วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

12 เรื่องที่เราเรียนรู้จากมหาเศรษฐีพันล้าน Warren Buffet

เรารู้จักชายแก่ หน้าตาใจดี มหาเศรษฐีติดอันดับโลกคนนี้ วอเรน บัฟเฟต์ ในฐานะเจ้าของกิจการ, คนใจบุญ, เศรษฐีพันล้าน และนักลงทุนชั้นเซียน ซึ่งปัจจุบันนี้วอเรน บัฟเฟต์อยู่ในอันดับต้นๆของคนที่รวยที่สุดในโลกซึ่งปีนี้อยู่อันดับ 4 เรามารู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม และมาเรียนรู้ด้วยกันว่าอะไรทำให้เขาร่ำรวยและมีชีวิตแบบในปัจจุบัน



วอเรน บัฟเฟต์เริ่มต้นการลงทุนตั้งแต่อายุแค่ 11 และเมื่อเขาอายุ 13 เขาเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเอง ซึ่งก็คือการขายเนื้อหาเทคนิคการแข่งม้า ในทุกวันนี้บัฟเฟต์คือประธานและ CEO ของบริษัท Berkshire Hathaway ซึ่งคือบริษัทข้ามชาติที่มีมูลค่าธุรกิจสูงถึง $162 พันล้านเหรียญในปี 2012 แต่สิ่งที่ยิ่งน่ายกย่องในตัวเขานอกจากความร่ำรวยแล้ว คือความดีในตัวเขา เขาเป็นคนที่มีจริยธรรมและมีศีลธรรมสูงสุดคนหนึ่ง เขาชอบทำบุญทำกุศล และด้วยความที่เป็นคนใจบุญอย่างแท้จริง เราปฏิญาณตนว่าจะมอบรายได้ $58.5 พันล้านเหรียญให้แก่การกุศล

ตลอดเวลาทั้งชีวิตของเขา วอเรน บัฟเฟต์ได้แบ่งปันทัศนคติและแรงบันดาลใจมากมายให้แก่ผู้คนทั่วโลก ซึ่งในวันนี้เรามี 12 สิ่งที่เราควรเรียนรู้จากมหาเศรษฐีอย่างวอเรน บัฟเฟต์มาให้อ่านกัน เผื่อว่าใครกำลังต้องการกำลังใจและแนวคิดที่เพื่อการเงินและความสำเร็จ เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

12 เรื่องที่เราเรียนรู้จากมหาเศรษฐีพันล้าน Warren Buffet

1. ให้คุณค่าชื่อเสียงและเกียรติยศของคุณ
“เราใช้เวลา 20 ปีในการสร้างชื่อเสียงเกียรติยศ แต่เราสามารถทำลายมันทั้งหมดได้เพียงแค่ 5 นาที ถ้าคุณระลึกถึงมัน คุณจะทำสิ่งที่แตกต่างออกไป”
ถ้าเราคิดดูดีๆ มันก็เป็นเรื่องจริงของสังคมเรา เพราะบัฟเฟต์แนะนำเสมอว่าเราควรสร้างคุณค่าให้แก่ตัวเราเองและบริษัทของเรามากที่สุด และกว่าจะสร้างชื่อเสียงและเกียรติให้แก่สิ่งที่เรามีได้ มันอาศัยเวลาที่ยาวนาน ดังนั้น ก่อนที่เราจะทำอะไร ควรคิดให้ดีๆก่อน ถ้าเรามีสติ คิดตรึกตรองความจริงในข้อนี้ให้ดีๆ เราจะทำสิ่งที่แตกต่างออกไป เราจะไม่ทำสิ่งที่เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบแต่สามารถทำลายทุกอย่างที่เรามีได้ในชั่วพริบตา

2. ทำงานเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น
“คนบางคนได้นั่งอยู่ใต้ร่มเงาในวันนี้ก็เพราะเคยมีคนปลูกต้นไม้ต้นนี้เมื่อนานมาแล้ว”
ถ้าเราอยากมีอนาคตที่ดี เราจึงควรเริ่มเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่วันนี้ เพราะสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในวันนี้คือผลลัพธ์ของการกระทำในครั้งก่อน ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี สิ่งที่เราทำในอดีตก็คือผลในปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าตอนนี้เรายอมทำอะไรบางอย่างที่อาจจะเหนื่อยสักหน่อยเพื่ออนาคต มันก็คงดีกว่าการที่ไม่ทำอะไรในวันนี้แล้วไปลำบากวันข้างหน้า

