tag:blogger.com,1999:blog-437690630437100372024-03-08T13:15:10.253-08:00นายสิ้นคิดAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.comBlogger1033125tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-4053610086688778402016-10-31T10:31:00.001-07:002016-10-31T10:31:58.939-07:00กฎแห่งแรงดึงดูด” (Law of Attraction)<span style="-webkit-text-size-adjust: auto; background-color: rgba(255, 255, 255, 0);">“กฎแห่งแรงดึงดูด” (Law of Attraction) <br><br><br><img src="http://www.bloggang.com/data/d/dcaregroup/picture/1291355667.jpg" style="margin: 0px; padding: 0px; border: 0px; outline: 0px; vertical-align: baseline; width: 374px; height: auto;"><br><br><br>ศาสตร์ทางจิตวิทยา ที่อยู่คู่กับมวลมนุษย์มากว่า 1,000 ปีแล้ว ว่าง่ายๆ “กฎแห่งแรงดึงดูด” นี้ มันก็คือกฎแห่งธรรมชาติ หรือกฎแห่งจักรวาล ซึ่งอยู่คู่โลกและอยู่คู่กับมวลมนุษยชาติมานับเป็นพันๆ ปี หรือนับตั้งแต่มีมนุษย์เกิดขึ้นมาบนโลกแล้วก็ว่าได้ ถ้าโลกนี้ หรือจักรวาลนี้มีกฎว่าด้วยแรงโน้มถ่วง (LAW OF GRAVITY) กฎแห่งแรงดึงดูดนี้ก็เป็นกฎที่เป็นจริงอย่างนั้นเหมือนกัน และถ้าโลกนี้ หรือจักรวาลนี้มีกฎว่าด้วยกฎแห่งกรรม หรือกฎแห่งการกระทำ หรือที่พระท่านบอกว่า “อิทัปปัจยตา” แล้ว กฎแห่งแรงดึงดูดนี้ ก็เป็นจริงอย่างนั้นด้วยเช่นเดียวกัน<br><br>เราอาจอธิบาย “กฎแห่งแรงดึงดูด” อย่างง่ายๆ ได้ว่า คนเราคิดอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น อะไรที่เราคิดถึงอยู่ตลอดเวลามันจะเป็นจริงได้ในที่สุด ความคิดของคนเรามักดึงดูดสิ่งที่เราคิดอยู่ตลอดเวลา แม้สิ่งนั้นเราจะไม่ต้องการก็ตาม แต่ถ้าเราคิดถึงมันอยู่ตลอด มันก็จะมาปรากฏแก่เราในที่สุด ดังคำโบราณของไทยที่ว่า “เกลียด และกลัวสิ่งไหน ก็มักจะเจอสิ่งนั้น!” ก็เพราะเรามักจะคิดแต่สิ่งที่เราเกลียดและที่เรากลัวอยู่ตลอดเวลา เราจึงมักต้องเจอกับสิ่งนั้นในที่สุด กูรูและผู้รู้หลายท่านจึงมักพร่ำสอนเรามาตลอดว่า ให้คิดถึงแต่สิ่งที่ต้องการ อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่ต้องการ ให้คิดแต่ในสิ่งที่อยากได้ อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่อยากได้ ให้คิดแต่ในสิ่งที่ชอบ อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่ชอบ ให้คิดแต่ในสิ่งที่ทำให้มีความสุข อย่าไปคิดในสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ ฯลฯ<br><br><img src="http://www.bloggang.com/data/d/dcaregroup/picture/1291356039.jpg" style="margin: 0px; padding: 0px; border: 0px; outline: 0px; vertical-align: baseline; width: 374px; height: auto;"><br><br>BRIAN TRACY นักพูดระดับยักษ์ใหญ่ชาวอเมริกัน สรุปความหมายของกฎแห่งแรงดึงดูดนี้ได้ดี โดยเขากล่าวว่า “บทสรุปที่ยิ่งใหญ่ของทุกศาสนา ทุกปรัชญา อภิปรัชญา จิตวิทยา และความสำเร็จ ก็คือ : คุณจะเป็นอย่างที่คุณคิดเกือบตลอดเวลา โลกภายนอกของคุณคือภาพสะท้อนโลกภายในของคุณ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่คุณคิด ทุกอย่างที่คุณคิดจะโผล่ออกมาในความเป็นจริงของคุณอย่างต่อเนื่อง” (จากหนังสือของเขาที่ชื่อว่า GOALS! : HOW TO GET EVERYTHING YOU WANT FASTER THAN YOU EVER THOUGH POSSIBLE ,2003. ในชื่อภาษาไทยว่า “เป้าหมาย ! : วิธีได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ เร็วกว่าที่คุณคิดว่าจะเป็นไปได้” แปลโดย วรรธนา วงษ์ฉัตร,2546,หน้า 8) <br><br>จริงๆ แล้ว กฎแห่งแรงดึงดูดนี้สามารถอธิบายให้ละเอียดพิสดาร มากมายมหาศาลมโหฬารมหันต์ลึก ในแง่ของหลักการและกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ ว่าด้วยกลศาสตร์และฟิสิคส์ ในระดับควอนตั้ม (เล็กกว่าอะตอม) ได้เลยทีเดียว <br>หลักการวิทยาศาสตร์แนวใหม่นี้ สิ่งที่เหมือนกันจะดึงดูดกัน ตัวอย่างเช่น ของแข็ง ประกอบด้วย มวลสารเล็กๆมารวมตัวกัน และเช่นเดียวกันคลื่นความคิดหรือสิ่งที่มองไม่เห็นก็สามารถก่อรูปเป็นจิตนาการ ภาพ ได้ และเช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่มันมีปรากฏแก่เราทุกวันนี้ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยทั้งสิ้น และที่มันมีปรากฏขึ้นได้ก็ด้วยการก่อรูป ก่อร่างจากการคิดของมวลมนุษย์เองทั้งสิ้น! <br><br>รูปแบบและเนื้อหาที่หลากหลายแตกต่างกัน เป็นเวลานับพันปีแล้ว หากจะยึดว่าในรอบหนึ่งศตวรรษ หรือในรอบร้อยปีที่ผ่านมา มีใครและหรือหนังสือเล่มใดได้นำเรื่องกฎแห่งแรงดึงดูดนี้มานำเสนอ หรือมากล่าวไว้เป็นเรื่องเป็นราวเป็นการเฉพาะเจาะจงบ้างแล้วละก็ ก็อาจสามารถเรียงลำดับของหนังสือดังกล่าวตามปีค.ศ.ที่หนังสือนั้นได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกได้ดังนี้ :- (โดยยึดถือจากหนังสือที่ผมมีอยู่ และมีการแปลเป็นภาษาไทยแล้ว ในวงเล็บคือชื่อหนังสือในภาคภาษาไทย) <br><br>1.THE SCIENCE OF GETTING RICH (ศาสตร์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย),1910, โดย WALLACE D.WATTLES <br>นี่คือหนังสือที่ทำให้เกิดหนังสือ THE SECRET (2006) ขึ้นมา นับช่วงเวลาที่ห่างกันถึงเกือบหนึ่งร้อยปีเลยทีเดียว อาจถือได้ว่า THE SCIENCE OF GETTING RICH เป็นเสมือนหนังสือหลัก หนังสือต้นแบบให้คนอื่นๆ นำไปเขียนขยายผล อ้างอิง ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกนับเป็นร้อยคน หรือร้อยเล่มเลยทีเดียว <br><br>2.THINK AND GROW RICH (คิดแล้วรวย),1937, โดย NAPOLEON HILL (ก่อนหน้านั้น เขาได้เขียน “LAW OF SUCCESS : ศาสตร์แห่งความสำเร็จ” ซึ่งในทัศนะของผมอาจถือได้ว่าเป็นงานในระดับ MASTERPIECE ของเขาเลยทีเดียว) <br>NAPOLEON HILL กล่าวย้ำอยู่ตลอดเวลาในหนังสือของเขาทุกเล่มว่า “อะไรก็ตามที่มนุษย์เชื่อและศรัทธา มันจะสามารถเป็นจริงได้ในที่สุด!” <br><br>3.THE POWER OF POSITIVE THINKING (พลังแห่งการคิดบวก),1952,โดย NORMAN VINCENT PEARL <br>ในความเข้าใจของผม NORMAN VINCENT PEARL ผู้นี้นี่แหละที่เป็นคนแรกๆที่กล่าวถ้อยคำอมตะที่ว่า “ถ้าเราเปลี่ยนความคิด ชีวิตเราก็จะเปลี่ยน” และ “เปลี่ยนความคิดของคุณก่อน แล้วคุณจะเปลี่ยนโลกทั้งโลกได้” <br><br>4.THE DYNAMIC LAWS OF PROSPERITY (พลังแห่งการสวดอ้อนวอน),1962, โดย CATHERINE PONDER (แต่หนังสือที่ขายดีของเธอน่าจะคือ PRAY AND GROW RICH,1986) <br>คนที่มีจิตใจคับแคบอาจไม่ชอบหนังสือของเธอผู้นี้ เพราะค่อนข้างเน้นไปในเรื่องความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า ในคริสต์ศาสนา <br><br>5.THE POWER OF SUBCONSCIOUS MIND (พลังจิตใต้สำนึก),1963, โดย JOSEPH MURPHY (นอกจากนี้เขายังเขียนหนังสือที่เกี่ยวกับกฎแห่งแรงดึงดูดไว้อย่างเต็มๆ อีกสองเล่มคือ “THE COSMIC POWER WITHIN YOU : พลังจักรวาลในตัวท่าน” และ “THE AMAZING LAWS OF COSMIC MIND POWER : จิตมหาสมบัติ พิชิตทุกอย่างที่ขวางหน้า”) <br><br>6.CREATIVE VISUALIZATION (จิตนาการสร้างสรรค์),1978, โดย SHAKTI GAWAIN <br>ต้องกล่าวว่าหนังสือเล่มนี้นี่ไม่ธรรมดา เพราะสามารถขายไปได้ถึง 6 ล้านเล่ม ในเวลาไม่นานหลังจากวางจำหน่าย ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลกไปถึง 35 ภาษา <br>ใครก็ตามที่ต้องการความกระจ่างที่ลึกซึ้งและมากขึ้น ในเรื่องกฎแห่งแรงดึงดูด ต้องอ่านเล่มนี้<br><br>7.UNLIMITED POWER (พลังไร้ขีดจำกัด),1986, โดย ANTHONY ROBBINS (รวมทั้ง AWAKEN THE GIANT WITHIN : ปลุกยักษ์ใหญ่ในตัวคุณ,1991) <br>ANTHONY ROBBINS เป็นนักพูดปลุกใจที่ดังที่สุดของอเมริกา มีคนไทยหลายคนไปเข้าหลักสูตรของเขาแล้ว <br><br>8.UNIVERSAL LAW OF SUCCESS AND ACHIEVEMENT,1991,โดย BRIAN TRACY (รวมทั้ง MAXIMUM ACHIEVEMENT : ศาสตร์แห่งความสำเร็จสูงสุด,1993) <br>ความจริงแล้ว BRIAN TRACY เขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม และทุกเล่มล้วนพูดถึงกฎแห่งแรงดึงดูดด้วยโดยตลอด แต่สำหรับสองเล่มที่จั่วหัวไว้ในข้อนี้ คือเล่มที่อาจถือได้ว่าเป็นแนวคิดหลักของเขามากที่สุด และมีผู้เขียนคนอื่นๆ อ้างอิงถึงไว้มากที่สุดกว่าเล่มใด หนังสือเล่มอื่นๆ ของเขาก็เสมือนเป็นการแตกหน่อ ต่อยอด ขยายผล ไปอธิบายในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะ <br>BRIAN TRACY เป็นนักพูดชื่อดังของอเมริกาเช่นเดียวกัน <br><br>9.THE SEVEN SPIRITUAL LAWS OF SUCCESS (7 กฎ ด้านจิตวิญญาณเพื่อความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม),1994, โดย DEEPAK CHOPRA (รวมทั้ง “THE SPONTANEOUS FULLFILMENT OF DESIRE : โชค ดวง ความบังเอิญ คุณกำหนดได้,2003) <br>DEEPAK CHOPRA เป็นกูรูด้านจิตวิญญาณที่ดังมากในอเมริกา ถึงขนาดที่ JACK TROUT กูรูระดับโลกด้านกลยุทธ์ธุรกิจและการตลาด เคยเหน็บแนม CHOPRA ว่าเป็นหนึ่งในแก๊งค์ 3 คน ของอเมริกา ที่ร่ำรวยกับการหากินกับความโง่และความอ่อนแอของผู้คน (JACK TROUT เขาว่านะ) อันประกอบด้วย ANTHONY ROBBINS ที่ผมเพิ่งกล่าวถึงไปเมื่อสักครู่ , อีกคนคือ STEPHEN R.COVEY (ผู้เขียนหนังสือขายดีที่ชื่อว่า THE 7 HABITS OF HIGHLY EFFECTIVE PEOPLE) แล้วก็ DEEPAK CHOPRA โดย JACK TROUT กล่าวประชดประชันว่า “มีคนหัวอ่อนเกิดเพิ่มขึ้นทุกวัน และมีคนอยู่สามคนที่จะขายของให้เขา!” ซึ่งไม่แน่ใจว่าพวกเขากำลังอิจฉาอยู่หรือเปล่า<br><br>10.CREATING MONEY (ชีวิตที่งดงามบนความเปลี่ยนแปลง),ประมาณปี 2000-2001, โดย SANAYA ROMAN & DUANE PACKER <br><br>11.EXCUSE ME, YOUR LIFE IS WAITING (พลังแห่งความรู้สึก),2003, โดย LYNN GRABHORN <br><br>12.THE POWER OF INTENTION : LEARNING TO CO-CREATE YOUR WORLD (พลังแห่งความตั้งใจจริง), 2004, โดย WAYNE W.DYER <br><br>13.THE ATTRACTOR FACTOR : 5 EASY STEPS FOR CREATING WEALTH (OR ANYTHINGS ELSE) FROM INSIDE OUT (มนุษย์แม่เหล็ก) , 2005, โดย JOE VITALE <br>หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่คุณบัณฑิต อึ้งรังษี แนะนำไว้ในหนังสือเล่มล่าสุดของเขาว่าเป็นหนังสือที่น่าอ่านมาก ในเรื่องเกี่ยวกับกฎแห่งแรงดึงดูด <br><br>14.LAW OF ATTRACTION : THE SCIENCE OF ATTRACTING MORE OF WHAT YOU WANT AND LESS OF WHAT YOU DON’T (ดึงดูด : เวทย์มนตร์ยุคใหม่แห่งความสำเร็จ),2005, โดย MICHAEL J.LOSIER <br><br>15.FEEL IT REAL! : THE MAGICAL POWER OF EMOTIONS (พลังวิเศษแห่งอารมณ์),2005, โดย DENISE COATES และสุดท้าย.. <br><br>16.THE SECRET ,2006, โดย RHONDA BYRNE <br><br>ในส่วนของคนไทยนั้น ก็เห็นจะมีคุณบัณฑิต อึ้งรังษี ที่พูดถึงกฎแห่งแรงดึงดูดไว้เป็นน้ำเป็นเนื้อมากที่สุด โดยหนังสือทั้งสองเล่มของเขา ก็คือ :- <br><br>- CONDUCT YOUR DREAM (ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้),2006, และ <br>- THE LUCKIEST MAN IN THE WORLD (30 วิธี เอาชนะโชคชะตา),2007. <br><br>ในเล่มแรก เขาได้พูดถึงกฎแห่งแรงดึงดูดนี้ไว้เพียงเล็กน้อย โดยเขาได้เล่าให้ฟังเพียงว่าเขาใช้กฎนี้อย่างไรในการหาคู่ครอง และในที่สุดเขาก็ได้คู่ชีวิตจริงๆ ที่เพียบพร้อมทุกอย่าง สมตามความปรารถนาที่เขาได้ตั้งใจไว้ และดึงดูดเข้ามาสู่ชีวิตของเขา! <br>ส่วนในเล่มที่สอง เขาได้กล่าวถึงกฎนี้อย่างเต็มๆ โดยเขายืนยันว่า “กฎที่สำคัญที่สุดแห่งโชคลาภ” นั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 กฎ ซึ่งเขาเรียกว่า “กฎพ่อ” และ “กฎแม่” กฎพ่อนั้นคือ “THE LAW OF CAUSE & EFFECT” ส่วนกฎแม่นั้นก็คือ “THE LAW OF ATTRACTION” ที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี่เอง <br><br>ยังมีอีกเล่มหนึ่ง เป็นเล่มบางๆ หนาเพียง 60 กว่าหน้า ชื่อว่า “LAW OF ATTRACTION” (เขาตั้งชื่อภาษาไทยว่า “พลังเนรมิต”),2007, เขียนโดยคุณวิศิษฐ์ ศรีพิบูลย์ <br><br>ที่ได้กล่าวเป็นลำดับมาเกี่ยวกับนักคิด นักเขียน และหนังสือที่ว่าด้วยเรื่อง “กฎแห่งแรงดึงดูด” นี้ ก็เพื่อจะบอกว่า ในโลกนี้นั้นไม่มีอะไรที่เรียกว่าใหม่หรอก ทุกอย่างมันมีอยู่และดำรงอยู่แล้วทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่าใคร ไปค้นพบ แล้วนำเสนอมันออกมาในรูปแบบและวิธีการใด แม้เรื่องที่มีการค้นพบแล้ว ก็ยังสามารถนำมาเล่นแร่แปรธาตุ พัฒนา ปรับปรุง มานำเสนอในแง่มุมต่างๆ ให้ดูเป็นเรื่องใหม่ได้ตลอดเวลา อย่างที่ราล์ฟ วอลโด อีเมอร์สัน ปราชญ์ชาวอเมริกันได้เคยกล่าวไว้นั่นแหละครับว่า “สังคมมักจะประหลาดใจกับตัวอย่างใหม่ๆ ของสามัญสำนึกกันอยู่เสมอ” และถ้าผมจำไม่ผิด กาลิเลโอเองก็เคยกล่าวเอาไว้เหมือนกันว่า “เราไม่สามารถสอนใครในสิ่งที่เขาไม่รู้ได้หรอก เราทำได้ก็แค่เพียงทำให้เขาสำนึกในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วเท่านั้น!” <br><br>“กฎแห่งแรงดึงดูด” นี่ก็เหมือนกัน มันมีอยู่มานานแล้วในโลกและจักรวาลนี้ มันมีอยู่แล้วตั้งแต่ต้นในตัวคนทุกคน นับแต่เกิดมาบนโลก เพียงแต่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามีมันอยู่ แม้ถึงรู้ก็ไม่ได้ตระหนักสำนึกในความสำคัญของมัน แม้มีบ้างบางคนที่อาจตระหนักสำนึกแล้ว แต่ก็ไม่ได้เชื่อและศรัทธามากพอที่จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎแห่งจักรวาลนี้ </span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-76797147734481963642016-10-12T09:49:00.001-07:002016-10-12T09:49:46.917-07:00หนังสือแนะนำเพื่อความสำเร็จ<div>Richard St. John เป็นวิศวกร ออกแบบรถยนต์ แต่ใช้ความรู้ทางด้าน factor analysis เดินทางสัมภาษณ์ผู้ประสบความสำเร็จในอเมริกา 500 คน ใช้เวลา 10 ปี จนได้หนังสืออมตะ ชื่อ "8 to be Great" ขึ้นมา ว่าคนสำเร็จ จะมี 8 ปัจจัยนี้ เหมือนกัน</div><div><br></div><div>ดังนั้น หนังสือที่แนะนำ จะใช้ แนวคิด 8 to be Great ของ Richard St. John เป็นตัวยืน บางเล่มมีแปลไทย บางเล่มก็ไม่มีแปลไทยนะ</div><div><br></div><div>คนที่ประสบความสำเร็จ จะมี 8 factor เหมือนกันดังนี้</div><div><br></div><div>1. Passion - หาสิ่งที่รักที่จะทำ ให้ได้ก่อน >> หนังสือแนะนำเพิ่มเติม คือ The 7 Spiritual Laws of Success ของ Deepak Chopra</div><div><br></div><div>2. Working Hard - ทำงานที่เรารักให้หนัก แต่เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ >> หนังสือแนะนำเพิ่มเติมคือ Outliers ของ Malcolm Gladwell</div><div><br></div><div>3. Focus - โฟกัสทำสิ่งนี้ให้ดีที่สุด อยู่กับปัจจุบัน >> หนังสือแนะนำเพิ่มเติมคือ The Power of Now: A Guide to Spiritual Enlightenment ของ Eckhart Tolle</div><div><br></div><div>4. Push - เอาตัวเองออกจาก Comfort Zone + หา connection ดี ๆ >> หนังสือแนะนำเพิ่มเติมคือ 1.Train Your Brain For Success ของ Roger Seip 2.How to Win Friends and Influence People ของ Dale Carnegie</div><div><br></div><div>5. Idea - ไอเดียจะเริ่มเกิด ถ้า 1-4 มาถูกทาง สุดยอดไอเดียจะมาตอนที่เราสงบ >> หนังสือแนะนำเพิ่มเติมคือ The 7 Spiritual Laws of Success ของ Deepak Chopra (หัวข้อ The law of pure potentiality, meditation) </div><div><br></div><div>6. Improving - ปรับปรุงให้ทันยุคเสมอ >> หนังสือแนะนำเพิ่มเติมคือ 1. The World Is Flat ของ Thomas L. Friedman 2.The Lean Startup ของ Eric Ries</div><div><br></div><div>7. Serve - แบ่งปัน(แบบฉลาดและมี impact) เพื่อได้รับกลับมามากขึ้น >> หนังสือยังไม่มี แต่มี Article แนะนำ (โหลดฟรี) ชื่อ "A Blank Check Waiting for You!" ของ Gardner Hunting</div><div><br></div><div>8. Persist - ไม่สนใจต่ออุปสรรค >> หนังสือแนะนำเพิ่มเติมคือ Change Your Thoughts - Change Your Life: Living the Wisdom of the Tao ของ Dr. Wayne W. Dyer</div><div><br></div><div>(พอดีมีนักศึกษามช. วิชา 011269 e-mail มาถาม เรื่องหนังสือ ที่จะให้อ่านเพิ่ม ไหน ๆ ก็ email มาแล้ว เลยโพสต์แชร์ในเฟสด้วยเลยละกัน อันนี้ไม่ออกสอบ final แต่ออกสอบไปตลอดชีวิต)</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-1761540739025248442016-03-17T02:59:00.001-07:002016-03-17T02:59:35.315-07:00จากมะพร้าวธรรมดาๆ สู่การรังสรรค์จนได้เป็นมะพร้าวเปิดฝา สร้างรายได้มหาศาล<img alt="" class="ienolimitimage" src="http://smartsme.tv/uploads/marticle/picture/18770-5962.jpg" id="dominantimage" style="display: block; margin-left: auto; margin-right: auto; max-height: calc(3515px);" /><br />
