึกษาสินค้าเลือกสินค้าที่คุณมีทักษะ เข้าใจมัน 
   สินค้าที่ใหม่ในตลาด บริษัทใหม่ในตลาด นั่นหมายถึงเราต้องพัฒนามันจากศูนย์และมันยากกว่าเยอะ 
3 อันนี้สำหรับเซลเลย  ตัวเลขยอดขาย อย่าเห็นเงินเดือนแล้วตาลุก manager บางคนบีบคุณจนลำบาก ตั้งเป้าสูงเกินจริงไปเยอะ
   คุณจะเหนื่อยฟรี  ยกตัวอย่าง  ผจก ส่วนภูมิภาค Asean ดูแล 5 ประเทศ ( สิงคโปร์ ไทย มาเล อินโด ฟิลิปปิน ) เป้าเค้า 10 ล้าน USD/ปี
   เค้าตั้งเป้าคุณประเทศไทย 4 ล้านแทนที่จะเป็น 2 ล้าน คุณได้คอมมิชชั่นยากขึ้นเท่านึง  

ส่วนตัวผมเจอนายเก่งมาก ขาโหดนรกแตก โคตรเขี้ยวแรงกดดันสูง ผมรู้อยู่แล้วและทำใจยอมรับมัน อดทน อึดแบบเอาเขามาสวมผมไถนาได้เลย 
ข้อดีก็คือ เราได้เรียนรู้อะไรเยอะ พัฒนาเยอะ ข้อดีเราเก็บไว้ ข้อเสียพยายามลืม ๆ มันไป เพราะเราต้องพัฒนาตัวเองต้องทน
ผมเก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แปลกนะ Bad Manager มักจะเก่ง  Nice Manager มักจะไม่ช่วยเท่าที่ควร ( เรื่องจริงไม่รู้ทำไมโลกนี้ถึงเป็นอย่างงี้)

เก่งขึ้นแต่ก็ช้ำผมเบื่อแล้วก็ลาออก ทำงานได้ 6 ปี  ช่วงปี 1-2 รายได้ไม่ค่อยโต เงินเดือนขึ้นน้อย ( ช่วงเริ่มต้น ต้องอดทน )
หลังจากนั้นปี 3 -6 เงินเดือนขึ้นปีละ 2 แสน 3 แสน ต่อเดือน 2-3 หมื่น  รายได้เฉลี่ยเกือบ 2 แสนหละครับ 
บริษัทที่ผมลาออกมาใหญ่โต สวิสดิการดีเยี่ยม รายได้สุดยอด เพื่อนร่วมงานยอดเยี่ยม แต่ผมทนเจ้านายไม่ได้แล้ว ( เห็นมะ ) 
ยังยืดแง่คิดในการหางานแบบเดิม ไม่เสี่ยง ไม่เปลี่ยนฟิว ใช้ทักษะเดิมที่มีอยู่ เปลี่ยนแต่ Product เลือกเจ้านายก่อน 
งานที่ใหม่ผมเล่าให้ฟังไปหละ OTE 3 ล้านกว่า 60/40 เฉพาะเงินเดือนอย่างเดียวผม 2 แสนกว่าไม่รวมคอมมิชชั่น 
ดูดีนะสำหรับคนเรียน ปวช ต่อภาคค่ำ ไม่จบโท (อ่านหนังสือเอา เก่งกว่าอีก ) ใครที่เรียนได้ดีแล้ว แต่ช่วยส่งตัวเองได้ไม๊
อย่ารบกวนคุณพ่อคุณแม่  (ถ้ามีตังค์อยู่แล้วก็อีกเรื่อง ) ทำงานก่อนแปปนึงหรือทำไปด้วยเรียนไปด้วยคุณจะได้เพื่อน
ที่เค้าทำงานแล้วเหมือนกัน ได้มุมมองการทำงานใหม่ ๆ ได้ connection ที่ดี  ป โทเป็นประโยชน์แต่ไม่ใช่สูตรสำเร็จนะครับ 

จากเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังยาว ๆ ถ้าคุณอ่านมาตั้งแต่ต้นก็จะเข้าใจ ผมสรุป Key Success ให้ฟังเลยดีกว่า 