3. เพิ่มเติมคุณค่า
“สิ่งที่จ่ายไปคือราคา แต่สิ่งที่ได้มาคือคุณค่าของมัน”
เวลาเราซื้ออะไร มันเพราะเราเล็งเห็นคุณค่าของสิ่งๆนั้นใช่หรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือบริการก็ตาม นี่คือแนวคิดที่นำมาปรับใช้กับสินค้าหรือบริการของเราได้เช่นกัน เพราะคนอื่นจะมองเห็นคุณค่าของสินค้าและบริการของเรามากแค่ไหน ย่อมขึ้นอยู่กับว่าเราให้คุณค่าสินค้าและบริการของเราเพียงพอหรือยัง

4. เลือกคบเพื่อนให้ดี
“มันดีกว่าที่เราจะคลุกคลีกับคนที่ดีกว่าเรา เลือกคบกลุ่มเพื่อนที่นิสัยที่ดีกว่าเรา และเราจะถูกนำพาไปในทางเดียวกัน”
ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ เราควรคบหาสมาคมกับคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะคนเรามีแนวโน้มที่จะมีลักษณะนิสัยเหมือนคนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด มีคนกล่าวว่า “เรามักจะมีค่าเฉลี่ยเท่ากับคนที่เราสนิทด้วยที่สุด 5 คน” ถ้าลองพิจารณาดีๆ นี่คือความจริงของมนุษย์เรา ดังนั้น บัฟเฟต์จึงแนะนำให้เราเลือกคบคนที่เราอยากเป็น คนที่ประสบความสำเร็จกว่า คนที่มีนิสัยบางอย่างที่ดีกว่าเรา ฯลฯ เพราะคนเหล่านี้จะมีแนวโน้มที่จะพัฒนาตัวเราด้วย

5. ความอดทนคือกุญแจสำคัญ
“ไม่ว่าเราจะเก่งหรือขยันแค่ไหน บางสิ่งบางอย่างก็ต้องใช้เวลา เราไม่สามารถทำให้เด็กคลอดออกมาอย่างปกติได้ภายใน 1 เดือนโดยการทำให้ผู้หญิง 9 คนท้องแทน”
นอกจากความสามารถของเรา หรือความมุมานะและความพยายาม การทำบางสิ่งบางอย่างมันยังต้องอาศัยเวลาที่เหมาะสมด้วย ดังนั้นนอกจากความขยันและความสามารถของเรา อีกสิ่งที่ต้องมีคือ “ความอดทนรอคอย”

6. กล้าเสี่ยง (หลังจากวิเคราะห์ดีแล้ว)
“ความเสี่ยงมาจากการที่เราไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรอยู่”
แน่นอนว่าธุรกิจมีความเสี่ยง แต่บัฟเฟต์เชื่อว่าจะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยขึ้นอยู่กับว่าเราคำนวณและวิเคราะห์สิ่งที่เราจะทำดีพอหรือยัง ดังนั้น มันจึงดีกว่าที่เราจะคิด พิจารณา วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจเผชิญความเสี่ยงไป แทนที่จะกลัวและไม่กล้าเสี่ยงทำอะไร หรือว่าทำลงไปทั้งๆที่ไม่คิดก่อนทำ

7. ทำสิ่งที่รัก
“มันจะมีช่วงเวลาที่เราควรทำสิ่งที่เราต้องการ ทำงานที่เรารัก ที่มันทำให้เรารีบกระโดดออกจากเตียงในตอนเช้า เพราะผมคิดว่าคุณต้องบ้าแน่ๆถ้าคุณต้องทนทำงานที่ไม่ชอบ เพื่อแค่ให้มันดูดีในเรซูเม่ นั่นมันไม่ใช่การเก็บ Sex เอาไว้สำหรับยามแก่หรอกหรือ?”
สรุปง่ายๆ ก็คือ ทำสิ่งที่คุณรัก เพราะคนส่วนมากกำลังทำลายชีวิตของตัวเองโดยการเลือกทำตามสิ่งที่คนอื่นต้องการ เราควรทำตามสิ่งที่หัวใจต้องการ ทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองถนัดหรือหลงใหล ซึ่งสิ่งนั้นแหละที่เราทุกคนควรทำ เพราะถ้าเราเปลี่ยนนำเอางานอดิเรกของเรามาเป็นงานประจำ มันจะไม่มีวันที่เราจะรู้สึกเกลียดหรือเบื่อหน่ายกับงานอีกเลย และนั่นก็คือประตูแรกของคำว่า “ความสำเร็จ”