<div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="author">
http://www.smartsme.tv/knowledge-detail.php?sid=2&gid=34&id=18770</div>
<div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="metaData">
<a href="http://smartsme.tv/knowledge-detail.php?sid=2&gid=34&id=18770" id="source" title="source">SmartSME TV</a> <span id="metaDivider">|</span> <span class="__reading__mode__extracted__date" id="publishdate"></span> </div>
<div class="__reading__mode__mainbody" id="__reading__mode__mainbody__id">
<div id="htmlNonSecureZone">
<!-- Do not remove, see CFeedViewer::_IsElementInHTMLSecureZone --> <br />
<div class="__reading__mode__extracted__article__body" id="content">
17 พฤศจิกายน 2558 : น. เวลา 18:04 น. | <span class="text-right">(27056 view)</span><br />
<br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: none;">
<img src="http://www.smartsme.tv/uploads/filecenter/images/capture-20151117-175808.png" style="display: none;" /></div>
COCO Easy หรือที่รู้จักกันในนาม มะพร้าวมีฝา ธุรกิจที่ถูกสรรสร้างจากไอเดียที่แปลกใหม่ โดยการนำเอานวัตถกรรมเข้ามาใช้ในการผลิต ทำให้ตัวมะพร้าวมีมูลค่ามากขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในการรับประทานอีกด้วย แถมธุรกิจนี้ยังสร้างรายได้ให้กับเจ้าของได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว<br />
<br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: none;">
<img src="http://www.smartsme.tv/uploads/filecenter/images/capture-20151117-175723.png" style="display: none;" /></div>
ธุรกิจ COCO Easy บริหารงานโดยคุณบรรพต เคลียพวงทิพย์ ผู้คิดค้นมะพร้าวเปิดฝา แต่กว่าที่จะมาเป็นผลิตภัณฑ์ดีๆให้ผู้บริโภคได้รับประทานกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเลย โดยจุดเริ่มต้นมาจากส่วนตัวแล้วคุณบรรพตทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง และหลังจากเลิกงานจะชอบหาซื้อน้ำมะพร้าวดื่มเพราะรู้สึกสดชื้นเมื่อได้ทาน แต่แล้ววันนึงก็มีความคิดที่อยากเฉาะมะพร้าวกินเองให้ได้อย่างที่ซื้อ แต่ด้วยที่บ้านไม่มีมีดสำหรับเฉาะมะพร้าวจึงได้นำมะพร้าวไปทุบเข้ากับกำแพง แต่ผลที่ได้คือ มะพร้าวแตกเป็นเสี่ยงและทานไม่ได้ ทันใดนั้นเองภาพของมะพร้าวที่มีฝาก็เข้ามาในความคิดของคุณบรรพตจนกระทั่งเป็นไอเดียมะพร้าวมีฝาที่เราเห็นกันในปัจจุบัน<br />
<br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 756px;">
<img class="iewidthlimitimage" src="http://www.smartsme.tv/uploads/filecenter/images/capture-20151117-175945.png" style="display: block; max-height: calc(1513px);" /></div>
อุปสรรคของการทำธุรกิจนี้นอกจากจะเป็นในเรื่องของการหานวัตถกรรมมาเพื่อรองรับการผลิตแล้วยังเป็นเรื่องของผลผลิตที่บางฤดูกาลไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งบางฤดูกาลชาวสวนก็มีผลผลิตมะพร้าวมามากเกินความต้องการ แต่ในบางฤดูผลผลิตที่ได้กลับน้อยไม่พอต่อความต้องการ ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาของคุณบรรพตคือ การรับซื้อผลผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชาวสวนมีความไว้วางใจและขายมะพร้าวให้กับคุณบรรพต แถมการแก้ไขปัญหาวิธีนี้ยังเป็นการสร้างอาชีพและกระจายรายได้แก่ชาวสวนอีกด้วย<br />
<br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: none;">
<img src="http://www.smartsme.tv/uploads/filecenter/images/capture-20151117-175908.png" style="display: none;" /></div>
โดยในปัจจุบัน COCO Easy ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งจัดจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ แต่ทว่าการทำธุรกิจนี้ก็ถือได้ว่ามีความเสี่ยงในเรื่องของแหล่งผลผลิตที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งทางคุณบรรพตได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังคิดที่จะเริ่มทำธุรกิจว่า เมื่อคิดที่จะทำธุรกิจแล้วก็ควรที่จะลงมือทำเพื่อร่นระยะเวลาที่จะเสียไปอย่างเปล่าประโยชน๋ เพียงแค่คุณศึกษาและลงมือทำทุกวันก็ถือว่าเป็นการลงมือทำที่ยอดเยี่ยมแล้ว เพราะการเริ่มต้นทำธุรกิจจากศูนย์ไปจนถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นต้องอาศัยการก้าว ไม่ว่าจะก้าวมากก้าวน้อย แต่แค่คุณก้าวไปข้างหน้าทุกวันก็จะทำให้คุณประสบความสำเร็จแล้ว<br />
<br />
สำหรับใครที่สนใจสามารถติดตามมุมมองความคิดจากผู้บริหาร COCO Easy กับแนวคิดดีๆในการทำธุรกิจเพิ่มเติมได้ในรายการ Smart Focus ออกอากาศวันที่ 14 พฤศจิกายน 2558 คลิกเลย >> <a href="http://smartsme.tv/vod_detail.php?gid=19&id=4267">http://smartsme.tv/vod_detail.php?<br />
gid=19&id=4267</a><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
<iframe frameborder="1" height="380" src="http://www.dcs-digital.com/peoplemedia/playodm.php?id=6537" width="630"></iframe><br /></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-29068159903679566222016-03-17T02:56:00.000-07:002016-03-17T02:56:42.224-07:00เมื่อมหาเศรษฐีออกโรงเตือนเพื่อน ให้ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ ไม่งั้นอาจไม่เหลือที่ยืน !!<div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="author">
thailandinvestmentforum</div>
<div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="metaData">
<a href="http://thailandinvestmentforum.com/2015/04/22/pitchfork/" id="source" title="source">Thailand Investment Forum</a> <span id="metaDivider" style="display: inline;">|</span> <span class="__reading__mode__extracted__date" id="publishdate">22 April 2015</span> </div>
<div class="__reading__mode__mainbody" id="__reading__mode__mainbody__id">
<div id="htmlNonSecureZone">
<!-- Do not remove, see CFeedViewer::_IsElementInHTMLSecureZone --> <div class="__reading__mode__extracted__article__body" id="content">
(ถ้าเครื่องใครโหลด Sub Thai ไม่ขึ้น กดเข้าไปดูได้ที่ <a href="http://www.ted.com/talks/nick_hanauer_beware_fellow_plutocrats_the_pitchforks_are_coming/transcript?language=th" target="_blank">TED</a> ครับ)<br />
นิค ฮานาวเออร์ (Nick Hanauer) เป็นนักลงทุนอภิมหาเศรษฐีของสหรัฐฯ เขาเป็น<span class="talk-transcript__fragment" id="t-35293">นักลงทุนนอกครอบครัวคนแรกใน <a class="skimlinks-unlinked" data-skim-creative="500005" data-skimwords-word="Amazon.com" href="http://amazon.com/" title="">Amazon.com</a></span> เขา<span class="talk-transcript__fragment" id="t-38888">ร่วมก่อตั้งบริษัทเอควอนทีฟ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-41609">ซึ่งขายให้ไมโครซอพท์ ไปในราคา 6.4 พันล้านเหรียญ</span> และเขา<span class="talk-transcript__fragment" id="t-45479">เป็นเจ้าของธนาคาร</span> และนิคกำลังเตือนเพื่อนอภิมหาเศรษฐีของเขาให้ฉุกคิดถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น จนสุดท้ายอาจจะทำให้พวกอภิมหาเศรษฐีอย่างเขาเองไม่มีที่ยืน และนี่คือส่วนหนึ่งจาก Clip<br />
“<span class="talk-transcript__fragment" id="t-67040">ผมมีชีวิตที่ท่านทั้งหลายส่วนใหญ่</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-69197">ไม่สามารถแม้แต่จะจิตนาการได้</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-71456">บ้านหลายหลัง เรือยอร์ช เครื่องบินส่วนตัว</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-74157">และอื่น ๆ อีกมากมาย</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-78284">แต่พูดกันตรง ๆ ผมไม่ได้เป็นคนฉลาดที่สุด ที่คุณเคยพบ</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-81546">ที่แน่ ๆ …</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-100124">แต่จริง ๆ แล้ว ผมก็เก่งมากในสองเรื่อง</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-104619">หนึ่ง ผมรับความเสี่ยงได้สูงเป็นพิเศษ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-109263">และอีกอย่างหนึ่ง คือผมรู้สึกได้ไว</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-111678">มีลางสังหรณ์ดี ต่อเรื่องที่จะเกิดในอนาคต</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-114303">และผมคิดว่าลางสังหรณ์เกี่ยวกับ เรื่องในอนาคตนั้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-117586">เป็นปัจจัยสำคัญของผู้ประกอบการที่ดี … </span><br />
<span class="talk-transcript__fragment" id="t-121156">แล้วผมเห็นอะไรในอนาคตของเราในวันนี้หรือ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-123674">คุณจะถามใช่ไหมครับ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-125676">ผมเห็นคราดของชาวไร่ชาวนา (Pitchfork)</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-127331">อย่างเช่นที่ฝูงชนคนซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยวเขาถือกัน</span><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: none;">
<img src="https://thailandinvestmentforum.files.wordpress.com/2015/04/pitchfork01.jpg?w=584" style="display: none;" /></div>
<span class="talk-transcript__fragment" id="t-132121">เพราะในขณะที่อภิมหาเศรษฐีอย่างพวกเรา</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-137335">กำลังใช้ชีวิตเกินกว่าความฝันของผู้คน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-140866">เพื่อนประชากรของเราอีก 99 เปอร์เซ็นต์</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-143779">กำลังถอยห่างไปอยู่ข้างหลัง และห่างไกลไปเรื่อย ๆ </span><br />
<span class="talk-transcript__fragment" id="t-143779"><span class="talk-transcript__fragment" id="t-180607">ปัญหานั้นไม่ใด้เกี่ยวกับว่า</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-182603">เรามีความไม่เท่าเทียมกันอยู่บ้างเล็กน้อย</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-184684">ความไม่เท่าเทียมกันบ้างเล็กน้อยนั้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-187136">เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุนนิยมประชาธิปไตยที่มีประสิทธิภาพสูง</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-190430">แต่ปัญหาคือ ความไม่เท่าเทียมกันนั้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-192140">กำลังอยู่ ณ จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-195502">และมันก็แย่ลงทุกวัน</span></span><br />
<span class="talk-transcript__fragment" id="t-221984">ผมจึงมีข้อความส่งถึงเพื่อนอภิมหาเศรษฐี</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-224538">และอภิมหึมามหาเศรษฐีทั้งหลาย</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-226360">และสำหรับใครก็ตามที่ใช้ชีวิต</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-227834">ในโลกฟองสบู่ที่มีรั้วล้อมรอบอยู่นั้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-230070">จงตื่นขึ้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-231421">ตื่นขึ้นเถิด สภาวะเช่นนี้มันอยู่ได้ไม่นาน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-235141">เพราะถ้าเราไม่ทำอะไรบางอย่าง เพื่อแก้ไข</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-237160">ความไม่เท่าเทียมที่เห็นชัดเจนในสังคมของเรา</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-241491">คราดนั้นก็จะหันมาหาเรา</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-244236">เพราะไม่มีสังคมเปิดแบบเสรีใด ๆ จะทนอยู่ได้นานกับ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-248184">ความไม่สมดุลย์ทางเศรษฐกิจ ที่พุ่งสูงแบบนี้ได้</span><br />
