วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อุตสาหกรรมแห่งอนาคต

กสอ.เผย 5 อุตสาหกรรมทำเงินแห่งอนาคต ได้แก่ พลังงานสะอาด สุขภาพ ไบโอพลาสติก อากาศยาน และสร้างสรรค์ เร่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์แพทย์ของไทย ระบุมีศักยภาพโอกาสตลาดเปิด ฝันขึ้นแท่นศูนย์กลางอาเซียน
นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า ทิศทางอุตสาหกรรมไทยในอนาคตจะเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมี มูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ จะหันไปลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับชีวิต และสุขภาพของมนุษย์เพิ่มขึ้น 

สำหรับ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ต้องเร่งเพิ่มศักยภาพ ลดการพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างประเทศ สามารถก้าวสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้อย่างมั่นคง 

ทั้ง นี้ 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่น่าจับตามอง ในระยะเวลา 10 ปีจากนี้ ซึ่ง กสอ. พยายามผลักดันให้มีสัดส่วนมากยิ่งขึ้น ได้แก่1. อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด 2. อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 3. อุตสาหกรรมไบโอพลาสติก 4. อุตสาหกรรมอากาศยาน และ 5. อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 

ทั้ง นี้ อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งมีความสำคัญของประเทศไทย โดยในปี 2557 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุกว่า 10 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 14.9 ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละกว่า 5 แสนคน ซึ่งคาดว่าภายใน 5 ปี ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (ข้อมูล: สำนักงานสถิติแห่งชาติ) ส่งผลให้เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์มีความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ประเทศไทยมีขีดความสามารถทางการแข่งขันอยู่ในอันดับที่ 30 ของโลก และอยู่ในอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ เพราะอุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ ทางการแพทย์ของไทยมีทิศทางและการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวเพิ่มทุกปีเฉลี่ยปีละ 6.51 ขณะที่ในปี 2557 มีการส่งออกรวมกว่า 9.34 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ถึงร้อยละ 14.04 โดยกลุ่มน้ำยาและชุดวินิจฉัยโรคมีการส่งออกเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 19.52 รองลงมาคือครุภัณฑ์และวัสดุสิ้นเปลือง คิดเป็นร้อยละ 18.21 และ13.41 ตามลำดับ (ข้อมูล: Global trade atlas รวบรวมโดย สถาบันพลาสติก)

ขณะที่การนำเข้าผลิตภัณฑ์วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ลดลงร้อยละ 3.35 เมื่อเทียบกับปี 2556 มีมูลค่านำเข้า 5.03 หมื่นล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าส่วนใหญ่คือวัสดุสิ้นเปลืองฯ และครุภัณฑ์ฯ นางสาวนิสากร กล่าว

ทั้ง นี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการส่งออกเพิ่มขึ้น และลดการนำเข้าจึงมีความจำเป็นการผลักดันให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในไทยกว่า 500 ราย (ข้อมูล: กรกฎาคม 2558, กองควบคุมเครื่องมือแพทย์) โดยปี 2558 นี้ กสอ. นำร่องพัฒนาอุตสาหกรรมอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อผลักดันสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน (Medical Hub of ASEAN) ตามยุทธศาสตร์ของประเทศ ผ่านโครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคต ในด้าน ๆ ได้แก่ การพัฒนาสถานประกอบการและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตแก่ บุคลากรในภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนพัฒนา สถานประกอบการด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักรและผลิตภัณฑ์
ด้าน นายจารุเดช คุณะดิลก กรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม.อี. เมดิเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งเป็น หลัก กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ กับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อาทิ โครงการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน (MDICP) กิจกรรมสร้างและพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือ และอุปกรณ์การแพทย์ (Cluster) กิจกรรมสังคมผู้ประกอบการการผลิตได้ผล คนเป็นสุข รุ่นที่ 1-2 กิจกรรม ASEAN CEO Network Enhancing Project ครั้งที่ 2 กิจกรรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs สู่ตลาดอินโดนีเซีย กิจกรรมเพิ่มศักยภาพ SMEs ไทยในการเจรจาธุรกิจระหว่างประเทศ รุ่นที่ 3/57 กิจกรรมเชื่อมโยงธุรกิจ SMEs และสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ โครงการเพิ่มศักยภาพการวางแผนภาษี สำหรับผู้ประกอบการ SMEs รุ่นที่ 3/56 เป็นต้น นายจารุเดช กล่าว

นายจารุเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า น่าเสียดายว่าในอุตสาหกรรมกลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในไทยนั้น ในแง่ของวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และบรรจุภัณฑ์บางชนิด ยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าอยู่ เนื่องจากไทยยังขาดแคลนบุคลากรในสายงานเทคนิคการแพทย์และวัสดุศาสตร์เฉพาะ ทาง ไทยจึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาด้วยการสร้างคนตั้งแต่วัยเรียน ตลอดจนเรื่องการขาดศูนย์ทดสอบกลางที่ได้มาตรฐานเพราะเครื่องมือแพทย์ต้องมี การทดสอบต่างๆ ที่ได้มาตรฐานซึ่งหากไทยสามารถมีห้องทดสอบกลางที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีมาตรฐาน เดียวกันได้ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้สินค้าในประเทศ สามารถตอบสนองการบริการทางการแพทย์ของแต่ละโรงพยาบาลได้อย่างทั่วถึง ก็จะส่งผลให้ผู้เข้ามารับบริการในประเทศไทยมั่นใจในประสิทธิภาพการแพทย์ของ ไทยได้สู่การเป็น Medical Hub of ASEAN ได้ในไม่ช้า

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

6 วิธีลงทุนแบบ “จับเสือมือเปล่า”


ใครหลายคนคงคิดที่จะหาช่องทางการลงทุนว่า เราจะลงทุนอะไรดีให้ได้ผลตอบแทนสูงโดยใช้เงินลงทุนให้ต่ำที่สุด แต่สุดท้ายแล้วยังไม่มีเงินทุนเพียงพออยู่ดี หรืออาจจะมีทุนเยอะพอแต่อยากได้ผลตอบแทนสูง ไม่อยากเสี่ยงอะไรมากมายนัก  ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ คือ วิธีทำเงินแบบ “จับเสือมือเปล่า” ไม่ใช่หมายความว่า ให้เราไปจับเสือด้วยมือเปล่านะ แต่เป็นการลงทุนที่เราไม่ต้องใช้เงินต่างหาก ส่วน “จับเสือมือเปล่า” ก็แตกต่างกับ “เสือนอนกิน” เช่นกัน “เสือนอนกิน” คือไม่ต้องทำอะไรเลย ขอแค่มีทุน ก็จะมีกระแสเงินสดไหลเข้ามาให้ใช้ทุกเดือน (Passive) แต่ “จับเสือมือเปล่า” จะหมายถึง เราต้องทำอะไรบางอย่าง (Action) ถึงจะได้เงินสดเข้ามาซักก้อนหนึ่ง โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลยแต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น ไอเดีย “จับเสือมือเปล่า”  มีอะไรบ้างไปดูกันได้เลย 

1.นายหน้า (Agent) นายหน้าอสังหาริมทรัพย์เป็นอาชีพที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายให้เกิดการซื้อขายขึ้นแล้วกินค่าธรรมเนียมหรือค่านายหน้า (Commission) ยิ่งเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ถ้าเป็นโครงการใหญ่ๆ แล้วสามารถขายได้จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่นายหน้าผู้นั้นได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว นายหน้าบางคนประกาศขายบวกราคาเพิ่มเองจากเจ้าของทำได้กำไรแบบไม่ต้องออกแรงอะไรมากเลย ธุรกิจนายหน้าจึงเป็นธุรกิจที่หลายๆคนให้ความสนใจและมีแนวโน้มทำกันมากขึ้น ยิ่งเป็นคนที่นำเสนอเก่ง ชักจูงคนเก่ง ขายของเก่งยิ่งได้เปรียบ แต่นายหน้าจะมีต้นทุนเล็กๆน้อยๆในการติดต่อเพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตกลงซื้อขายกันได้สำเร็จเท่านั้น
 อ่านบทความเพิ่มเติม : 9 เคล็ดลับ นายหน้าอสังหาฯ รวยทางลัด อย่างไร