8. รู้จักคู่แข่งของเรา
“ในโลกของธุรกิจ กระจกมองหลังชัดกว่ากระจกหน้ารถเสมอ”
ในความคิดของบัฟเฟต์ รู้จักคู่แข่งของเราดีกว่ารู้จักตัวเราเอง เพราะเราจำเป็นต้องติดตามคู่แข่งของเราเสมอว่าเขาจะไปทางไหน จะทำอะไร นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักทราบดีว่าคู่แข่งของเราทำได้ดีแค่ไหนในอดีต และสามารถประเมินได้ว่าพวกเขาจะไปทางไหนและจะทำได้ดีอีกแค่ไหนในอนาคต สรุปก็คือ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง นั่นเอง

9. เดินทีละก้าว
“ผมไม่ได้มองหาว่าจะกระโดดไปข้างหน้าทีละ 7 ฟุตได้อย่างไร แต่ผมมองไปรอบๆว่ามีบาร์ 1 ฟุตที่สามารถจะข้ามไปได้หรือไม่”
บัฟเฟต์ไม่เชื่อในเรื่องการประสบความสำเร็จเพียงขั่วข้ามคืน แต่เขาเชื่อว่าเราควรเดินทีละก้าว แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ เพื่อค่อยๆเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น เพราะก้าวเล็กๆนี่แหละที่แม้จะเล็ก แต่ก็ยั่งยืนมากกว่าการที่ก้าวกระโดดไกล แต่ถ้าพลาดก็อาจจะไปต่อไม่ได้อีกเลย บัฟเฟต์แนะนำว่าเราควรทำอะไรที่ละอย่าง หรือก้าวทีละก้าว แต่เป็นก้าวที่มั่นคง

10. เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ
“ข้อแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ คือ คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆรู้จักการปฏิเสธ”
เราควรเลือกการลงทุนแต่ละอย่างด้วยความระมัดระวัง และรู้จักการพูดปฏิเสธเสียงรอบข้างหรือคำแนะนำต่างๆรอบตัวเรา เพราะสุดท้ายแล้ว การตัดสินใจทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเราฝ่ายเดียว การฟังคนอื่นหรือแม้แต่เสียงในหัวมากไปจะทำให้เราเกิดความลังเลสงสัยและตัดสินใจผิดพลาดได้ จงเรียนรู้ที่จะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเสียบ้าง

11. ความซื่อสัตย์หาได้ยาก
“ความซื่อสัตย์เป็นของขวัญราคาแพง อย่าคาดหวังว่าจะได้มันจากคนราคาถูก”
คนราคาถูกไม่ได้หมายถึงคนยากจน แต่ในที่นี้หมายถึงคนที่ไม่จริงใจ ที่เราพบเจอได้ทั่วไปในสังคมเรา โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจ ดังนั้น อย่าคาดหวังว่าทุกคนจะตรงไปตรงมากับเรา ให้เลือกคบหาคนที่จริงใจ ซื่อสัตย์และพูดความจริงกับเราดีกว่า เพราะความจริงใจหาได้ยาก ถ้าเราเจอแล้ว ก็อย่าทำให้ตัวเองเสียคนพวกนี้ไป

12. หัดที่จะควบคุม
“เราต้องควบคุมเวลาและสิ่งที่เรามี เราไม่สามารถให้คนอื่นกำหนดชีวิตของเราได้”
อย่าลืมว่าชีวิตเป็นของเรา เราคือเสาหลักของชีวิตเราเอง ดังนั้นเราจึงไม่ควรให้คนอื่นคุมบังเยิ้มยนชีวิตของเรา สิ่งที่สำคัญมากคือการมีอำนาจควบคุมทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเราเอง อย่าปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปกับกระแสน้ำ โดยเฉพาะ “เวลา” เพราะสิ่งที่ทุกคนมีเท่าเทียมกันคือ “เวลา” มันคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่เราควรใช้อย่างชาญฉลาด

ที่มา pocketidea.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น