1 ผมไม่ย้ายฟิวส์ ไม่ jump เอาเงินเดือนขึ้นไปเรื่อย concentrate กับฟิวเดิม คู่ค้ารายเดิม ลูกค้าเดิมหรือรายใหม่แต่ก็ตลาดเดิม 
   ความต้องการคล้ายกัน
2 ผม Work Life Balance ออกกำลังกาย ให้เวลาครอบครัว ให้เวลาการทำงาน อย่างเหมาะสม สุขภาพดี สมองดี การทำงานก็มีประสิทธิภาพ
3 ภรรยาช่วยดูแลหมด ค่าใช้จ่าย เงินเก็บ ลงทุน เงินเดือนออกแล้วผมยังไม่รู้เลย เค้าบริหารการเงินได้ดี ผมซื้อ LTF จนเต็มที่เหลือ 
   RMF เกือบเต็ม  คุณจะประสบความสำเร็จต้องมีเวลา ต้องโฟกัสกับงาน เรื่องเงิน ค่าใช้จ่าย เรื่องจุกจิก ถ้ามีคนมาดูแลให้เราโฟกัส
   เรื่องงานได้เต็มที่
   หาเก่ง ไม่สู้เก็บเก่ง เก็บเก่งไม่สู้บริหารเก่งครับ ประเด็นนี้ต้องขยายหน่อย  
   ผมเห็นเพื่อน ๆ รุ่นพี่ ประสบความสำเร็จเรื่องการทำงานมาตายเอาเรื่องพวกนี้เยอะ รายได้เยอะ ซื้อเบนซ์ BMW บ้านหลายล้าน  
   สร้างภาระให้กับตัวเองเยอะเกินไป พอมีปัญหาเรื่องงานแย่เลยทีนี้  ตอนนี้นะถ้าผมตกงานผมมีกระสุน อยู่ได้ปีนึงเลย ภาระมีแต่น้อย 
   สิ้นปีที่ผ่านมาผมชวนลูกน้องไปซื้อ LTF เพื่อลดหย่อนภาษี เค้าไม่ซื้ออะ  แต่ไปเมืองนอกชีซื้อชาแนลสองใบเฉยเลย บ้าที่สุด 
4  ขยัน โฟกัส ซื่อสัตย์ อดทน ดูน่าเบื่อเนอะ คุณจะก้าวไปข้างหน้าเติบโตขึ้น ไม่ใช่นายดึงขึ้นอย่างเดียวไม่พอจริง ๆ 
    ต้องลูกน้องดัน ลูกค้าสนับสนุน เดี๋ยวตอนที่ผมได้โปรโมตอีกครั้งก็จะเหมือนเดิม ใช้เวลาดูน่าเบื่อ แต่มั่นคง 
    มีคำพูดเท่ห์ ๆ เยอะแยะ Work Smart Not Work Hard ก่อนคุณจะสมาร์ทตอบหน่อยถ้าไม่ทำงานหนัก แล้วสมาร์ทยังไง
    จะมีพวกใช้ทางลัด ย้ายบริษัทเรื่อย ๆ เงินเดือนเพิ่ม 20% ทุกครั้ง ส่วนใหญ่จะกลวงเก่งไม่จริง เอาส่วนใหญ่นะฟันธง
    คอรัปชั่นเห็นมาเยอะ ทำครั้งเดียวติดตัวตลอดชีวิต อาจจะปิดได้ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในที่สุดวงการมันแคบ คุณจะไม่ได้ไปต่อ
5 มีเป้าหมาย เขียนมันออกมา เอาเรื่องการพัฒนาชีวิตตั้ง ทั้งการทำงาน ครอบครัว การเงินรายได้ เอาเรื่องเงินไว้อันดับ 3 อันดับ 4   
   คุณมีเป้าหมายอย่างไรในอีก 3 ปีข้างหน้า ?  ถ้าชิลไม่มี ไม่สายตั้งเป้าหมายซะ  
   คุณจะมีแรงขับเคลื่อน ตื่นเช้ามาคิดถึงเป้าหมาย หาแรงบันดาลใจ การมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นคนที่คนรัก ครอบครัว 

ตอนนี้เริ่มวางแผนเกษียณหละ มีตังค์เท่าไหร่ตอนอายุ 60 ไม่ได้ทำงานแล้วแต่ต้องกิน ต้องใช้ ต้องเจ็บป่วย 
กินข้าวมือละ 100 บาท / 300 ต่อวัน คุณต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่  ?  เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลใช้ 30 บาทเหรอ ? 
วันนี้คุณได้เงินคืนจากการลดหย่อนภาษีบ้างไม๊ ?  คิดวางแผนซะ  ทำได้เยอะ แบ่งเก็บบ้าง ลงทุนบ้าง 
จบดีกว่า ไม่รู้ทำไมถึงอยากแชร์ชีวิตตัวเอง ลองเอาไปปรับใช้ดู ไม่ถูกทั้งหมดหรอก  แต่ Work สำหรับผม

หาตัวเองยังไง หางานที่เหมาะกับเรายังไง 

ลองซิครับ เราชอบเล่นฟุตบอลมากกว่าบาส  ชอบ combat มากกว่าพิลาทิส  ชอบแต่งรถ ชอบท่องเที่ยว ......... 
เราหาสิ่งที่ชอบได้ด้วยตัวเราเอง เราชอบอะไรมันสื่อถึงนิสัยเรา  

ผมชอบ นี่แหละผมเลย 
ชอบเตะบอล เล่นกองหน้า หาบอลไม่เจอทั้งเกมส์ยิงประตูได้ผมฟิน วันนี้ยิงไม่ได้ไม่ยอมพรุ่งนี้มาใหม่ ยิงได้สะใจ
ผมเป็นคนชอบความท้าทาย ชอบเป็นผู้นำ งานยากไม่กลัวจะต่อสู้บุกบั่นให้ถึงเป้าหมาย เหมาะกับ งานเซล presales ทำธุรกิจส่วนตัวได้ 
โดนกองหลังเตะเอาคืน  พุ่งล้มเอาจุดโทษ  โดนเตะลงไปดิ้นให้มันได้ใบเหลือง  ยิงไม่เข้าหงุดหงิดวะเตะกองหลัง กัดมัน ไม่ออฟยกธงโวยวาย 
แหนะ เห็นมะ ขาบู๊  
ชอบเป็นกองกลาง คุณเหมาะที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น เข้าใจเพื่อนร่วมงาน เป็นที่ปรึกษาของเพื่อน ๆ ได้  Product Manager, MD , Consult 
ไม่มีสูตรสำเร็จ ใครจะรู้จักตัวเราเองได้ดีกว่าเราหละครับ  แต่มันมีอะไรบางอย่างที่ถ้าคุณลองใช้เวลานั่งคิด คุณจะเจอคำตอบ 

คราวนี้พอจะจับคู่กับงาน ที่เราจะเลือก ก็ดูสิ่งที่เรียนมา ประสบการณ์ที่สั่งสมมา การทำงาน สาขาธุรกิจ ถ้าคุณได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่คุณสะสมมา
มันก็ช่วยย่นระยะเวลา เร็วขึ้น ง่ายขึ้น  ถ้าไม่ใช่สิ่งที่คุณรู้จัก ใหม่ คุณก็ต้องเรียนรู้ศึกษา ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักแล้วเลือกทำไม่ได้นี่ 

Highlight : 
หาดู ลอง ถามตัวเอง  ถ้าคุณหาเจอ คุณจะพัฒนาได้ง่าย มีความสุขที่ได้ทำ ความสำเร็จอาจจะตามมาไกล ๆ ตรงกันข้าม ความสำเร็จมันจะไม่มา 
การหาสิ่งที่เราชอบ รักที่จะทำมันจริง ๆ เราก็ต้องใช้เวลา  เป้าหมายใกล้ไกล ใหญ่เล็ก ขอแค่มีความสุขที่ได้พยายาม เชื่อผมเวลาผ่านไป วันที่คุณย้อนกลับมาคุณจะภูมิใจกับมันนะครับ  เหมือนที่ผมมาแชร์ให้ฟัง ก็เป็นความภูมิใจของเรา ที่ได้ผ่านมา เป็นที่พึ่งของครอบครัว 

แรงผลักดัน ทัศนคติที่ดี สร้างได้ทุกวัน 
คุณจะผลักดันตัวคุณเองให้ประสบความสำเร็จเพื่อคนที่คุณรัก เปลี่ยนจากคุณเป็นฉัน ท่องทุกวัน 
เราจะสร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง การทำงาน เพื่อ พ่อแม่ พี่น้อง เอ่ยชื่อเลย  
อย่าดังเดี๋ยวเค้านึกว่าเรียกเค้า  บ้าปะเนี้ย ทำได้ไม๊ ทำทุกวัน 
สร้างเป้าหมาย อยากแต่งงาน อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง หรือสร้างอะไรเพื่อครอบครัว  ย้ำกับตัวเองทุกวัน 
ไม่เป็นไรถ้ามันยังไม่สำเร็จ ยาก เจออุปสรรค ตั้งเป้าไว้ ยังไม่ได้ ยังไม่ถึง ก็เพิ่มเวลาเข้าไป  
ท้ายที่สุดเราก็จะไปถึงอะไรบ้างอย่าง ไม่ได้ 100 ได้ 90 , 80 , 70  คุณจะต่างออกไปจากคนอื่น ๆ ที่ 10 เปลี่ยน 20 ท้อ 50 ยอม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น