<span class="talk-transcript__fragment" id="t-303587">ต้นแบบสำหรับเรา คนรวย ควรเป็นเฮนรี ฟอร์ด</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-307457">เรารู้กันว่าฟอร์ดให้ค่าแรง 5 ดอลลาร์ ต่อวัน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-311270">ซึ่งเป็นสองเท่าของค่าแรงทั่วไปในเวลานั้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-314217">เขาไม่ได้เพียงเพิ่มผลผลิต</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-316287">ของโรงงานของเขา แต่เขาได้เปลี่ยน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-318256">คนงานผลิตรถยนต์ที่ถูกเอาเปรียบ ที่ยากจน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-321653">ให้กลายเป็นคนชั้นกลางที่มีกินมีใช้</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-324353">มีปัญญาซื้อผลิตภัณฑ์ ที่พวกเขาผลิตขึ้นเองได้</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-327570">ฟอร์ดหยั่งรู้สิ่งที่เราเพิ่งจะตระหนักว่ามันเป็นจริง</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-331860">ที่จะต้องมองเศรษฐกิจให้เป็นระบบนิเวศน์</span><br />
<span class="talk-transcript__fragment" id="t-535240">พวกเรา อภิมหาเศรษฐี จำเป็นต้องเอาวิถีเศรษฐกิจ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-537239">ที่ผลประโยชน์หลั่งไหลสู่คนหยิบมือนี้ ไปไว้ข้างหลัง</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-540378">ความคิดที่ว่า ยิ่งเราดีขึ้นมากเท่าใด</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-542284">คนอื่นก็จะดีขึ้นด้วยเช่นกันนั้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-544951">มันไม่เป็นความจริง มันจะเป็นไปได้อย่างไร</span> [นิคหมายถึงว่า ระบบเศรษฐกิจที่เชื่อว่าถ้าเจ้าของกิจการรวยสุด ๆ เงินทองก็จะค่อย ๆ ไหลรินลงมาสู่ผู้บริหาร สู่ลูกจ้าง สู่คนใช้แรงงาน นั้นมันไม่จริง] <span class="talk-transcript__fragment" id="t-548871">ผมหาเงินได้เป็นพันเท่าของค่าแรงโดยเฉลี่ย</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-552999">แต่ผมก็ไม่ได้ซื้อของ มากถึงพันเท่า</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-555924">ใช่ไหมครับ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-556988">จริง ๆ ผมซื้อกางเกงพวกนี้สองตัว</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-560176">ซึ่ง ไมค์ หุ้นส่วนของผม เรียกมันว่า</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-562110">กางเกงผู้จัดการ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-563625">ผมอาจจะซื้อกางเกง 2,000 ตัวก็ได้</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-566561">แต่ผมจะเอามันไปทำอะไรครับ (เสียงหัวเราะ)</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-569627">ผมจะตัดผมได้สักกี่ครั้งกัน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-572656">ผมจะไปทานอาหารเย็นนอกบ้าน ได้บ่อยแค่ไหนกัน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-576361">ไม่ว่าอภิมหาเศรษฐีซึ่งมีจำนวนน้อยจะรวยขนาดไหน </span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-580434">ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติไปได้มากกว่านี้</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-583978">คนชั้นกลางที่มีกินมีใช้เท่านั้นที่จะทำได้</span><br />
<span class="talk-transcript__fragment" id="t-603923">วันที่ 19 มิถุนายน 2013</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-607784">บลูมเบิร์ก เผยแพร่บทความที่ผมเขียน เรื่อง</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-611217">“กรณีนักทุนนิยมกับค่าแรงขั้นตํ่า 15 ดอลลาร์”</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-616150">หลาย ๆ คนที่นิตยสารฟอร์บ</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-619072">ในหมู่ผู้ที่นิยมชมชอบผมมากที่สุด เรียกมันว่า</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-621270">“ข้อเสนอที่ใกล้จะเพี้ยนของ นิก เฮนัวเออร์”</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-625990">แต่แล้ว แค่เพียง 350 วัน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-629219">หลังจากที่บทความถูกตีพิมพ์</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-631795">ผู้ว่าการเมืองซีแอทเทิล เอ็ด เมอร์เรย์ ก็ได้ลงนาม</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-634744">เพิ่มค่าแรงขั้นตํ่าในซีแอทเทิล</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-638510">เป็น 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-640198">ซึ่งสูงกว่าสองเท่า</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-641638">ของอัตราค่าแรงขั้นต่ำของประเทศที่ 7.25 ดอลลาร์</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-646330">สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-648110">คนที่มีเหตุผลอาจสงสัย</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-650195">มันเกิดขึ้นได้เพราะ กลุ่มคนของเรา</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-651863">ได้เตือนคนชั้นกลางว่า</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-653227">พวกเขาเป็นต้นกำเนิดของการเติบโต</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-654878">และความมั่งคั่งในเศรษฐกิจแบบทุนนิยม</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-658544">เราเตือนพวกเขาว่า เมื่อคนงานมีเงินมากขึ้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-662110">ธุรกิจก็จะมีลูกค้ามากขึ้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-663822">และจำเป็นต้องจ้างงานมากขึ้น</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-665804">เราได้เตือนพวกเขาว่า เมื่อธุรกิจ</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-668490">จ่ายค่าจ้างให้คนงานดำรงชีพได้อย่างเพียงพอ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-671210">ผู้เสียภาษีก็ไม่ต้องรับภาระ</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-673102">ในการอุดหนุนโครงการแก้ปัญหาความยากจน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-674812">เช่น การแจกอาหาร การช่วยเหลือทางการแพทย์</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-677714">และการสนับสนุนค่าเช่าบ้าน</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-679424">ซึ่งคนงานเหล่านั้นจำเป็นต้องได้รับ</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-681820">เราได้เตือนพวกเขาว่า คนงานที่ได้ค่าแรงตํ่า</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-684784">ก็จะจ่ายภาษีน้อย</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-687110">และเตือนว่า เมื่อคุณยกค่าแรงขั้นตํ่าขึ้นมา</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-689128">ทั่วทั้งองค์กรธุรกิจทั้งหมด</span> <span class="talk-transcript__fragment" id="t-691253">สุดท้ายธุรกิจเองก็จะได้กำไร</span><span class="talk-transcript__fragment" id="t-692920">และยังสามารถแข่งขันได้ … “</span><br />
คลิปนี้เริ่มแปลโดย <a href="http://www.ted.com/profiles/423754">yamela areesamarn</a> และแก้ไขตรวจทานโดย <a href="http://www.ted.com/profiles/2925977">Sakunphat Jirawuthitanant</a> … ชวนดูฉบับเต็มครับ<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
</div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-71666389189086236872016-03-17T02:55:00.002-07:002016-03-17T02:55:17.424-07:00ส่องบ้านหรู5,700ล้าน แพงที่สุดในสหรัฐ! (ชมคลิป).... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/world/news/401390<a href="http://www.posttoday.com/world/news/401390" id="source" title="source">http://www.posttoday.com</a> <span id="metaDivider">|</span> <span class="__reading__mode__extracted__date" id="publishdate"></span> <br />
<div class="__reading__mode__mainbody" id="__reading__mode__mainbody__id">
<div id="htmlNonSecureZone">
<!-- Do not remove, see CFeedViewer::_IsElementInHTMLSecureZone --> <div class="__reading__mode__extracted__article__body" id="content">
<div class="intro" itemprop="description">
ชมคลิปส่องบ้านหรูราคา5,700ล้านบาท แพงที่สุดในสหรัฐ! แรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซาย</div>
<br />
เว็บไซต์ข่าว'เดลิเมลล์'ได้เผยแพร่ภาพ Le Palais Royal คฤหาสน์หลังใหม่สไตล์คล้ายพระราชวังแวร์ซายในรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ ที่ขณะนี้ขึ้นชื่อว่ากลายเป็นบ้านที่แพงที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยราคากว่า 159 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 5,700 ล้านบาทเลยทีเดียว<br />
คฤหาสน์หลังนี้ถูกประกาศขายเมื่อช่วงเดือนกันยายนปี 2014 ด้วยราคา 139 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท ก่อนจะถูกเพิ่มราคาเป็น 159 ล้านดอลลาร์เหมือนเช่นตอนนี้<br />
บ้านหลังนี้มีขนาด 60,500 ตารางฟุตติดอยู่กับชายหาด โดยภายในบ้านมีห้องนอน 11 ห้อง, สระน้ำและระเบียงหรู, ที่จอดรถกว่า 30 คัน, ห้องเก็บไวน์กว่า 3,000 ขวด, ห้องชมภาพยนตร์ไอแมค 18 ที่นั่ง โดยพื้นที่หลายจุดมักจะมีทองคำเป็นส่วนประกอบด้วย<br />
ขณะที่ชั้นใต้ดินยังมีลานโบว์ลิ่ง ลานไอซ์สเก็ต สนามแข่งรถโกว์คาร์ท และลานเต้นไนท์คลับ<br />
คฤหาสน์หลังนี้มีนาย 'โรเบิร์ต เพอร์เรียรา' ผู้ก่อตั้งบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งซึ่งใฝ่ฝันจะได้อยู่ในคฤหาสน์ใหญ่ยักษ์มานานแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อสร้างเสร็จกลับตัดสินใจขายเสียอย่างนั้น<br />
ที่มา dailymail.<br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 740px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.posttoday.com/media/content/2015/11/24/5ADE25464890497AAE4D09800FE2F45B.jpg" style="display: block; max-height: calc(1938px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 740px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.posttoday.com/media/content/2015/11/24/44F5E53CF16B4FA9BD00A869ED2A87C0.jpg" style="display: block; max-height: calc(1938px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 740px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.posttoday.com/media/content/2015/11/24/BA68E4F160D14774BA642A4D0D2AB28B.jpg" style="display: block; max-height: calc(1938px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 740px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.posttoday.com/media/content/2015/11/24/79589DD463BE48C7AF41EF0791F264F8.jpg" style="display: block; max-height: calc(1938px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 740px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.posttoday.com/media/content/2015/11/24/BEAB7013D9D3424D98D460E0A665AE5D.jpg" style="display: block; max-height: calc(1938px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 740px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.posttoday.com/media/content/2015/11/24/D5C5D87C746E4AEE8B3B057BE3A4C3FD.jpg" style="display: block; max-height: calc(1938px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 740px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.posttoday.com/media/content/2015/11/24/FB98DEDCC71F40BF99286607D9AD748B.jpg" style="display: block; max-height: calc(1938px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 740px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.posttoday.com/media/content/2015/11/24/994556F259A845E29466E7684CD525C4.jpg" style="display: block; max-height: calc(1938px);" /></div>
</div>
</div>
</div>
<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike><br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-89995083132990030752016-03-17T02:54:00.000-07:002016-03-17T02:54:00.986-07:007 เกาะ Unseen เมืองไทย ที่คุณต้องไปก่อนตาย!! <div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="author">
Biz Dimension Co.,Ltd.</div>
<div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="metaData">
<a href="http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/000483/lang/th/" id="source" title="source">PaiNaiDii</a> <span id="metaDivider" style="display: inline;">|</span> <span class="__reading__mode__extracted__date" id="publishdate">25 มีนาคม 2556 | โดย Janio (1,090,327 เข้าชม)</span> </div>
<div class="__reading__mode__mainbody" id="__reading__mode__mainbody__id">
<div id="htmlNonSecureZone">
<!-- Do not remove, see CFeedViewer::_IsElementInHTMLSecureZone --> <div class="__reading__mode__extracted__article__body" id="content">
<div style="text-align: justify;">
<strong>“เกาะ”</strong> ในประเทศไทยกลายเป็น<strong>ที่เที่ยวติดอันดับต้นๆ ของโลก</strong>ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนอกจากเกาะชื่อดังที่หลายคนรู้จักและเคยไปเยือนนับครั้งไม่ถ้วนอย่าง เกาะเสม็ด เกาะล้าน เกาะสมุย ฯลฯ ในแดนสยามของเรายังมีเกาะน้ำทะเลใสสวยงามระดับ <strong>Unseen Thailand</strong> อยู่อีกหลายแห่ง ที่แนะนำว่าคุณ<strong>ต้องไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต</strong> เริ่มกันด้วย...</div>
<br />
<br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363664455_620585.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363664498_563859.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363664525_216371.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363664562_489274.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<br /><div style="text-align: justify;">
<strong>เกาะราชาหรือเกาะรายา</strong> เป็นหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดของ<strong>จังหวัดภูเก็ต</strong> มีความโดดเด่นอยู่ที่หาดทรายขาวสะอาดนุ่มเท้า ทั้งยังเป็นแหล่งปะการังอันสวยงาม จนสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามายลโฉมได้เป็นจำนวนมาก และเสน่ห์อีกอย่างคือบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหรือฮันนีมูน ซึ่งเกาะราชาจะแบ่งออกเป็น 2 เกาะคือ <strong>เกาะราชาใหญ่ และราชาน้อย</strong> โดย<strong>เกาะราชาใหญ่</strong>จะมี 5 อ่าวให้เที่ยวชมได้แก่ 1.อ่าวปะตก 2.อ่าวสยาม 3.อ่าวขอนแค 4. อ่าวทือ 5. อ่าวหลา และทั้ง 5 อ่าวสามารถเดินเชื่อมต่อถึงกันได้ ส่วน<strong>เกาะราชาน้อย</strong>จะมีเพียง 2 อ่าวคือ1. อ่าวพร้าว และ 2. อ่าวรังไก่ ที่แม้จะมีชายหาดไม่งดงามเท่า<strong>เกาะราชาใหญ่</strong> แต่ความสวยของโลกสีน้ำเงินใต้ท้องทะเลก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน<br /><br /><a href="http://www.painaidii.com//business/135559/racha-island-83130/lang/th/" target="_blank">~ คลิ๊กดูภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~</a></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363664589_562670.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363666144_573977.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363666165_582494.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363666202_662749.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div style="text-align: justify;">
<strong>“น้ำใสไหลเย็น เห็นตัวปลา”</strong> เป็นสิ่งที่นึกถึงแน่นอนเมื่อได้มาเยือน<strong>เกาะไข่ จังหวัดพังงา</strong> ซึ่งเป็นเกาะขนาดเล็กมีอยู่ด้วยกัน 3 เกาะคือ 1.เกาะไข่ใน 2.เกาะไข่นอก 3. ไข่นุ้ย (ปัจจุบันสามารถเที่ยวได้แค่เกาะไข่ในกับไข่นอก) จุดเด่นอยู่ที่<strong>โขดหินรูปร่างแปลกสวยงาม</strong> หาดทรายขาว-น้ำทะเลใส บริเวณรอบเกาะสามารถดำน้ำดูปะการังหลากชนิด <strong>มีปลาสวยงามแหวกว่ายให้เราสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด</strong>และภาพจำติดตาของใครหลายคนคือเตียงผ้าใบและร่มกันแดดหลากสีสันเรียงรายอยู่เต็มหาด โดย<strong>เกาะไข่นอก</strong>ประกอบด้วย 2 หมู่เกาะ ซึ่งมีลักษณะคล้ายไข่ดาวกลางทะเล <strong>มีหาดทรายขาวเหมาะแก่การนอนอาบแดด</strong>ลงเล่นน้ำและ<strong>ดูปะการัง</strong> ส่วนเกาะไข่ในก็มีความสวยงามเช่นเดียวกัน ทั้งความขาวของผืนทรายและฝูงปลาหลากสี แต่ที่เด่นกว่าคือจะมี<strong>หินรูปหัวช้างและรูปเต่า</strong> 3 ตัว<br /><br /><a href="http://www.painaidii.com//business/135554/koh-kai-island-83130/lang/th/" target="_blank">~ คลิ๊กดูภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~</a></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363666258_875573.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<br /><div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363666729_162740.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363666772_591218.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363666804_586100.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
เกาะสวยใกล้กรุงเทพฯ ยังมีให้เที่ยวชมนั่นคือ<strong>เกาะขาม อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี</strong> ตั้งห่างจากฝั่งเพียง 9 กม.ในเกาะจะมีหาดใหญ่ๆ อยู่ 2 ด้านคือ<strong>ทิศเหนือ</strong> กั<strong>บทิศใต้</strong> โดย<strong>หาดทิศเหนือจะมีผืนทรายที่ค่อนข้างละเอียด</strong> และ<strong>น้ำทะเลใสเหมาะแก่การว่ายน้ำ</strong>และ<strong>ทำกิจกรรมทางน้ำตามอัธยาศัย</strong> ส่วนหาดทิศใต้เป็นหาดทรายหยาบ เต็มไปด้วยหินกรวดและซากปะการังทับถมตลอดชายหาด อย่างไรก็ตาม<strong>ลึกลงไปในท้องทะเลสามารถพบแนวปะการังที่สมบูรณ์</strong> เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ และปะการังสมอง เป็นต้น จึงเหมาะกับการดำน้ำในระดับผิวและระดับลึก นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้<strong>ชมปลาทะเลและสัตว์ใต้น้ำหายากจำนวนมาก</strong> อาทิ ปลาผีเสื้อปลาสลิดหิน, ปลาอมไข่ หอยมือเสือ หอยมือแมว เม่นทะเล และปลิงทะเล <br /><br /><a href="http://www.painaidii.com//business/135553/kao-kham-20180/lang/th/" target="_blank">~ คลิ๊กดูภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~</a><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363666930_704527.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div style="text-align: left;">
Photo : <a href="http://siamandaman.com/" target="_blank">.อธิกสุรทิน</a> (* ดูหมายเหตุท้ายบทความ)</div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363667406_704469.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div style="text-align: left;">
Photo : <a href="http://siamandaman.com/" target="_blank">.อธิกสุรทิน</a> (* ดูหมายเหตุท้ายบทความ)</div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363667443_510383.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
<div style="text-align: left;">
Photo : <a href="http://siamandaman.com/" target="_blank">.อธิกสุรทิน</a> (* ดูหมายเหตุท้ายบทความ)</div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 590px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://img.painaidii.com/images/20130319_3_1363667472_643991.jpg" style="display: block; max-height: calc(3267px);" /></div>
Photo : <a href="http://siamandaman.com/" target="_blank">.อธิกสุรทิน</a> (* ดูหมายเหตุท้ายบทความ)<br />
<div style="text-align: justify;">
เหมาะสมกับฉายาที่หลายคนขนานให้เป็น <strong>“มัลดีฟส์ เมืองไทย”</strong> สำหรับ<strong>เกาะพยาม จังหวัดระนอง</strong> เพราะทั้ง<strong>น้ำทะเลใสแจ๋ว บวกกับรีสอร์ทที่ปักหมุดอยู่กลางทะเล</strong> ซึ่งให้อารมณ์เช่นเดียวกับที่มัลดีฟส์ไม่มีผิด และต้องไม่พลาดไป<strong>ดำน้ำชมปะการัง</strong>ที่สวยงามนานาชนิดบริเวณรอบๆ เกาะ เพราะ<strong>เกาะพยาม</strong>นับเป็นแหล่งดูปะการังที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง หรือจะเลือก<strong>ตกปลา</strong>, <strong>ขี่จักรยานรอบเกาะ</strong> ตลอดจน<strong>พายเรือคายัก</strong>ชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน และสัมผัสกับวิถีชีวิตชาวเล <strong>"เผ่ามอแกน"</strong> ที่มาอาศัยอยู่เป็นบางครั้ง ส่วนใครที่อยากลงเล่นน้ำทะเลก็แนะนำให้ไปเพลิดเพลินที่<strong>อ่าวเขาควาย, อ่าวใหญ่ </strong>และ<strong>หาดขาม</strong> <br /><br /><a href="http://www.painaidii.com//business/135158/the-blue-sky-resort-koh-payam-85000/lang/th/" target="_blank">~ คลิ๊กดูภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~</a></div>
* ขอสงวนลิขสิทธิ์ภาพชุดนี้ ห้ามนำรูปชุดนี้ไปใช้ หรือเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพโดยเด็ดขาดไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านใดต้องการนำไปใช้กรุณาติดต่อที่ 9febphotos@gmail.com ครับ **</div>
</div>
<div class="pages_pending_container" id="pages_pending_container" style="display: none;">
<progress class="progress_pages_pending"></progress></div>
<div class="__reading__mode__copyright" id="copyright">
© 2011 Painaidii, all right reserved. <b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-31158767033387135912016-03-17T02:50:00.002-07:002016-03-17T02:50:28.593-07:00สุดยอดงานแต่งที่อลังการที่สุด<br />
<br />
<img alt="" aria-busy="true" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-frc1/v/t1.0-9/1926782_748253798574880_8161472851004226831_n.jpg?oh=03d2df977754e13f9360b198b01ca5b0&oe=57831A44" style="height: 433px; width: 650px;" /><br />
<br />
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash2/v/t1.0-9/10603307_748253841908209_2971657419568057084_n.jpg?oh=7a99b4eab8ef79e7d823b666eab45e0b&oe=578BCBE5&__gda__=1465410793_c7d801393902dc77482a9bfe1608bc74" style="height: 352px; width: 650px;" /><br />
<br />
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xtp1/v/t1.0-9/10629565_748253831908210_5796767689649169648_n.jpg?oh=f5c5e7df563753aae5393d12bfa470ef&oe=5757E5BA" style="height: 352px; width: 650px;" /><br />
<br />
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xfa1/v/t1.0-9/10629635_748253835241543_1123821889503679102_n.jpg?oh=6a2abc806c43824b7e384bf982d4fe8c&oe=57599653&__gda__=1468695909_c96deccd3a3e9bab6ed7dd8bf957764f" style="height: 352px; width: 650px;" /><br />
<br />
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xtp1/v/t1.0-9/10574298_748253828574877_5198255514408475068_n.jpg?oh=c215c3dcae03941e9111e6e05e2a707c&oe=5759B066" style="height: 352px; width: 650px;" /><br />
<br />
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xpt1/v/t1.0-9/10702117_748253838574876_4359237455633005429_n.jpg?oh=c85ef551efd1b24296d5a99ec4b89814&oe=5786B83F" style="height: 352px; width: 650px;" /><br />
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-prn2/v/t1.0-9/1656042_748253848574875_6963571202005437068_n.jpg?oh=8d55e256447772d2c86a2cd63463a2ea&oe=575618F7" style="height: 352px; width: 650px;" /><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-18630257633108330362016-03-17T02:48:00.001-07:002016-03-17T02:48:04.967-07:00Google เปิดตัวคู่มือ Search Quality Rating Guidelines เพื่อคนทำ SEO แบบเต็มๆ หนากว่า 160 หน้าศาสตร์ของ SEO เป็นสิ่งที่ใครหลายคนอยากจะรู้ รู้เพื่อรู้ใจ Google ว่าการกวาดข้อมูลเนื้อหาเพื่อจัดอันดับนั้นมีหลักการคิดอย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีการเผยแพร่ความรู้จากเหล่าผู้รู้ แต่ก็ไม่ใช่จากปากของ Google เอง แต่นี่คือเวอร์ชันล่าสุดที่ Google ปล่อยออกมาให้ผู้ที่สนใจศึกษาด้าน SEO ได้อ่านกันโดยเฉพาะ ซึ่งจะเรียกเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ปล่อยแบบจัดเต็มขนาดนี้<br />
<span id="more-76657"></span><br />
เอกสารฉบับนี้ใช้ชื่อว่า Search Quality Rating Guidelines โดยที่บอกว่าเป็นครั้งแรกๆ ที่จัดเต็ม เพราะก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่เอกสารนี้มาบ้างแล้วในปี 2008, 2011, 2012 และ 2013 แต่ทุกปีที่กล่าวมาล้วนแล้วเป็นฉบับย่อๆ แทบทั้งสิ้น<br />
มาในปีนี้ 2015 Google เองได้ตัดสินใจที่จะเผยแพร่ข้อมูลทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับการจัดอันดับการค้นหา ลงใน Guideline ที่มีความหนาถึง 160 หน้า โดยทาง Google เผยถึงการให้ข้อมูลแบบไม่ได้ให้กันเล่นๆ ครั้งนี้ว่า เราอยากให้คนเข้าใจถึงกระบวนการในการตัดสินใจก่อนที่จะเรียงเป็นอันดับจากการบอกเล่าของเราเอง<br />
เนื้อหาภายในเมื่อลองเข้าไปดูในสารบัญแล้วก็จะแยกเป็น 4 ส่วนคือ ภาพรวมทั้งหมด, เรื่อง Page Quality, ความเข้าใจถึงโมบายล์, เรื่อง Rating และการใช้ Evaluation Platform<br />
ให้กันขนาดนี้ จะรออะไรครับ เข้าไปอ่านและดาวน์โหลดมาไว้เลยที่นี่ <a href="http://static.googleusercontent.com/media/www.google.com/en//insidesearch/howsearchworks/assets/searchqualityevaluatorguidelines.pdf" target="_blank">Search Quality Rating Guidelines 2015 by Google</a><br />
<strong>ที่มา: <a href="http://googlewebmastercentral.blogspot.com/2015/11/updating-our-search-quality-rating.html" target="_blank">Google Webmaster Central Blog</a></strong><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-86851761949683826652016-03-17T02:47:00.002-07:002016-03-17T02:47:44.779-07:00ดีลตรง "70ธุรกิจยักษ์" ทั่วโลก สิทธิพิเศษรายตัวบูม 10 อุตฯอนาคต<div class="updated">
updated: 28 พ.ย. 2558 เวลา 10:30:59 น.</div>
<div class="author">
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์</div>
<div class="article_content" style="line-height: 1.65em;">
<span style="font-family: Tahoma,; font-size: small;"><b>รัฐกางสูตรส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ให้สิทธิพิเศษภาษี-ถือครองที่ดิน 99 ปี ดีลตรงต่างชาติ 70 บริษัทต่อยอดอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่-อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ-ท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี-เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ-การแปรรูปอาหาร ดัน 5 กลุ่มใหม่ ยึดโมเดลชายฝั่งทะเลตะวันออกเป็นต้นแบบ เอกชนขานรับ</b><br />แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากที่รัฐบาลได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยมุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) การเร่งรัดเบิกจ่ายโครงการลงทุนภาครัฐ การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งช่วยเหลือภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และคนซื้อบ้าน ซึ่งหลายมาตรการเริ่มปรากฏผลทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ<br /><br /><img src="http://www.prachachat.net/online/2015/11/14486292601448629294l.jpg" /><br /><br />ล่าสุด กระทรวงเสาหลักด้านเศรษฐกิจ 7 กระทรวงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามนโยบายระยะยาวเพื่อสร้างอนาคตของประเทศไทย ที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเร่งขับเคลื่อนผลักดันด้วยการปรับโครงสร้างด้านการผลิตทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการบริการ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการรับฟังความคิดเห็นและการให้ข้อเสนอแนะโดยนักลงทุนและเจ้าของเทคโนโลยีสำคัญทั่วโลกกว่า 70 ราย นำมากำหนดแผนและนโยบายในการส่งเสริมการลงทุน "อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่อนาคต"<br /><br /><b>ชูธง 10 อุตฯเป้าหมาย</b><br /><br />เป็นเหมือนคู่มือแนะนำและดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย ประกอบด้วย 1.การต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม (First S-Curve) ได้แก่ 1.1 อุตฯยานยนต์สมัยใหม่ (Next-generation Automotive) 1.2. อุตฯอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) 1.3.อุตฯการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affuent, Medical and Wellness Tourism) <br /><br />1.4 การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology) และ 1.5 อุตฯการแปรรูปอาหาร (Food for the Future) <br /><br />2.เพิ่ม 5 อุตฯอนาคต (New-S-Curve) ซึ่งเป็นอุตฯใหม่ที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันและมีผู้สนใจลงทุน ได้แก่ 2.1 อุตฯหุ่นยนต์ (Robotics) 2.2 อุตฯการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics) 2.3 อุตฯเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) 2.4 อุตฯดิจิทัล (Digital) และ 2.5 อุตฯการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)<br /><br /><b>เปิดพื้นที่ส่งเสริมอุตฯอนาคตไทย</b><br /><br />แนวทางพัฒนาระยะสั้น-ปานกลาง จะยกระดับอุตฯเดิม 5 อุตฯเป้าหมายที่เป็น First S-Curve เพื่อต่อยอดการเจริญเติบโต ระยะยาว พัฒนาอุตฯแห่งอนาคต 5 อุตฯเป้าหมาย หรือ New-S-Curve เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยแบบก้าวกระโดด โดยในส่วนของอุตฯอนาคตกำหนดพื้นที่ส่งเสริมการลงทุนดังนี้ อุตฯหุ่นยนต์ พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก อุตฯการขนส่งและการบิน พื้นที่สนามบินพัทยา-อู่ตะเภา อุตฯการแพทย์ครบวงจร พื้นที่วิจัยและพัฒนาให้อยู่ในโรงเรียนแพทย์ คลัสเตอร์การแพทย์ เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) พัทยา อุตฯเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อยู่ในพื้นที่ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง และอุตฯต่อเนื่องอยู่บริเวณมาบตาพุด อุตฯดิจิทัลอยู่ในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เช่น กทม. เชียงใหม่ ภูเก็ต <br /><br /><b>ยึดโมเดลนิคมอุตฯภาคตะวันออก</b><br /><br />ทั้งนี้ จากที่ปัจจุบัน 6 ใน 10 อุตฯเป้าหมาย <br /><br />ทั้ง First S-Curve และ New-S-Curve ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก คือ ยานยนต์แห่งอนาคตอยู่ในพื้นที่ ชลบุรีและศรีราชา อุตฯอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะอยู่ในสมุทรปราการ ชลบุรี ศรีราชา ท่องเที่ยวระดับคุณภาพอยู่ที่พัทยา ระยอง อุตฯหุ่นยนต์อยู่ในชลบุรี ศรีราชา อุตฯการบินอยู่ที่อู่ตะเภา สัตหีบ และอุตฯไบโอเคมี อยู่ที่มาบตาพุด จากปัจจัยพื้นฐานความแข็งแกร่งจากในอดีต รัฐบาลจึงจะนำเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกมาเป็นตัวจุดประกายในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจการลงทุนพิเศษ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตฯเป้าหมายทั้ง 10 อุตฯ<br /><br />ทั้งนี้ปัจจัยความสำเร็จในการดึงนักลงทุนจากทั่วโลกต้องมีกลไกการกำกับดูแลการพัฒนาอุตฯเป้าหมายและเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมาย ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการการลงทุนอุตฯเป้าหมาย ทำหน้าที่กำหนดแผนการลงทุน กำหนดผู้ลงทุนรายสำคัญ 2.คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม มีหน้าที่เจรจากับผู้ลงทุนรายสำคัญ เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทั่วไปและสิทธิประโยชน์พิเศษ 3.คณะกรรมการกำกับดูแลเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือเขตเศรษฐกิจการลงทุนพิเศษ ทำหน้าที่อนุมัติแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โครงการการลงทุนคลัสเตอร์ โครงสร้างพื้นฐาน และบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีสำนักงานบริหารเขตเศรษฐกิจการลงทุนพิเศษ ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน ดำเนินการด้านสิทธิประโยชน์ และติดตามความคืบหน้าในการติดต่อและชักจูงนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายและเป็นเลขานุการให้คณะกรรมการระดับชาติ<br /><br /><b>ตั้งกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจ</b><br /><br />ขณะเดียวกันเพื่อผลักดันให้การลงทุนในอุตฯเป้าหมายเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม รัฐบาลกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุน ประกอบด้วยมาตรการทางการเงิน มาตรการทางการคลัง และมาตรการส่งเสริมอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ทั้งนี้ กรอบนโยบายและมาตรการส่งเสริมทั้งด้าน<br /><br />การเงิน การคลัง และมาตรการอื่น ๆ ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และ 7 กระทรวงเศรษฐกิจเสนอ และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว<br /><br /><b>งัดมาตรการการเงิน-การคลังหนุน</b><br /><br />ในส่วนของมาตรการทางการเงินจะจัดตั้ง "กองทุนพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม" ขึ้น ทำหน้าที่ให้เงินสนับสนุนให้เงินกู้ยืม หรือชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ หรือเป็นกองทุนในการลงทุนโครงการลงทุนพิเศษ โดยสามารถให้เงินสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนา รวมทั้งสร้างบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตฯเป้าหมาย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม<br /><br />มาตรการการคลัง อาทิ กำหนดสิทธิประโยชน์พิเศษ ยกเว้นอัตราภาษีนิติบุคคลเป็นเวลา 10-15 ปี สำหรับโครงการที่มีความสำคัญสูงในอุตฯเป้าหมาย เพิ่มเติมจากสิทธิประโยชน์สูงสุด 8 ปี ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนทั่วไป กำหนดสิทธิประโยชน์พิเศษยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้เชี่ยวชาญไม่เกิน 15% อัตราภาษีรายได้บุคคลธรรมดา<br /><br />ของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับนานาชาติ และไม่เกิน 15% สำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับสูง และผู้บริหารระดับสูงที่จำเป็นในโครงการลงทุน และสามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศ และแก้ไขโครงสร้างอากรขาเข้าชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตหรือให้บริการในอุตฯเป้าหมาย (หรือใช้มาตรา 12 ของกระทรวงการคลัง) เนื่องจากอัตราอากรของชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์สูงกว่าผลิตภัณฑ์ รวมทั้งยกเว้นอากรขาเข้าของนำเข้าเพื่อทำการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบ<br /><br /><b>สิทธิเข้า-ออก ปท.-ถือที่ดิน 99 ปี</b><br /><br />ส่วนมาตรการอื่น ๆ ประกอบด้วย การกำหนดสิทธิประโยชน์การเข้าออก และการทำงานของผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากต่างประเทศ เทียบเท่าคนไทยครั้งละ 5 ปี ตลอดอายุการส่งเสริมการลงทุน กำหนดสัดส่วนการถือหุ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ 100% ในระยะเริ่มต้น หรือกรณีเป็นการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร ซึ่งนักลงทุนไทยไม่มีความเชี่ยวชาญ และกำหนดสิทธิประโยชน์พิเศษให้ผู้ลงทุนต่างชาติ การถือครองที่ดิน 99 ปี โดยขายคืนให้รัฐบาลเมื่อครบกำหนด<br /><br /><b>ธุรกิจโรงพยาบาลหนุนเต็บสูบ</b><br /><br />นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล และที่ปรึกษาสมาคมโรงพยาบาลเอกชน มองว่า นโยบายดังกล่าวควรทำมานานแล้ว เพราะธุรกิจการแพทย์เป็นอุตฯบริการ และการจะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาคหรือของโลกในอนาคตมีความจำเป็น ต้องมีความชัดเจนเชิงนโยบายและปรับปรุงข้อจำกัดต่าง ๆ ทั้งเชิงกฎหมายการลงทุน การขอวีซ่าเข้าประเทศ การผลิตบุคลากรการแพทย์ที่ต้องให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิต เพื่อตอบโจทย์และลดการขาดแคลน<br /><br />"ควรทำมานานแล้วและทำให้ชัดเจน วันนี้มีการพูดแล้วว่าธุรกิจเฮลท์แคร์น่าจะเป็นธุรกิจบริการดาวเด่น อาทิตย์ที่แล้วมีการเรียกคุยไปแล้ว 1 รอบ ภายในสัปดาห์นี้กำลังทำแผนอยู่ น่าจะหารือกันอีกเป็นระยะ ๆ นโยบายดังกล่าวไม่มีกลุ่มไหนได้ประโยชน์ แต่เป็นประเทศไทยได้ประโยชน์ ทุกคนคาดหวังว่าจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเฮลท์แคร์ เพราะการเปิดอาเซียนจะเริ่มขึ้นแล้ว" <br /><br /><b>สิทธิประโยชน์ใหม่จูงใจพอ</b><br /><br />นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มั่นใจว่าการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบคลัสเตอร์จะเกิดขึ้นได้แน่นอน <br /><br />จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่รัฐใช้เป็นเครื่องมือเร่งรัดให้เกิดการลงทุนจริง อาทิ มาตรการทางภาษีของบีโอไอ เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี ลดหย่อนภาษี 50% เพิ่มเติม 5 ปี ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร และมาตรการทางการคลังที่อยู่ระหว่างพิจารณาให้กิจการเพื่ออนาคตยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10-15 ปี และจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 0-15% <br /><br />สำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในระดับนานาชาติที่ทำงานในพื้นที่กำหนดทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงกองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศ วงเงิน 10,000 ล้านบาท และอื่น ๆ ถือว่าเพียงพอแล้ว และกลุ่มนักลงทุนอุตฯเป้าหมายอย่างไฮเทคโนโลยีสนใจเข้ามาลงทุนมากกว่าเดิม เพราะปัจจัยหลายอย่างจูงใจ เช่น สิทธิประโยชน์ เศรษฐกิจที่กำลังฟื้น เห็นได้จากยอดขอส่งเสริมการลงทุนมีเกือบ 2,000 โครงการ มูลค่า 6.9 แสนล้านบาท<br /><br />"ส่วนที่มองว่าสิทธิประโยชน์ที่รัฐให้ยังไม่พอ อาจมีแค่บางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งไม่อยากให้เอาไปเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์และค่าแรง ควรมองว่าไทยเองมีความพร้อมและเหนือกว่าคู่แข่งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค โลจิสติกส์"<br /><br /><b>กลุ่มยานยนต์ขานรับลงทุน</b><br /><br />นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า กลุ่มยานยนต์เป็นส่วนหนึ่งในอุตฯเป้าหมายที่ถูกผลักดันให้เกิดเป็นคลัสเตอร์ และยกระดับสู่การเป็นซูเปอร์คลัสเตอร์ มั่นใจว่ารัฐเดินมาถูกทางกับการพัฒนาอุตฯในประเทศ และทุก ๆ มาตรการส่งเสริมที่ออกมาจะเป็นส่วนสำคัญให้นักลงทุนรายเก่าที่ลงทุนอยู่แล้วไม่ย้าย<br /><br />การผลิตไปไหน แต่จะทำการวิจัยเพิ่มเพื่อต่อยอดพัฒนาสินค้ารองรับการขยายธุรกิจแทน นอกจากนี้นักลงทุนรายใหม่จะหันกลับมาพิจารณาลงทุนในไทยมากขึ้น จากเดิมที่จะไปลงทุนในประเทศที่มีค่าแรงถูก แต่ไม่เอื้อในเรื่องความพร้อมอื่น ๆ <br /><br />"ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มยานยนต์กระปรี้กระเปร่าขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิตรายเล็ก ๆ ในท้องถิ่นสอบถามเข้ามามาก ปัจจุบันกลุ่มยานยนต์มีภาคการผลิตที่เป็นคลัสเตอร์กันอยู่แล้ว และส่วนใหญ่กระจายตั้งโรงงานอยู่ในภาคตะวันออก ทั้งชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา โดยกลุ่มอุตฯยานยนต์เองมองเห็นศักยภาพของพื้นที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ว่าน่าจะพัฒนาเป็นเมืองคลัสเตอร์ยานยนต์/ชิ้นส่วนยานยนต์"</span><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-32855198683629252732016-03-17T02:42:00.003-07:002016-03-17T02:42:58.743-07:00"13 ขั้นตอนสร้างความมั่งคั่งของบุคคลระดับโลก"<span class="_1nb_ fwn fcg" data-ft="{"tn":"C"}"><span class="fwb" data-ft="{"tn":"k"}"><br /></span></span>
<span class="_1nb_ fwn fcg" data-ft="{"tn":"C"}"><span class="fwb" data-ft="{"tn":"k"}"><img alt="" aria-busy="true" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xat1/v/t1.0-9/12239540_641902809246301_8948579644332452252_n.jpg?oh=13818e972a3d74064c681a745f20f39b&oe=57892942" style="height: 600px; width: 800px;" /></span></span><br />
<span class="_1nb_ fwn fcg" data-ft="{"tn":"C"}"><span class="fwb" data-ft="{"tn":"k"}"><a href="https://www.facebook.com/InspirationMillion/photos/a.423038067799444.1073741828.352181761551742/641902809246301/?type=3&fref=nf">แรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ</a></span></span><br />
<div class="_5pcp">
<span><span class="fsm fwn fcg"><a ajaxify="/InspirationMillion/photos/a.423038067799444.1073741828.352181761551742/641902809246301/?type=3&size=800%2C600&fbid=641902809246301&source=12&player_origin=profile" class="_5pcq" href="https://www.facebook.com/InspirationMillion/photos/a.423038067799444.1073741828.352181761551742/641902809246301/?type=3" rel="theater" target=""><abbr class="_5ptz" data-shorten="1" data-utime="1448239088" title="Sunday, November 22, 2015 at 4:38pm"><span class="timestampContent">November 22, 2015</span></abbr></a></span></span><span aria-hidden="true" role="presentation"> · </span><a class="uiStreamPrivacy inlineBlock fbStreamPrivacy fbPrivacyAudienceIndicator _5pcq" data-hover="tooltip" data-tooltip-content="Custom" href="https://www.facebook.com/naritcha.t#" role="button"><i class="lock img sp_Qg5nf0MIyzn sx_3dd18b"></i></a></div>
<div class="mtm _5pco" data-ft="{"tn":"K"}">
<div class="text_exposed_root text_exposed" id="id_56ea76c2bf4241a96828215">
"13 ขั้นตอนสร้างความมั่งคั่งของบุคคลระดับโลก"<br /> .<br /> เส้นทางชีวิตของเศรษฐีที่สร้างตัวเองมาแล้วกว่า 500 คน ถูกกลั่นกรองออกมาเป็นลำดับทั้งหมด 13 ขั้นบันได เขียนโดย Nap<span class="text_exposed_hide">...</span><span class="text_exposed_show">oleon Hill ครับ..<br /> .<br /> 1. ”ปราถนาอย่างแรงกล้า” ความต้องการที่ชัดเจนว่าคุณจะร่ำรวย เป็นสิ่งที่เศรษฐีทุกคนทำก่อนที่จะได้เห็นตัวเงินในบัญชีธนาคารซะอีก เมื่อปรารถนาแล้ว ความหวัง ความฝัน และแผนการ จะเริ่มผุดขึ้นในความคิดของเรา<br /> .<br /> 2. “ศรัทธาในความเชื่อของตัวเองว่าเราจะประสบความสำเร็จ” ความร่ำรวยเริ่มต้นจากวิธีคิดและหากคุณมีความเชื่อมั่นในหัวใจตัวเองอย่างชัดเจนว่าคุณก็สำเร็จได้ ความคิดคุณก็จะไม่ถูกจำกัดอยู่กับที่..<br /> .<br /> 3. “ตอกย้ำใจตัวเองให้เชื่อในความคิด” คุณมีหน้าที่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปตอกย้ำจิตใต้สำนึกให้มีความเชื่อมั่นและมุ่งมั่นว่า คุณจะเดินไปสู่ความร่ำรวยและทำได้แน่ๆ ...จะไม่มีอะไรเบี่ยงเบนความสนใจของเราได้<br /> .<br /> 4. เก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้ ..ยกระดับตัวเองเป็นผู้มีทักษะพิเศษ คนที่ไม่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่มัวแต่คิดว่าความรู้จบลงเมื่อได้ปริญญา แต่ไม่ใช่กับเศรษฐี พวกเขายังคงหาความรู้อยู่เสมอ ทั้งจากการพบปะผู้คนและการอ่าน<br /> .<br /> 5. ต้องให้อิสระในการจินตนาการ ..จินตนาการคือชนวนจุดประกายความคิด ..ก็ไอเดียจากความคิดนั่นแหละที่มีโอกาสสร้างเงินล้านให้คุณ อย่าไปกลัวหรืออายในไอเดียของตัวเองครับ<br /> .<br /> 6. วางแผนและต้องเริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง ..เมื่อชัดเจนแล้วก็อย่ารอช้า ต้องทำทันที ..จำไว้ว่าระหว่างเดินหน้าสู่ความสำเร็จ อาการผิดแผนมันเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ห้ามถอดใจ ..เราอาจจะก้าวช้า แต่จะต้องไปถึงแน่นอน<br /> .<br /> 7. เลิกลังเล!.. คนส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถสร้างฐานะได้ ก็เพราะไม่มั่นใจในเป้าหมายของตัวเอง มันก็จบ.. วิธีคิด/การตัดสินใจ ก็ไม่เกิด<br /> .<br /> 8. "มุ่งหน้า ไม่ย่อท้อจนกว่าจะได้สิ่งที่หวัง" ..ความร่ำรวยไม่อาจเกิดได้จากความฝันเพียงลำพัง แต่มันมาจากแผนการที่ชัดเจน สนับสนุนด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า และลงมือทำอย่างไม่หยุดยั้ง<br /> .<br /> 9. พาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางคนที่สุดยอด เพราะด้วยเราเพียงคนเดียวคงเป็นเรื่องยากในการไปถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ การได้แบ่งปันไอเดีย แลกเปลี่ยนความเห็นกับคนเก่งๆ จะทำให้คุณไปได้เร็วขึ้นและไกลขึ้น<br /> .<br /> 10. เลือกคู่ชีวิตให้ดี คนที่อยู่เคียงข้างคุณจะเป็นพลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังมากที่สุดในชีวิต คอยสร้างแรงจูงใจ แรงกระตุ้น ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อไปสู่เป้าหมายได้อย่างดีเยี่ยม<br /> .<br /> 11. พัฒนาความสามารถในการคิดบวกให้แข็งแรงขึ้น ..จิตใต้สำนึกของเรา ไม่ได้ว่างเปล่า มันจะตกเป็นอยู่ในอำนาจของความคิดด้านบวกหรือไม่ก็ลบ ..นั่นเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสอนมันให้จดจำพลังด้านบวกเอาไว้<br /> .<br /> 12. สมองของคนเราเชือมต่อกันได้ จงเรียนรู้จากคนที่เก่งและฉลาดกว่าคุณ ซึมซับพลังความคิดและความสร้างสรรค์จากคนที่เหนือกว่าคุณอยู่เสมอ<br /> .<br /> 13. เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง หรือประสามสัมผัสที่ 6 นั่นแหละ เพราะมักจะเป็นตัวบอกให้คุณเตรียตัวระวังอันตราย หรือเป็นตัวยืนยันว่าคุณกำลังมุ่งสู่เส้นทางความรวยที่</span><br />
<div class="text_exposed_show">
เคตดิตบทความจาก Wealth Creation<br /><a href="https://www.facebook.com/wealthcreationpage">www.facebook.com/wealthcreationpage</a><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
</div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-66381675240014367272016-03-17T02:41:00.001-07:002016-03-17T02:41:24.111-07:005 เคล็ดลับสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก<div style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.smethailandclub.com/images/image/1447927378.jpg" style="height: 349px; width: 600px;" /></div>
<br /><br /><br /><br /> เรื่อง กองบรรณาธิการ<br /><br /> <br /><br /><br /> ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นและเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก มักจะต้องประสบปัญหาการทำงานอย่างหนักในระยะเริ่มต้น เพื่อนำพาธุรกิจให้อยู่รอด มิต้องพูดถึงการเติบโตที่ยังเป็นเรื่องไกลออกไป ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับ 5 ข้อที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า “ต้องทำ” สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นและต้องการประสบความสำเร็จในปี 2013<br /><br /><br /><strong>1.ตรวจสอบธุรกิจของคุณเองอย่างซื่อสัตย์</strong><br /><br /> ก่อนอื่น ถามตัวคุณเองก่อนว่า “คุณได้มีปีที่ถือว่าประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจแล้วหรือยัง?” หากคำตอบคือ ยังไม่มี รีบกลับมาทบทวนดูการทำธุรกิจของคุณเองก่อนว่า เพราะเหตุใด ทำไมคุณถึงยังไม่สามารถทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ สิ่งจำเป็นที่สุดคือ ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง เพราะกุญแจสำคัญที่จะทำให้เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ อยู่ที่การประเมินการทำธุรกิจที่อยู่ในมือคุณอย่างซื่อสัตย์ที่สุดนี้เอง เพื่อที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจะได้นำข้อมูลที่ได้เป็นแนวทางในการดำเนินงานปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้นต่อไป<br /><br /><br /><strong>2.ปรับปรุงพนักงานในองค์กรตั้งแต่ยอดจนถึงฐานปิรามิด</strong><br /><br /> เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมักจะตกอยู่ในรูปแบบและติดกับกระบวนการทางธุรกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพ สาเหตุสำคัญหนึ่งคือ “พนักงาน” อย่าปล่อยให้วิธีการที่ล้าสมัยในการทำธุรกิจหรือพนักงานที่ไม่มีมีประสิทธิภาพมาคอยถ่วงธุรกิจของคุณอีกต่อไป เร่งสำรวจจุดอ่อนและปรับปรุงการทำงานทั้งระบบ เป็นโอกาสสำหรับคุณที่จะตอกย้ำความเป็นผู้นำและแสดงให้เห็นอำนาจของคุณ เพราะถ้าหากไม่สามารถควบคุมระบบและกระบวนการในการทำธุรกิจของคุณเอง ก็ไม่อาจถือได้ว่าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นจริงๆ<br /><br /><br /><strong>3.หามุมมองจากภายนอก</strong><br /><br /> การพบปะพูดคุยเพื่อหามุมมองทางธุรกิจจากบุคคลภายนอกองค์กร เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ บางบริษัทอาจเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง สำนักงานกฎหมาย บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชี ฯลฯ เข้ามาช่วยในการทำงาน นอกจากให้คำปรึกษาเฉพาะทางแล้ว การได้ประชุมนอกรอบหรือพูดคุยแบบไม่เป็นทางการ อาจทำให้ได้รับมุมมองที่กว้างและสดใหม่ ที่ส่งผลต่อธุรกิจของคุณอย่างคาดไม่ถึง<br /><br /><br /><strong>4.ขอบคุณลูกค้าที่ดีที่สุดของคุณ</strong><br /><br /> ธุรกิจแต่ละประเภทมีนิยามคำว่า ‘ดีที่สุด’ สำหรับลูกค้าแตกต่างกันไป มองหาว่าใครคือลูกค้าที่ดีที่สุดในธุรกิจของคุณ จากนั้นลงมือแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเขามีความสำคัญมากแค่ไหน อาจจัดเป็นโปรโมชั่นหรือกิจกรรมพิเศษแทนคำขอบคุณสำหรับลูกค้า เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้<br /><br /><br /><strong>5.กระตุ้นความคึกคักให้กับธุรกิจ</strong><br /><br /> ความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน อาจส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กที่มีความเสี่ยง เปลี่ยนความรู้สึกเชิงลบเหล่านี้มาเป็นการตอบสนองตนเองด้วยการทำนายถึงอนาคตที่สดใสทางธุรกิจแทนที่ อย่าไปฟังข่าวที่มีข้อมูลแย่ๆ เชิงลบ ชวนให้หดหู่มากนัก แต่หันมาผลักดันให้ธุรกิจของคุณเดินไปข้างหน้าดีกว่า เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กควรจะมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ไม่ย่ำอยู่กับที่ ในขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยหรือทอดทิ้งการดูแลธุรกิจที่มีอยู่เดิมของคุณด้วย<br /><br /><strong>www.smethailandclub.com<br /> ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)</strong><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-40067777722233864862016-03-17T02:40:00.002-07:002016-03-17T02:40:58.483-07:00เปิดพิมพ์เขียวมอเตอร์เวย์21สาย2ล้านล้านรื้อเส้นทางใหม่เชื่อม′หัวเมืองหลัก-ค้าชายแดน′ทั่วไทย6พันก.ม.<strong>เปิดพิมพ์เขียวมอเตอร์เวย์21สาย2ล้านล้านรื้อเส้นทางใหม่เชื่อม′หัวเมืองหลัก-ค้าชายแดน′ทั่วไทย6พันก.ม.</strong><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 12px; line-height: 16.08px;" /><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 12px; line-height: 16.08px;" />กรมทางหลวงรื้อแผนแม่บทมอเตอร์เวย์ใหม่ สร้างเพิ่มอีกกว่า 2,000 กิโลเมตร เป็นกว่า 6,000 กิโลเมตร ใช้เงินเวนคืนที่ดินและก่อสร้างกว่า 2.11 ล้านล้าน ขีดแนวประชิดชายแดน รองรับการค้า เขตเศรษฐกิจพิเศษ และเออีซี แบ่งพัฒนา 2 ระยะ เฟสแรก 16 เส้นทาง ปักหมุดปีླྀ เร่งเครื่องสายพัทยา-มาบตาพุดให้ได้ผู้รับเหมาธ.ค.นี้ ปีหน้าตีฆ้องประมูลสายบางปะอิน-โคราช และบางใหญ่-กาญจนบุรี<br /><br />แหล่งข่าวจากกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผย"ประชาชาติธุรกิจ"ว่า หลังกรมจัดทำแผนแม่บทมอเตอร์เวย์เมื่อปี 2540 ล่าสุดกำลังรีวิวแผนแม่บทใหม่ ให้เข้ากับสภาพพื้นที่ปัจจุบัน สอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ให้เข้าถึงแหล่งเศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยว การค้าชายแดน และเขตเศรษฐกิจพิเศษ รองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ปลายปีนี้<br /><br />โดยจะวางกรอบการพัฒนาไว้ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2560 - 2579 แบ่งการพัฒนา 2 ระยะ ช่วง 10 ปีแรก เริ่มปี 2560-2269 และระยะ 10 ปีถัดไปเริ่มปี 2570-2579 ส่วนแนวเส้นทางมีทั้งสิ้น 21 สายทาง รวม 6,278 กิโลเมตร เพิ่มเติมจากแผนแม่บทฉบับเดิมกว่า 2,100 กิโลเมตร ที่มีโครงข่ายจำนวน 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 4,150 กิโลเมตร<br /><br /><br /><br />
<div style="text-align: center;">
<img src="http://www.bkkcitismart.com/uploads/news/nicupload/14482592281448259260l.jpg" style="font-size: 12px; line-height: 16.08px;" width="307" /></div>
<br /><br /><strong>21 สายลงทุนกว่า 2 ล้านล้าน</strong><br /><br />แหล่งข่าวกล่าวว่า ทั้ง 21 สายทาง เมื่อแบ่งเป็นรายภาค อยู่ที่ภาคเหนือ 3 สายทาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 สายทาง ภาคกลาง-ภาคตะวันตกและภาคตะวันออกรวม 15 สายทาง และภาคใต้ 3 สายทาง ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด กรมอยู่ระหว่างให้ที่ปรึกษาจัดรับฟังความคิดเห็นกลุ่มจังหวัดของแต่ละภาค เพื่อประมวลข้อมูลสุดท้าย<br /><br />สำหรับเงินลงทุนรวมทั้งค่าเวนคืนและค่าก่อสร้าง เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.11 ล้านล้านบาท ค่าก่อสร้างเฉลี่ย 330 ล้านบาทต่อกิโลเมตร และเป็นเม็ดเงินรวมกับ 3 เส้นทางที่ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไปแล้วเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558<br /><br />ได้แก่ 1.สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง196 กิโลเมตร เงินลงทุน 84,600 ล้านบาท 2.สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร เงินลงทุน 55,620 ล้านบาท และ 3.สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กิโลเมตร เงินลงทุน 20,200 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างปี 2559-2562<br /><br />"ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างประกาศทีโออาร์ประมูลก่อสร้างสายพัทยา-มาบตาพุด 11 สัญญา ได้ผู้รับเหมาไปแล้ว 3 สัญญา เหลืออีก 9 สัญญา อยู่ระหว่างชี้แจงรายละเอียด หลังมีคนท้วงติง ส่วนอีก 2 สัญญาอยู่ระหว่างปรับแบบร่วมกับการรถไฟฯเพราะขอใช้ที่ดินการรถไฟฯสร้าง คาดว่าภายใน ธ.ค.นี้จะได้ผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งหมด ส่วนสายบางปะอิน-โคราช จะเริ่มประกาศทีโออาร์ประมูลได้เดือนม.ค.ปีหน้า จากนั้นกลางปีจะเป็นช่วงบางใหญ่-กาญจนบุรีเพราะต้องรอเคลียร์เรื่องสิ่งแวดล้อมก่อน"<br />
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img src="http://www.bkkcitismart.com/uploads/news/nicupload/14482592281448259274l.jpg" width="368" /></div>
<br />
<br /><br /><strong>เปิดโผเส้นทาง10ปีแรก</strong><br /><br />สำหรับโครงข่ายใหม่ตามแผนแม่บท ช่วงระยะ 10 ปี มี 16 สายทาง ระยะทางรวม 3,120 กิโลเมตร เงินลงทุน 1.24 ล้านล้านบาท ได้แก่ 1.สายบางปะอิน-เชียงราย (ด่านแม่สายและเชียงของ) 908 กิโลเมตร เร่งลงทุนช่วงรังสิต-บางปะอิน 18 กิโลเมตร ช่วงบางปะอิน-นครสวรรค์-พิษณุโลก 315 กิโลเมตรและช่วงลำปาง-เชียงรายเชื่อมด่านเชียงของและแม่สาย 267 กิโลเมตร<br /><br />2.บางปะอิน-หนองคาย 510 กิโลเมตร 3.กรุงเทพ-บ้านฉาง 153 กิโลเมตร เร่งดำเนินการช่วงพัทยา-มาบตาพุด 38 กิโลเมตรก่อน 4.นครปฐม-นราธิวาส 1,098 กิโลเมตร เร่งสร้างช่วงนครปฐม-ชะอำ-ชุมพร 409 กิโลเมตร 5.วงแหวนรอบนอกรอบที่ 2 ระยะทาง 165 กิโลเมตร เร่งช่วงด้านตะวันตกก่อนเป็นลำดับแรก 68 กิโลเมตร<br /><br />6.เชียงใหม่-ลำปาง (แจ้ห่ม) 53 กิโลเมตร 7.ชลบุรี (ท่าเรือแหลมฉบัง)-นครราชสีมา 288 กิโลเมตร ก่อสร้างช่วงชลบุรี (ท่าเรือแหลมฉบัง)-ปราจีนบุรี 117 กิโลเมตรเป็นลำดับแรก 8.วงแหวนรอบนอกรอบที่ 2 ด้านตะวันออก-สระบุรี 78 กิโลเมตร 9.วงแหวนรอบนอกตะวันออก-สระแก้ว (ด่านอรัญประเทศ) 204 กิโลเมตร<br /><br /><strong>ปัดฝุ่นวงแหวนรอบที่ 3</strong><br /><br />10.ชลบุรี-ตราด 216 กิโลเมตร 11.บางใหญ่-กาญจนบุรี-บ้านพุน้ำร้อน 164 กิโลเมตร 12.วงแหวนรอบนอกตะวันรอบที่ 2-ปากท่อ 74 กิโลเมตร 13.สุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต 187 กิโลเมตร 14.สงขลา-ด่านสะเดา 95 กิโลเมตร 15.วงแหวนรอบที่ 3 ระยะทาง 254 กิโลเมตร และ 16.ชลบุรี-นครปฐม 96 กิโลเมตร<br /><br />ส่วนระยะที่ 2 มี 5 สายทางหลัก ระยะทาง 3,152 กิโลเมตร เงินลงทุนกว่า 8.7 แสนล้านบาท ได้แก่ 1.สายตาก-มุกดาหาร 703 กิโลเมตร 2.สุรินทร์-บึงกาฬ 454 กิโลเมตร 3.นครสวรรค์-อุบลราชธานี 610 กิโลเมตร 4.สุพรรณบุรี-ชัยนาท 42 กิโลเมตรและ 5.วงแหวนรอบที่ 2 ตะวันตก-บางปะหัน 48 กิโลเมตร<br /><br />แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ แผนงานก่อสร้างเฟส 2 จะมีการก่อสร้างบางช่วงในเส้นทางที่บรรจุไว้ในแผน 10 ปีแรก ประกอบด้วย สายบางปะอิน-เชียงราย จะสร้างช่วงพิษณุโลก-อุตรดิตถ์-ลำปาง ระยะทาง 253 กิโลเมตร, สายนครปฐม-นราธิวาส ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี-สงขลา (หาดใหญ่)-นราธิวาส (ด่านสุไหงโก-ลก) 668 กิโลเมตร, สายชลบุรี-นครราชสีมา ช่วงปราจีนบุรี-นครราชสีมา 171 กิโลเมตร, สายวงแหวนรอบที่ 2 ด้านตะวันออก-สระแก้ว สร้างช่วงสระแก้ว-อรัญประเทศ 51 กิโลเมตร และสายชลบุรี-นครปฐม ช่วงสระบุรี-สุพรรณบุรี-นครปฐม 158 กิโลเมตร<br /><br />ประชาชาติธุรกิจออนไลน์<br /><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-25811105296981547992016-03-17T02:23:00.002-07:002016-03-17T02:23:28.676-07:00【คุณแม่ที่ไม่ดุลูก】<div class="uiScaledImageContainer _4-ep" id="u_jsonp_10_1o" style="height: 394px; width: 268px;">
<img alt="Japan Gossip by เกตุวดี Marumura's photo." class="scaledImageFitWidth img" height="395" src="https://fbcdn-photos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/v/t1.0-0/s526x395/11822316_283803635123157_567147210308093397_n.jpg?oh=d31471cdbd60124f020be9b15cf8cc38&oe=574DE1BA&__gda__=1464542013_90bbedbf85975cb31119b0ff642b3182" width="268" /></div>
<div class="mtm _5pcm">
<span class="_1nb_ fwn fcg" data-ft="{"tn":"C"}"><span class="fwb" data-ft="{"tn":"k"}"><a href="https://www.facebook.com/japangossip/photos/a.272638936239627.1073741828.272385739598280/283803635123157/?type=3&fref=nf">Japan Gossip by เกตุวดี Marumura</a></span></span><div class="_5pcp">
<span><span class="fsm fwn fcg"><a ajaxify="/japangossip/photos/a.272638936239627.1073741828.272385739598280/283803635123157/?type=3&size=700%2C1028&fbid=283803635123157&source=12&player_origin=profile" class="_5pcq" href="https://www.facebook.com/japangossip/photos/a.272638936239627.1073741828.272385739598280/283803635123157/?type=3" rel="theater" target=""><abbr class="_5ptz" data-shorten="1" data-utime="1438266900" title="Thursday, July 30, 2015 at 7:35am"><span class="timestampContent">July 30, 2015</span></abbr></a></span></span><span aria-hidden="true" role="presentation"> · </span><a class="uiStreamPrivacy inlineBlock fbStreamPrivacy fbPrivacyAudienceIndicator _5pcq" data-hover="tooltip" data-tooltip-content="Public" href="https://www.facebook.com/naritcha.t#" role="button"><i class="lock img sp_Qg5nf0MIyzn sx_194c38"></i></a></div>
<div class="mtm _5pco" data-ft="{"tn":"K"}">
<div class="text_exposed_root text_exposed" id="id_56ea76c2e12162581059507">
【คุณแม่ที่ไม่ดุลูก】<br />
สมัยเรียนมัธยม ซายากะจังเป็นสาวสุดซ่าตัวแสบประจำคลาส<br /> เธอเริ่มไปเรียนพิเศษกวดเข้ามหาวิทยาลัยตอนม.5<br /> เธอทำข้อสอบวัดทักษะความรู้ของโรงเรียนกวดวิ<span class="text_exposed_hide">...</span><span class="text_exposed_show">ชา<br /> ผลสอบคือ..... “ระดับความรู้เทียบเท่าชั้นป.4”</span><br />
<div class="text_exposed_show">
แต่ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง<br />
เด็กม.5 สติปัญญาป.4 คนนี้ สอบเข้ามหาวิทยาลัยเคโอ<br /> ... ม.เอกชนที่สอบเข้ายากที่สุดในญี่ปุ่นได้สำเร็จ<br />
ผู้อยู่เบื้องหลังปาฏิหาริย์ของเธอ คือ ครูสอนพิเศษ และ “ก้าจัง”<br /> วันนี้ ดิฉันขอเล่าถึง “ก้าจัง” ค่ะ<br /> +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++<br /> “ก้าจัง(*)” หรือ คุณแม่ของซายากะจัง มีลูก 3 คน<br /> คือ ซายากะ...ลูกสาวคนโต ลูกสาวคนรอง และลูกชาย<br />
ตอนเด็กๆ ซายากะจังโดนเพื่อนแกล้ง<br /> ก้าจังบุกไปถึงโรงเรียนเพื่อพบครู<br />
คุณครูอธิบายว่า <br /> “การแกล้งกันในโรงเรียนประถมเป็นเรื่องปกติ โรงเรียนไหนๆ ก็มี<br /> เด็กๆ ย่านนี้ก็ซนๆ กันทั้งนั้น เราไม่สามารถดูแลเด็กทุกคนได้หรอกครับ”<br />
วันนั้น ก้าจังให้ลูกลาออกและย้ายโรงเรียนทันที<br />
พอขึ้นชั้นมัธยม ซายากะจังเริ่มแต่งหน้า ย้อมผม <br /> ใส่ชุดผิดระเบียบ ไม่เข้าเรียน<br /> ครูบางคนถึงกับด่าเธอว่า “นักเรียนอย่างเธอมันคือขยะชัดๆ”<br />
ก้าจังโดนโรงเรียนเรียกไปพบอยู่บ่อยๆ<br /> เธอก้มศีรษะขอโทษ แต่ขณะเดียวกัน ก็พร่ำบอกครูว่า<br />
“ลูกดิฉันเป็นเด็กดีค่ะ <br /> โปรดอย่าตัดสินเด็กว่าเป็นเด็กดีหรือเลวแค่ที่เครื่องแบบ<br /> หรือคะแนนสอบสิคะ”<br />
สถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้น ตอนที่ซายากะถูกครูจับได้ว่า สูบบุหรี่<br />
ครูเรียกเธอมาพบที่ห้อง และขู่ว่า<br /> “ซายากะ...สารภาพมาซะดีๆ มีใครไปสูบกับเธออีกบ้าง <br /> ถ้าเธอสารภาพ โรงเรียนจะลดโทษให้”<br />
ซายากะปกป้องเพื่อนโดยการปิดปากเงียบ<br />
พอก้าจังมาพบฝ่ายปกครอง เธอบอกทางโรงเรียนว่า<br />
“การให้เด็กนักเรียนขายเพื่อนตัวเอง <br /> เป็นนโยบายการศึกษาของทางโรงเรียนเหรอคะ<br /> ถ้าอย่างนั้น ครูจะไล่ลูกดิฉันออกก็เชิญค่ะ<br /> แต่ดิฉันภูมิใจในตัวลูกสาวดิฉันมาก”<br />
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++<br /> คนในสังคมอาจมองก้าจังว่า เป็นแม่ที่ “ตามใจลูกเหลือเกิน”<br /> แต่ก้าจังมองว่า <br /> เธอจะทำทุกวิธีเพื่อให้ลูกรู้ว่า<br /> เธออยู่ข้างๆ พวกเขา พร้อมปกป้องพวกเขา<br />
เวลาลูกทำดี เธอจะชมเสมอๆ<br /> เวลาลูกทำผิด เธอไม่ดุด่า<br /> แต่จะค่อยๆ สอน ค่อยๆ บอกให้เขารู้<br /> แยกให้ออกระหว่าง "การเตือน" กับ "การดุด่าโดยใช้อารมณ์"<br />
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++<br /> “กำเนิดก้าจัง”<br />
ตอนเด็กๆ คุณแม่เลี้ยงก้าจังแบบเข้มงวดมาก<br /> แม่อยากให้เธอเป็นกุลสตรี มารยาทดี ทำงานบ้านเก่ง <br /> จะได้แต่งงานไปมีชีวิตดีๆ มีความสุข<br />
แม่ดุและบ่นก้าจังตลอดเวลา<br /> “ล้างจานไม่ได้เรื่อง ต้มผักแย่”<br />
เธอรู้ว่าแม่อยากให้เธอได้ดี แต่เธอก็ทรมาน<br /> เธอคิดเสมอๆ ว่า “ฉันมันเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลย”<br /> ความมั่นใจในตัวเองของเธอสลายไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้<br />
นอกจากนี้ ตอนเด็กๆ ก้าจังเห็นแม่โดนพี่น้องมาขอเงินอยู่บ่อยๆ<br /> พี่สาวแม่ เรียนจบมหาลัยชื่อดัง หน้าตาสะสวย ได้แต่งงานกับคนรวย<br /> แต่เธอใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย จนทำให้สามีล้มละลาย<br />
ส่วนน้องชายแม่ เคยเป็นนักเบสบอลตัวเอกของทีม <br /> และฝันอยากไปทีมชาติ แต่พอล้มเหลว<br /> ก็กลายเป็นคนที่ไม่เอาการเอางานและติดการพนัน<br />
“หน้าตาสะสวย” “เรียนจบม.ชื่อดัง” “ตำแหน่งดังๆ”<br /> ไม่ได้ทำให้คนมีความสุขเลย<br />
เมื่อมีลูก เธอจึงอยากให้ลูกรักตัวเอง <br /> ไม่ได้เกลียดตัวเองเหมือนที่เธอเคยเป็น<br />
เธออยากให้ลูกๆ เป็นเด็กที่มีความสุขที่สุด <br /> ไม่ใช่เด็กที่เรียนเก่งที่สุด หรือรวยที่สุด<br />
เพราะฉะนั้น ถ้าลูกไม่ไปโรงเรียน เธอไม่โมโห ไม่บังคับให้เชื่อฟังครู<br /> แต่จะถามเหตุผลว่า ทำไมไม่อยากไป<br />
ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป<br /> พอเด็กรู้สึกสบายใจ เดี๋ยวเด็กก็เริ่มอยากไปเอง<br /> ถึงตอนนั้น เธอก็จะชมและให้กำลังใจเขา คอยอยู่เคียงข้างเขา<br /> +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++<br /> “ลูกชายกับพ่อ”<br />
คุณพ่อซายากะรับไม่ได้ที่ก้าจังเลี้ยงลูกสาวคนโตและคนรอง<br /> แบบให้อิสระขนาดนี้<br /> พ่อยื่นคำขาดว่า เธอดูลูกสาวของเธอไป ส่วนฉันจะดูแลลูกชายเอง<br />
พ่อฝันอยากให้ลูกชายเป็นนักกีฬาเบสบอลทีมชาติ<br /> แกฝึกลูกชายอย่างหนักตั้งแต่เล็กๆ<br /> ทุ่มเทฝึก สั่งสอน อบรม<br /> พ่อไม่เคยซื้อของขวัญอะไรให้ลูกสาวเลย<br /> แต่กลับซื้อรองเท้ากีฬาและถุงมือเบสบอลที่ดีที่สุดให้ลูกชาย<br />
ความฝันและความทุ่มเทของพ่อ <br /> กลับกลายเป็นแรงกดดันอันหนักอึ้งบนไหล่ลูกชาย<br />
สุดท้าย ตอนม.ปลาย ลูกชายรับแรงกดนั้นไม่ไหว<br /> เขาเกลียดเบสบอลจนขอลาออกจากชมรม และไม่กลับไปอีกเลย<br /> +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++<br /> “ลูกสาวกับแม่”<br />
พ่อเลี้ยงดูลูกชายแบบเข้มงวด แต่แม่กลับเลี้ยงดูแบบปล่อยอิสระ<br /> วิธีหว่านพืชต่างกัน ผลที่งอกงามก็ต่างกัน<br />
+ตอนซายากะถูกครูจับเรื่องมีบุหรี่<br /> เธอเห็นแม่ก้มหัวขอโทษทั้งน้ำตา แต่ก็ยังปกป้องเธอ และภูมิใจในเธอ<br /> เธอรู้สึกผิดและตัดสินใจเลิกบุหรี่ตั้งแต่วันนั้น...<br />
+ตอนที่ถูกพักการเรียน ก้าจังเดินมาถามว่า <br /> สนใจไปเรียนพิเศษสักนิดไหม ลองไปฟังก่อนนิดนึงก็ได้<br /> ซายากะเชื่อว่าแม่อยู่เคียงข้างเธอเสมอ ทำเพื่อเธอเสมอ <br /> จึงเชื่อฟังคำแนะนำของแม่ ....ยอมไปเรียน<br /> (จนได้พบกับครูสอนพิเศษที่เปลี่ยนชีวิตเธอ ไว้จะเล่าให้ฟังค่ะ)<br />
+ ตอนก้าจังไปขอเงินพ่อเพื่อส่งลูกเรียนพิเศษ<br /> พ่อของซายากะเห็นความเหลวไหลของลูกสาว <br /> แถมมองว่า ภรรยาโดนครูสอนพิเศษหลอก<br /> อย่างซายากะเหรอจะเข้าม.เคโอ ไม่มีทาง....<br />
แต่ก้าจังที่อยู่เคียงข้างลูกมาตลอด กลับเชื่อมั่นในตัวลูก<br /> เมื่อคุณพ่อก็ปฏิเสธ ไม่ยอมออกเงินค่าเรียนพิเศษ<br /> ก้าจังเลยไปทำงานพิเศษเพื่อหาเงินส่งลูกเรียนเอง<br />
+ตอนซายากะลองทำข้อสอบวัดผล แล้วได้คะแนนต่ำกว่าที่คิดไว้เยอะ<br /> เธอคิดจะเลิกสอบเข้าม.เคโอ..มันเป็นไปไม่ได้<br />
เมื่อก้าจังได้ยินลูกสาวพูด <br /> เธอบอกว่า “ถ้าเหนื่อย ก็พอเถอะลูก”<br /> แต่ประโยคนั้น กลับทำให้ซายากะฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง<br />
ซายากะยังจำซองใส่ปึกธนบัตรหนาเตอะที่เป็นค่าเรียนพิเศษได้<br /> ธนบัตรปึกนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของแม่<br />
ก้าจังทำเพื่อเธอมาตลอดชีวิต เธอก็เลยอยากทำเพื่อก้าจังบ้าง<br /> อยากให้ก้าจังดีใจที่เธอสอบเข้าได้<br />
...และเธอทำสำเร็จ<br /> +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++<br /> ในฐานะอาจารย์คนหนึ่ง<br /> ดิฉันคงไม่ค่อยปลื้มเด็กแบบซายากะจังเท่าไร<br /> แต่งตัวทำผมแบบนั้น...แถมยังโดดเรียนอีก<br />
แต่พอคิดดีๆ ...ดิฉันก็เกิดคำถามกับตัวเอง<br />
ใครที่ทำให้เด็กคนนี้ต่อต้านโรงเรียน<br /> ถ้าเด็กคนนี้เหลวไหลจริง แต่ทำไมเธอถึงกลับมาทุ่มเทอ่านหนังสือสอบ<br /> จนเข้ามหาลัยได้<br />
ตอนติวสอบเข้า ซายากะตัดสินใจเลิกแต่งหน้า เลิกย้อมผม<br /> เอากรรไกรมาตัดผมตัวเองให้สั้นกุด <br /> จะได้เอาเวลาไปดูหนังสือ ไม่ต้องแต่งตัวอีก <br /> หน้าตาน่าเกลียดๆ อย่างนี้ดีแล้ว จะได้ไม่กล้าไปเที่ยวกับเพื่อน<br /> ไม่มีใครบอกให้เธอทำอย่างนั้น<br /> เด็กคนนี้คิดเอง ทำเอง <br />
ความรักและวิธีสอนลูกแบบก้าจัง<br /> แม้จะสร้างเด็กที่ดูภายนอกเหมือนเป็นเด็กแบบไม่เอาถ่าน<br />
แต่จริงๆ แล้ว ก็เป็นเด็กที่มีน้ำใจ อ่อนโยน และคิดถึงผู้อื่น โดยเฉพาะแม่<br />
คำชม แทนที่ คำด่า<br /> เหตุผล แทนที่ อารมณ์<br /> การให้อิสระ แทนที่ การยัดเยียดความต้องการของพ่อแม่<br />
ความเชื่อมั่นในตัวลูก <br /> ความเชื่อมั่นในความรักที่ให้ลูก <br /> และความเชื่อมั่นว่าลูกรับรู้ความรักตนเองได้<br />
นี่คือวิธีการสอนลูกแบบก้าจังค่ะ<br />
<a class="profileLink" data-hovercard="/ajax/hovercard/page.php?id=272385739598280" href="https://www.facebook.com/japangossip/">Japan Gossip by เกตุวดี Marumura</a><br />
===================================================<br />
หมายเหตุ: จริงๆ ซายากะเรียกคุณแม่ว่า “อ้าจัง” ไม่ใช่ “ก้าจัง” แต่พอเขียนเป็นภาษาไทยแล้วดูตลก ไม่เหมือนชื่อเรียก เกรงว่า ผู้อ่านจะสับสน จึงขออนุญาตใช้คำว่า “ก้าจัง” ซึ่งมาจากคำว่า “โอก้าซัง” ที่แปลว่า "แม่" ในบทความค่ะ<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
</div>
</div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-44453932815130369372016-03-17T02:22:00.003-07:002016-03-17T02:22:50.076-07:00การลงทุนคอน...โดให้เช่า เป็นอะไรที่ได้รับความสนใจมากทีเดียว<div class="text_exposed_root text_exposed" id="id_56ea76c2e15008856363703">
<span class="mbs fwn fcg" data-ft="{"tn":"C"}"><span class="fwb" data-ft="{"tn":"k"}"><a href="https://www.facebook.com/Financegeek/posts/1199983440017751?fref=nf">Finance Geek</a></span></span><br />
<span class="mbs fwn fcg" data-ft="{"tn":"C"}"><span class="fwb" data-ft="{"tn":"k"}"><br /></span></span>
เนื่องจากตลาดการเงินที่ค่อนข้างจะผันผวนในปีนี้นะคะ เราจะเห็นว่านักลงทุนเริ่มที่จะให้ความสนใจในการลงทุนทางเลือกมากขึ้น เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์<br />
การลงทุนคอน<span class="text_exposed_hide">...</span><span class="text_exposed_show">โดให้เช่า เป็นอะไรที่ได้รับความสนใจมากทีเดียว โดยแนวทางการลงทุนที่เป็นกระเสอยู่ตอนนี้คือ "การลงทุนคอนโดโดยไม่ใช่เงินตัวเองแม้แต่บาทเดียว" ซึ่งทำได้โดยกู้เงินเต็ม 100% ของมูลค่าคอนโดจากธนาคาร ไม่ต้องใช้เงินตัวเองดาวน์ และปล่อยคอนโดให้เช่า โดยค่าเช่าที่ได้รับจะต้องเท่ากับหรือมากกว่าเงินที่ต้องผ่อนธนาคารในแต่ละเดือน ฟังดูเป็นแนวคิดที่ดีเลยใช่ไหมคะ ทั้งไม่ต้องลงทุนเงินตัวเองเลย ไม่ต้องผ่อนธนาคาร ได้กำไรจากค่าเช่า แถมยังได้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อีก</span><br />
<div class="text_exposed_show">
วันนี้เลยอยากจะมาชี้ให้เห็นถึงมุมมองอีกด้านหนึ่งนะคะ ว่าการกู้เงินมาลงทุน หรือ เรียกว่าการใช้ Leverage มีความเสี่ยงอย่างมากที่ไม่เราไม่อาจมองข้ามได้ค่ะ อย่างผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่บริหารกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ยังต้องมีการจำกัดว่าสามารถกู้เงินมาลงทุนได้เป็นอัตราส่วนเท่าไหร่ของมูลค่าสินทรัพย์ (Loan-to-Value หรือ "LTV") ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 80% เช่น ถ้ามูลค่าคอนโดอยู่ที่ 1 ล้านบาท ก็จะกู้เงินมากที่สุดแค่ 8 แสนบาทเท่านั้น<br />
ทำไมถึงต้องกำหนดว่าจะใช้ Leverage ได้เท่าไหร่ด้วยล่ะ?<br /> ที่ต้องกำหนดไว้ก็เพราะว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงในเวลาที่มูลค่าของสินทรัพย์ลดลง (Buffer) ลองมาดูตัวอย่างง่ายๆกันดีกว่าค่ะ สมมุติว่าเรามีเงิน 2 แสนบาท กู้เงิน 8 แสนบาท เพื่อมาซื้อคอนโดราคา 1 ล้านบาทนะคะ ในกรณีนี้เรามี Leverage Ratio ที่ 10:2 (หรือ 5:1) ซึ่งหมายถึง ในทุกๆ 10 บาทของมูลค่าสินทรัพย์ เราใช้เงินตัวเอง 2 บาท<br />
