วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เลือกเลนส์อย่างไรให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง

โดย เจ้าของร้าน
เมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา

สวัสดีสมาชิก website และ Fanpage ร้านกระเป๋ากล้องคุณภาพดี BagLens.com ทุกท่านนะครับ หลังจากห่างหายไม่ได้ update บทความมาร่วมๆ 2 เดือน วันนี้เราเลยมีเนื้อหาเกร็ดความรู้ดีๆ มาฝากกันอีกแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ นั่นก็คือ อุปกรณ์ชิ้นหลักๆ ที่จะทำให้ภาพของเราออกมามีมุมมองเป็นแบบไหน และภาพที่ออกสวยๆ ไม่สวย นั่นก็คือ เลนส์นั่นเอง
เลนส์ถือเป็นอุปกรณ์หลักชิ้นแรก ที่รับภาพที่เกิดจากแสงที่ตกกระทบวัตถุแล้วหักเหเข้ามาหากล้อง ก่อนตกกระทบกับเซนเซอร์รับภาพ ทำให้เกิดภาพที่เราต้องการ(ยังไม่ขอพูดเรื่องแสงนะครับครั้งนี้ 55) เห็นมั๊ยครับ นับว่ามีควาามสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว นั่นก็คือ เลนส์ (Lens) เวลาเราจะหาเลนส์ซักตัว เราก็มักจะเห็นตัวเลขเยอะแยะมากมายปรากฏอยู่บนเลนส์ทุกตัว แต่ตัวเลขหลักๆ ที่เราใช้ประกอบการลือกซื้อมีเลขแค่ 2 ชุดเท่านั้น นั่นก็คือ เลขทางยาวโฟกัส (Focal Length) และตัวเลขค่ารูรับแสง (F-stop) 
1. Focal length ค่าทางยาวของโฟกัส จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ นั่นก็คือ Wind angle / normal / tale
focal lengthcredit ภาพ : sigma-imaging-uk.com
จากภาพตัวอย่างข้างต้น จะเห็นอยู่ 2 ตัว นั่นก็คือหน่วยที่เป็น mm. และ หน่วยที่เป็นองศา หน่วย mm. นั้นจะบอกความยาวของโฟกัสครับ ซึ่งจะแสดงตัวเลขไว้บนหน้าเลนส์ทุกตัว เช่น 10-20mm 70-200mm เป็นต้น ส่วนหน่วยที่เป็นองศาจะเป็นตัวเลขตัวอย่างที่แสดงให้เห็นองศาของการรับภาพได้ (ไม่ค่อยจะระบุไว้บนตัวเลนส์ คือแทบไม่มีเลย อิอิ) หรือคิดง่ายๆมุมมองภาพจากหน้าเลนส์นั่นเองครับ เริ่มจาก 8mm จะเห็นว่ากล้องสามาถบันทึกภาพได้กว้างถึง 180ํ เลยทีเดียว ยิ่งระยะทางยาวของโฟกัสมากเท่าไหร่ มุมมองก็จะยิ่งแคบขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นระยะของวัตถุได้ไกลขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
2. ค่ารูรับแสง (F-stop) ภาษาทางการเรียก Aperture แต่ส่วนใหญ่บ้านๆ รวมทั้งผมเองเรียก F-stop แปลง่ายๆ ตรงๆ เลยแล้วกัน เป็นค่าที่บ่งบอกถึงการควบคุมความกว้างของรูรับแสงให้ผ่านเข้ามาก่อนที่จะไปตกกระทบกับเซนเซอร์รับภาพนั่นเอง ยิ่งรูรับแสงเปิดกว้างเท่าไหร่ภาพก็จะสว่าง รูแคบแสงเข้าน้อยภาพก็จะมืด อ้าวแล้วแบบนี้มันดีไงหละ อ๊ะๆๆ เจ้าค่านี้แหละ ผลของมันยังสามารถกำกับ​ "ระยะช่วงชัด" ของภาพได้อีกด้วยนะ ที่หลายคนเรียกชัดตื้น ชัดลึกว่ากันไปครับ
ค่า f-stop
จากภาพจะเห็นว่า ค่า F-stop น้อย รูรับแสงก็จะเปิดกว้าง การเห็นของภาพก็จะมีช่วงชัดตื้นมาก นั่นหมายความว่า เราจะเห็นภาพวัตถุที่เราต้องการถ่ายหรือโฟกัส จะมีความชัดมากกว่าฉากหลังหรือวัดถุที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งจะดูเบลอๆ หรือแสงไฟที่เห็นไกลๆ ก็จะมีลักษณะเป็นโบเก้ วิ๊งๆ เลย 555 แบบนี้เรียกว่า "ชัดตื้น" 
ส่วนยิ่งค่า F-stop มาก รูรับแสงจะเปิดได้แคบ แสงผ่านได้น้อย นั่นหมายถึง แม้วัตุที่อยู่ไกลจากจุดโฟกัส หรือลึกลงไปด้านหลังวัตถุที่ต้องการโฟกัส แต่ไม่มาก การแสดงผลของวัตถุนั้นก็จะมีความชัด พอๆ กับจุดโฟกัสนั่นเอง แบบนี้เราจึงเรียกว่า "ชัดลึก"
สรุปจำไว้ให้แม่นครับ ค่า F-stop ยิ่งน้อยรูรับแสงจะกว้าง ความสว่างภาพจะมาก ระยะความชัดของภาพจะตื้น หลังจะเบลอ ถ้าค่า F-stop ยิ่งมาก รูรับแสงจะแคบ ความสว่างของภาพก็จะน้อย ระยะความชัดภาพก็จะเห็นเท่ากันเกือบทั้งภาพ ระยะความชัดภาพจะลึก แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอีกหลายส่วนครับ เพื่อปรับมิติของภาพในแต่ละภาพ เพราะภาพบางภาพจุดเดียวกัน การถ่ายภาพออกมาสีสัน มิติก็ยังแตกต่างกันได้ครับผม ทีนี้ทุกท่านคงพอมองออกแล้วใช่มั๊ยครับว่าเราจะเลือกใช้ช่วงเลนส์ที่มีทางยาวขนาดไหน แล้วชอบถ่ายภาพไสตล์ไหน ก็เลือกหาเลนส์กันได้ตามความชอบใจเลยครับ หวังว่าคงจะมีประโยชน์สำหรับมือใหม่ มือเก่า และถือว่าเป็นการทบทวนความรู้เก่าแล้วกันนะครับผม  "ขอพลังแห่งการถ่ายภาพสวยๆ จงอยู่กับท่าน" บ๊ายบายยยยย.....
อ้อ...เกือบลืมมีกล้องมีเลนส์ก็ต้องมีกระเป๋ากล้องนะครับ นึกถึงกระเป๋ากล้องคุณภาพดี นึกถึง BagLens.com


Share :  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น