2.ขายสินค้าจากสินค้าร้านคนอื่น  ปัจจุบันมีช่องทางเทคนิคการค้ารูปแบบหนึ่งที่อาศัยช่องทาง Internet ในการซื้อขายจากการกินส่วนต่างจากการซื้อมาขายไป โดยเจ้าของไม่ต้องใช้ทุนอะไรเลย ตัวอย่างเช่น “มีผู้เล่น 3 คน คือ ก.(คนซื้อ) ข.(คนกลาง) ค.(คนขาย) โดย ค. ขายสินค้า A ราคา 150 บาท แล้ว ข. เห็นว่าสินค้าชิ้นนี้น่าสนใจน่าจะขายได้จึงตั้งหน้าร้านทาง Internet ว่าขายสินค้า A ในราคา 200 บาท ต่อมาผู้ซื้อ ก สนใจสินค้าจากการดูผ่านหน้าร้านของ ข. ใน Internet  จึงติดต่อขอซื้อสินค้า A กับนาย ข  นาย ข. ได้กำไรชิ้นละ 50 บาท โดยที่ไม่ได้มีสินค้า A อยู่ในมือเลย หลังจากตกลงซื้อขายเสร็จ นาย ข. สั่งซื้อของจาก นาย ค. ให้ส่งไปที่บ้านนาย ก. โดยไม่ต้องผ่าน นาย ข.” จะเห็นว่านาย ข. เป็นคนจับเสือมือเปล่า ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ลงทุนแค่เวลาในการเจรจาซื้อขายเท่านั้น นี่ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง Note : คล่องแคล่ว ติดกระแส Online 24 ชม.


3.ที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consultant) การที่จะเป็นที่ปรึกษาให้กับใครนั้นจำเป็นต้องมีความรู้ มีประสบการณ์คลุกคลีอยู่กับธุรกิจประเภทนั้นจนเกิดความเชี่ยวชาญ เข้าใจอย่างถ่องแท้และมีชื่อเสียงในวงการจนเป็นที่ยอมรับ การเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่บุคคลทั่วไปจะทำได้ 
Note : ต้องรู้ลึก รู้จริง แบบสัญชาตญาณหยังรู้ จึงสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

4.ปล่อยเช่าคอนโด สำหรับในกรณีที่สามารถกู้ซื้อได้ 100% เท่านั้นการปล่อยเช่าคอนโดโดยไม่ใช้เงินตัวเองและคอนโดห้องที่เราซื้อมาสามารถสร้างรายได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ เช่น สมมุติค่าเช่าห้องตกเดือนละ 20,000 บาท แต่ต้องผ่อนชำระกับธนาคารเดือนละ 16,000 บาท ต่อเดือน ทำให้ได้รายได้สุทธิแบบคร่าวๆประมาณ 4,000 บาท เป็นต้น ซึ่งการจะหาอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่าค่าใช้จ่ายก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนเช่นกัน 
Note : ฉกฉวยช่วงธุรกิจขาขึ้น ดอกเบี้ย 0%, กู้ 100%, Promotion Free ค่าธรรมเนียม, Fully-furnished


5.ตัวแทนธุรกิจเครือข่าย หรือตัวแทนธุรกิจประกันชีวิต เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ไม่ต้องสต๊อกของเอาไว้ มีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ ขายบริการ ทำให้เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำในช่วงทำงาน 
Note : รักการบริการ หมั่นเพิ่มพูนความรู้ด้านการบริหารการเงิน

6.ขายไอเดียให้นายทุน อาทิธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องอาศัยการลงทุนค่อนข้างเยอะ บางครั้งเราอาจจะลงทุนไม่ไหวแต่พอมีไอเดียที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้นได้ เราสามารถนำมันสมองของเราขายไอเดียให้กับนายทุนที่มีเงินทุนพร้อมที่จะลงทุนถ้าหากได้รับผลตอบแทนที่ดีคุ้มค่า มีเหตุผลที่ดีให้น่าลงทุนด้วย วิธีนี้เป็นแนวทางที่บางกลุ่มใช้แล้วประสบความสำเร็จ
Note : กล้าที่จะคิดต่าง กล้าทำ และขยันที่จะนำเสนอ หาช่องทางใกล้ชิดกับนายทุน


TerraBKK ได้รวบรวมช่องทางการลงทุนแบบ “จับเสือมือเปล่า” มาประมาณ 6 ช่องทาง ซึ่งแต่ละช่องทางก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป และยังมีรูปแบบการลงทุนอีกหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับไอเดีย และประสบการณ์ชีวิตของแต่ละบุคคล “อย่าคิดว่าทำไม่ได้ แต่ให้คิดว่าจะทำมันอย่างไร”


อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : TerraBKK.com - http://terrabkk.com/?p=26744

คำคม พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก