วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แนวคิดดัน "บุรีรัมย์" สู่เวทีอินเตอร์ โมเดลที่จีนยังต้องสน

updated: 16 พ.ย. 2558 เวลา 11:20:01 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2558 "ประชาชาติธุรกิจ" จัดงานสัมมนา "บุรีรัมย์ Next Step เดสติเนชั่น ประเทศไทย" ณ ห้องวีไอพี สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์


นพดล ไพฑูรย์

นายนพดล ไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวเปิดงานว่า บุรีรัมย์ตระหนักดีว่าการเจริญเติบโตของจังหวัดในระยะ 5 ปี ฉุดกระชากเศรษฐกิจบุรีรัมย์ให้เติบโตซึ่งเอกชนได้เป็นผลพวงหลัก กลายเป็นโมเดลให้จังหวัดต่างๆ และให้เอกชนได้เรียนรู้ว่า ลำพังอาศัยจังหวัดหรือภาคราชการ ซึ่งเม็ดเงินน้อยนิด อาจไม่พอ แต่ภาคเอกชนที่เป็นแหล่งทุนขนาดใหญ่ของประเทศได้สามารถทำให้เศรษฐกิจดีได้

"สำหรับบุรีรัมย์ ผมอยากฉายภาพให้เห็นว่าสิ่งที่ภาครัฐทำบ้างมีอะไร เพื่อที่จะให้นักลงทุนในพื้นที่และจังหวัดข้างเคียงได้เตรียมการ พิ้นฐานของบุรีรัมย์ 95% เป็นภาคเกษตร มีผลิตภัณฑ์เกษตรเป็นข้าวหอมมะลิ มันสำปะหลัง อ้อย และยางพารา เราอยู่ในระดับที่ต้นๆ ที่ประชาชนมีรายได้เกิดจากภาคเกษตร ฉะนั้น การวางแนวทางพัฒนาภาคราชการ คงจะไม่ทิ้ง 95% ของจังหวัด แต่เราพยายามจะผูกภาคเกษตรให้เข้ากับเดสทิเนชั่น ออฟ สปีด และจุดหมายทางการกีฬาให้ได้ ซึ่งเป็นหน้าที่หน่วยงานภาคเกษตร"


"ภาพแรกที่จะทำเป็นความพยายามที่จะเปิดเมือง เส้นทางที่เชื่อม กทม. เราจะผลักดันถนนสี่เลนเพื่อประโยชน์โลจิสติก จะเห็นว่าเส้นทางหลักเกือบ 100% แล้ว นอกจากนี้ เรายังมีสนามบิน มีข้อได้เปรียบตรงนี้ เราพยายามจะผลักดันให้เกิดสนามบินนานาชาติ ศุลกากร คาดจะเห็นผลเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ จะสร้างแนววงแหวนการเดินทางของคนในเส้นทางใหม่ การเปิดด่านถาวร สายตะกูที่บุรีรัมย์ ลองนึกภาพ จากเมืองไปบ้านกรวด สาตะกู 60 กม. จากด่านชายแดนไปเสียมเรียบ นครวัด ใช้ระยะทางไม่ถึง 200 กม. เส้นนี้จะเป็นเส้นทางใหม่ของนักท่องเที่ยวปลายปีนี้น่าจะเปิดจุดผ่านแดนปลายปีนี้"
นายนพดลกล่าว

รองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ กล่าวอีกว่า ในช่วงปลายเดือนนี้ ประเทศจีนได้เชิญจังหวัดให้ไปกล่าวสุนทรพจน์เรื่องสปอร์ตซิตี้ของบุรีรัมย์ที่หนานหนิง ในงานสัมมนาเรื่องกีฬา ความสัมพันธ์อาเซียน

"นี่ตอบโจทย์ชัดว่า จากเดิมที่ไม่มีใครรู้จักเรา วันนี้จีนบนเวทีโลกเป็นพี่ใหญ่ยังนึกถึงเรา ซึ่งจะเดินทางไปกับนายกเทศมนตรีเมือง จะพูดเรื่องสนามมาตรฐาน อีเวนท์ งานในทุกสัปดาห์ตลอดหนึ่งปี หาเมืองไหนไม่ได้ในเอเชียที่มีอีเวนท์ใหญ่ทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ จะเล่าว่ากลุ่มเราเตรียมความพร้อมอย่างไรให้เขามาหาเรา อนาคตรถไฟความเร็วสูงจากหนองคายไปกรุงเทพ ทำยังไงเราจะได้ส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวจีนมาแวะที่เราซัก 2% เมืองเราเปลี่ยนแน่ นี่คือที่คาดหวัง"


จากนั้น นายสรกล อดุลยานนท์ นักเขียน และผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจ (เอบีซี) และ นายธนา เธียรอัจฉริยะ นักการตลาดอิสระ และผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจ ได้กล่าวบนเวทีเสวนาหัวข้อ "คิดให้ไกล ไปให้หลุดกรอบ"


สรกล อดุลยานนท์ (ซ้าย) นายธนา เธียรอัจฉริยะ (ขวา)


นายสรกล กล่าวว่า อยากประสบความสำเร็จต้องคิดนอกกรอบ ต้องมีส่วนผสมของความคิดสร้างสรรค์ หลายคนคิดว่าคนที่สำเร็จได้ เพราะเป็นคนมีไอเดีย ต้องฉลาด จริงๆ หากมองอีกมุม มันเกิดขึ้นเพราะความไม่มียกตัวอย่างบุรีรัมย์ เนวินพูดว่า พระเจ้าไม่ให้ภูเขา หรือทะเลกับพวกเขา แต่เรามีสมอง พอไม่มีเลยต้องคิดหนัก

ความสำเร็จเกิดจาก "ความไม่รู้" รู้มากก็คิดมาก รู้เยอะจึงไม่กล้า เพราะกลัวไม่พร้อม กลัวที่จะเจ๊ง ความสำเร็จจริงๆ ต้องทดลองทำเสมอ ทางสายใหม่สามารถเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้ เวลาทำธุรกิจ อย่าคิดว่าต้องรู้ครบ 100% ลองเสี่ยงบ้างก็ได้ และเต็มที่กับมัน ความล้มเหลวจะเกิดขึ้นยากมาก

นายธนา เธียรอัจฉริยะ นักการตลาดอิสระ/ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจ(เอบีซี)  กล่าวว่า บุรีรัมย์เกิดได้จากความไม่มี ความไม่รู้คือความมีเสน่ห์

“ความคิดสร้างสรรค์ เกิดจากความไม่รู้  มันทำให้เรากล้าทำ และทำอะไรต้องมีสตอรี่  บุรีรัมย์เริ่มมีแล้ว เป็นความสนุก เกิดความคิดสร้างสรรค์  ใช้ไอเดียให้เต็มที่ แล้วค่อยมาคัดกรองความเป็นไปได้  ผมเป็นคนโคราช เป็นคนอีสาน เราเข้าใจว่าเราถูกมองว่าเป็นอย่างไร  ผมว่าวันนี้บุรีรัมย์ไม่ได้ลงเล่นแค่อยากเสมอ เราต้องชนะให้ได้ คนไทยต้องไม่แพ้ชาติใดในโลก นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ" ธนากล่าว