ถ้าเวลาหนึ่งปีผ่านไป ราคาคอนโดเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านบาท เราจะมองได้ว่า เราได้กำไร 10% ใช่ไหมคะ แต่จริงๆแล้วเราลงทุนเงินตัวเองแค่ 2 แสนบาทเท่านั้น แต่ได้กำไร 1 แสนบาท เท่ากับกำไร 50% เลย (ในกรณีนี้สมมุติง่ายๆว่าไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้นะคะ แต่ในชีวิตจริงแล้วเราต้องเสียดอกเบี้ย การคำนวณกำไรต้องหักลบจำนวนดอกเบี้ยที่เราเสียด้วยค่ะ) เราจะเห็นได้ว่าการกู้เงินมาลงทุนสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากเงินต้นของเราได้ทีเดียว (Leverage Enhance Return)<br />
แต่ถ้าในทางกลับกันล่ะ มูลค่าของคอนโดลดเป็น 9 แสนบาท เท่ากับ เราขาดทุน 50% จากเงินลงทุนเลยทีเดียว คิดง่ายๆได้โดย มูลค่าคอนโด 9 แสนบาท หักลบหนี้ 8 แสนบาท เหลือเป็นส่วนของเราแค่ 1 แสนบาท (ถ้าคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้เข้าไปอีก ก็คือขาดทุนมากกว่า 50% อีกค่ะ)<br />
คราวนี้เราลองกลับมาดูที่แผนการลงทุนโดยไม่ใช่เงินตัวเองเลยสักบาทเดียวนะคะ คอนโด 1 ล้านบาท หากมูลค่าลดลงเหลือ 9 แสนบาท นั่นหมายถึง เรามีเงินกู้ที่ต้องคืน 1 ล้านบาทรวมดอกเบี้ย ในขณะที่คอนโดมีมูลค่า 9 แสนบาทเท่านั้น ต่อให้เราขายคอนโดได้ เราก็ยังเข้าเนื้อตัวเองอย่างน้อยหนึ่งแสนบาท <br />
หลายๆคนอาจจะมองว่าถ้าเราไม่ขายคอนโดล่ะ เราก็ยังไม่ต้องรับรู้การขาดทุนนี้ (Unrealized Loss) ซึ่งก็ทำได้ค่ะ ถ้าเรายังมีผู้เช่าที่จ่ายเงินให้เราทุกเดือนไปผ่อนธนาคารได้ แต่ถ้าเกิดเราไม่มีผู้เช่าล่ะ กลายเป็นว่าเรามีมูลค่าหนี้ที่ต้องผ่อนชำระที่มากกว่ามูลค่าคอนโดของเราเสียอีก<br />
นี่คือตัวอย่างง่ายๆ และสมมุติว่าราคาคอนโดลงมาแค่ 10% เท่านั้นนะคะ ในช่วงเวลาวิกฤต Subprime ของอเมริกาที่ผ่านมาในช่วงปี 2007-2009 มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ได้ปรับตัวลงเกินกว่า 30% ทำให้ผู้กู้เงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะไม่ผ่อนต่อ และให้ธนาคารยึดอสังหาริมทรัพย์ไป เนื่องจากมูลค่าหนี้ที่มีสูงกว่ามูลค่าหลักทรัพย์มาก ผ่อนต่อไปก็ไม่คุ้ม เท่ากับว่าเงินที่เราผ่อนไปแล้วก็เสียไปฟรีๆ แถมคอนโดก็โดนธนาคารยึดอีก <br />
แต่ถ้าเราลงทุนเงินตัวเองสัก 4 แสนบาท ต่อให้ราคาคอนโดลดมา 30% เหลือ 7 แสนบาท เราก็มีภาระหนี้ที่ 6 แสนบาทรวมดอกเบี้ยเท่านั้น เราก็ยังอยากผ่อนต่อเพราะคอนโดมีมูลค่าสูงกว่าหนี้ที่เหลือ เราไม่อยากให้ธนาคารยึดคอนโดไป ถึงจะขาดทุนเงินดาวน์ไปแล้ว แต่เราไม่ได้มีหนี้มากกว่าสินทรัพย์ จะเห็นได้ว่าการลงทุนเงินตัวเองมากเท่าไหร่ เราก็จะมี Buffer รองรับการลดลงของมูลค่าคอนโดมากเท่านั้น<br />
ในขณะที่การไม่ลงทุนตัวเองสักบาทเดียว หากมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ลดลงแม้แต่นิดเดียว เราก็จะมีหนี้ทันทีนะคะ แทนที่จะเป็นการลงทุนที่ได้กำไร กลับมีหนี้เสียอีก เทียบกับการเล่นหุ้น (ที่ไม่ได้ Leverage หรือกู้เงินมาเล่นนะคะ) เราขาดทุนสูงสุดก็แค่มูลค่าพอร์ตเราเท่านั้น เราไม่ได้มีหนี้เพิ่ม Hedge Fund ที่โด่งดังในอดีตหลายกองที่ปิดตัวไปก็เพราะว่าการกู้เงินมาลงทุนอย่างมาก (Excessive Leverage) เมื่อผลการลงทุนไม่เป็นที่คาดหวัง ทำให้กองทุนมีหนี้มากมาย จนรัฐบาลต้องเข้ามาช่วยชำระหนี้ให้ก็มีค่ะ <br />
เพราะแบบนี้แหล่ะค่ะ ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพทั้งหลายถึงต้องมีการกำหนด LTV หรือ Leverage Ratio ในการจำกัดไม่ให้ใช้หนี้มากเกินไปในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์อะไรก็ตาม เพราะกู้เงินมามากเท่าไหร่ เมื่อผลการลงทุนไม่เป็นตามที่คาดหวัง ความเสียหายก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น (Leverage Multiply Loss)<br />
หวังว่าบทความนี้จะนำเสนอมุมมองอีกด้านให้กับผู้ลงทุนเรื่องการกู้เงินมาลงทุนนะคะ ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างดีไปหมด เป็นไปตามแผนทุกอย่าง การกู้เงินมาลงทุนจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้มากขึ้น แต่ถ้าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้น ตามคำกล่าวในวงการการเงินว่า "When the music stops" การกู้เงินมาลงทุนจะสร้างหนี้ให้เราอย่างมากค่ะ<br />
เพจ DD Healthymind ที่เป็นเพจที่ให้ความรู้ในเรื่องการลงทุนคอนโด ได้เคยพูดเรื่องการกู้เงินมาลงทุนไว้อย่างน่าสนใจเหมือนกันค่ะ <a href="https://www.facebook.com/DDhealthymind/posts/1641060196171750">https://www.facebook.com/DDhealthymind/posts/1641060196171750</a><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-70931565307094578142016-03-17T02:18:00.002-07:002016-03-17T02:18:41.881-07:00อย่าบอกว่าไม่มีเวลา! โซอี้สาวเก่งแอบทำวันละ 1 ชั่วโมงปั้นแบรนด์ผ้าพันคอเงินล้านออนไลน์ ส่งห้าง และส่งออก<img alt="" class="iewidthlimitimage" id="dominantimage" src="http://www.theceoblogger.com/wp-content/uploads/2015/05/s01-051-Copy-Copy.jpg" style="display: block; margin-left: auto; margin-right: auto; max-height: calc(6475px);" /><br />
<div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="author">
Paul Kridakorn</div>
<div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="metaData">
<a href="http://www.theceoblogger.com/ceo-1505002/" id="source" title="source">The CEO Blogger</a> <span id="metaDivider">|</span> <span class="__reading__mode__extracted__date" id="publishdate"></span> </div>
<div class="__reading__mode__mainbody" id="__reading__mode__mainbody__id">
<div id="htmlNonSecureZone">
<!-- Do not remove, see CFeedViewer::_IsElementInHTMLSecureZone --> <div class="__reading__mode__extracted__article__body" id="content">
ผมพบคุณโซอี้ <strong>ภญ. โสภา พิมพ์สิริพานิชย์</strong> ครั้งแรกในงานสัมมนา เขียนไม่กี่คำ ทำเงินกว่า รุ่น 7 ของพี่บอย วิสูตร ตอนนั้นคุณโซอี้ทำกิจกรรมขึ้นพูดบนเวทีและพูดเรื่องการแอบทำธุรกิจส่วนตัวเงียบๆ โดยที่ที่บ้านไม่รู้ แถมกำลังมีลูกอีกต่างหาก ทำไปเลี้ยงลูกไป หาฉากตั้งกล้องถ่ายรูปสินค้าเอง ทำสำเร็จเกิดธุรกิจมีสินค้าจำหน่ายในห้างและออนไลน์แถมส่งออกด้วย!<br />
เธออยากนำประสบการณ์มาเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในการเดินตามฝันและทำในสิ่งที่รักจึงมาเข้าคอร์สเขียนไม่กี่คำทำเงินกว่าของพี่บอย วิสูตร เพื่อเตรียมออกหนังสือ ตอนนั้นผมได้ฟังเพียงระยะเวลาสั้นๆก็รู้สึกได้แรงบันดาลใจไปด้วย และยิ่งมีโอกาสได้คุยก็ยิ่งทึ่งในความขยัน เพราะขนาดผมเป็นผู้ชายตัวคนเดียว เขียน Blog เล็กๆ คู่กับการผลิต Information products ซึ่งอยู่ในรูปแบบ ดิจิตอล ยังเหนื่อยเลย แต่คุณโซอี้เล่นผลิตสินค้าเป็นชิ้นเป็นอันยันส่งออก!<br />
วันนี้คุณโซอี้มีผลงานหนังสือออกมาเป็นที่เรียบร้อยชื่อ <strong>(แอบทำ) 1 ชั่วโมงต่อวัน ฝันเปลี่ยน สูตรสำเร็จเคล็ดสร้างล้าน</strong> แบ่งปันประสบการณสร้างธุรกิจติดวงเล็บว่า <strong>แอบทำ!</strong> ผมจึงขอพาคุณโซอี้มาเล่าให้ฟังว่าเป็นมาอย่างไรทำไมต้อง แอบ?<br />
<span style="color: grey;"><em>หมายเหตุ: ผมขออนุญาตไม่ปรับเปลี่ยนภาษาใดๆ ขอให้คงไว้เป็นเอกลักษณ์ภาษาพูดของผู้ให้สัมภาษณ์เพื่อความเป็นธรรมชาติครับ</em></span><br />
<strong><img alt="11212756_1614316205452173_7091489991342386642_n" class="ienolimitimage" height="350" sizes="(max-width: 350px) 100vw, 350px" src="http://www.theceoblogger.com/wp-content/uploads/2015/05/11212756_1614316205452173_7091489991342386642_n-300x300.jpg" style="display: block; float: left; margin-right: 20px; max-height: calc(2781px);" width="350" />1. คุณโซอี้แอบทำธุรกิจ ซึ่งคนจะทำธุรกิจออกจะน่าภูมิใจแต่ทำไมกรณีต้องแอบ? คุณโซอี้ช่วยเล่าให้ฟังแบบจัดเต็มให้หน่อยครับ</strong><br />
<div style="padding-left: 30px;">
การผจญภัยเล็กๆของโซอี้ เริ่มหลังจากการแต่งงานค่ะ<br /> เราเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เมื่อแต่งงานก็ต้องย้ายมาอยู่บ้านฝ่ายชาย<br /> บ้านสามีโซอี้ทำธุรกิจเป็นระบบกงสีขนาดใหญ่ค่ะ<br /> ป๊าม๊าบอกโซอี้เสมอว่า เราแต่งงานไป ห้ามอยู่บ้านเค้าเฉยๆ<br /> ต้องรู้จักทำมาหากิน อืม…</div>
<div style="padding-left: 30px;">
โชคดีที่ฝั่งบ้านสามี ให้ทุกคนทำงาน<br /> ตอนนั้นโซอี้สนุกกับการได้เรียนรู้งานใหม่ๆในกงสี<br /> หลังจากได้เรียนรู้ เราก็อยากจะสร้างผลงานบ้าง<br /> เพราะโซอี้เคยรู้สึก ”ตัวใหญ่” มาก่อน<br /> โซอี้เป็นพวกบ้าพลัง ชอบสร้างผลงานค่ะ</div>
<div style="padding-left: 30px;">
ตอนเป็นผู้แทนยา ก็เป็น Top sale<br /> ตอนช่วยที่บ้าน สร้างตึกก็เห็นตึก<br /> ซื้อที่ขายที่ ซื้อตึกขายตึกก็เห็นเงินก้อน<br /> มันเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆของโซอี้ค่ะ</div>
<div style="padding-left: 30px;">
แต่การสร้างผลงาน ทางบ้านสามีของโซอี้ มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิคะ<br /> ระบบกงสีที่บ้านสามี เค้าวางไว้ดีมาก<br /> แถมมีที่ปรึกษาที่ทรงคุณวุฒิ หลายท่าน<br /> โซอี้รู้สึกเลยว่าเรา”ตัวเล็ก”ทันที</div>
<div style="padding-left: 30px;">
หลังจากนั้นโซอี้เริ่มคิดว่า ถ้าอย่างนี้เราจะไม่ได้ใช้ศักยภาพของเราที่มีอยู่<br /> เพราะนานวันไปโซอี้ก็เริ่มรู้สึกเฉา<br /> โซอี้เลยคิดขึ้นมาว่า .. เราต้องสร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมาให้ได้ ฮึ๊บๆ<br /> แค่คิดก็สนุกแล้วค่ะ</div>
<div style="padding-left: 30px;">
แต่ตอนทำสิคะ …<br /> โซอี้มีงานหลักที่จะต้องทำ<br /> หลายคนคงทราบดี ถ้าเรามีงานเสริมด้วย<br /> อาจโดนเพ่งเล็งใช่มั้ยคะ ??</div>
<div style="padding-left: 30px;">
เหมือนกับถ้าคุณขายประกันเป็นงานเสริม<br /> แต่บอกหัวหน้าว่า ใช้เวลานอกเหนือจากเวลางาน<br /> คุณคิดว่า หัวหน้าจะเชื่อคุณมั้ย ??</div>
<div style="padding-left: 30px;">
อีกอย่างป๊าสามีเค้าเคยพูดว่า<br /> อย่าเสียเวลาไปทำอะไรที่มันเล็กๆ<br /> เพราะจะได้ไม่คุ้มค่าเหนื่อย<br /> เอาเวลามาช่วยกันทำธุรกิจในกงสีดีกว่า</div>
<div style="padding-left: 30px;">
และก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการที่โซอี้ต้อง “แอบทำ”</div>
<strong>2. คุณโซอี้ ทำงานให้ทั้งทางฝั่งสามี และทางบ้านตัวเอง แล้วยังมีลูก 1 คนและกำลังท้องอีก 1 คน แถมเรียนปริญญาโทไปด้วย เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการสร้างธุรกิจใหม่ อยากให้แชร์วิธีการบริหารเวลาตรงจุดนี้ครับ</strong><br />
<div style="padding-left: 30px;">
โซอี้แอบสร้างธุรกิจของตัวเองโดยไม่ให้คนอื่นรู้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต งานประจำทั้งทางบ้านฝั่งสามีและทางบ้านตัวเองต้องไม่มีปัญหา การเรียนต้องไม่กระทบ เลี้ยงลูกก็ต้องให้เวลาเต็มที่ โซอี้บริหารจัดการเวลาโดยแบ่งงานออกเป็น 4 กลุ่ม</div>
<div style="padding-left: 30px;">
1. สำคัญและเร่งด่วน<br /> 2. สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน<br /> 3. ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน<br /> 4. ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน</div>
<div style="padding-left: 60px;">
<strong>สำคัญและเร่งด่วน:</strong><br /> เป็นสิ่งที่จำเป็น และต้องทำทันที เช่นการแก้ไขปัญหางานต่างๆ พาลูกไปหาหมอ ต้องเติมน้ำมันเพราะหมดถังแล้ว ต้องจ่ายบิลค่าโทรศัพท์เพราะวันสุดท้าย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องทำทันทีไม่สามารถเลี่ยงได้ โซอี้พยายามบริหารจัดการงานต่างๆให้เกิดสิ่งนี้น้อยที่สุด เพราะถ้ามีมากจะทำให้ชีวิตวุ่นวาย กดดัน และยุ่งตลอดเวลา</div>
<div style="padding-left: 60px;">
<strong>สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน:</strong><br /> เป็นสิ่งสำคัญและสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ งานทุกอย่างที่โซอี้ต้องทำ โซอี้จะจัดตารางงานไว้ ทำเป็นข้อๆ และค่อยๆทำให้เสร็จ โซอี้ให้ความสำคัญกับงานกลุ่มนี้มาก ไม่ว่านัดประชุมกรรมการ ประชุมการขาย วางแผนการผลิต นัดคุยกับลูกค้า สอนการบ้านลูก พาลูกๆไปเที่ยว ตรวจความเรียบร้อยของอาคาร ออกกำลังกาย พวกนี้อยู่ในตารางนัดโซอี้ทั้งหมด และแน่นอน โซอี้เหลือเวลาเพียงพอที่จะนัดคุยกับโรงงานผู้ผลิต ประสานงานเพื่อนำเข้าผ้า นัดคุยกับคนออกแบบลายผ้า เพื่อสานฝันของโซอี้</div>
<div style="padding-left: 60px;">
<strong>ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน:</strong><br /> เป็นสิ่งที่จะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ซึ่งต้องเผชิญและต้องตัดสินใจในขณะนั้นทันที เช่น มีคนโทรศัพท์มาชวนทำบัตรเครดิต เพื่อนชวนทานข้าวด้วยตอนนี้ เพื่อนโทรถามทาง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งมาขัดจังหวะการใช้เวลาและขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในขณะนั้น ซึ่งส่งผลทำให้การใช้เวลามีประสิทธิภาพลดลง</div>
<div style="padding-left: 60px;">
<strong>ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน:</strong><br /> เป็นสิ่งที่ทำไปตามอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เช่น อ่านดราม่าในเฟสบุ๊ก เล่นเกมส์คุ้กกี้รัน นอนเพลิน ติดละคร โซอี้พยายามทำให้น้อยที่สุดเพราะรู้ว่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร</div>
<div style="padding-left: 60px;">
โซอี้แบ่งงานและให้ความสำคัญกับงานเรียงลำดับโดยเรียงจาก สำคัญและไม่เร่งด่วนเป็นอันดับแรก เพื่อที่จะไปลด สิ่งที่สำคัญและเร่งด่วน (เพราะทุกอย่างถ้าเราวางแผนไว้ดี ปัญหาเร่งด่วนจะไม่ตามมา) งานไม่สำคัญแต่เร่งด่วน เป็นสิ่งที่อยู่นอกแผน แต่ต้องเผชิญ และ สุดท้ายไม่สำคัญและไม่เร่งด่วนพยายามตัดออกไป ลองเอาไปใช้นะคะ รับรองว่าเวลาเหลืออื้อเลย</div>
<strong>3. อยากให้แชร์ความแตกต่างระหว่างการช่วยงานกงสี (งานประจำ) และวันที่เราเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเอง</strong><br />
<div style="padding-left: 30px;">
<strong>ธุรกิจกงสี (งานประจำ):</strong> เป็นทำงานร่วมกันหลายฝ่าย เพราะฉะนั้น การตัดสินใจจะตัดสินใจร่วมกัน<br /> ข้อดี คือมีโอกาสได้ฟังหลายๆความคิดเห็น ทำให้ได้มุมมองหลายมุมมอง แต่ความคล่องตัวในการปฏิบัติงานจะน้อยกว่า</div>
<div style="padding-left: 30px;">
<strong>ธุรกิจส่วนตัว:</strong> เนื่องจากเป็นธุรกิจของเราคนเดียว ทำให้ต้องตัดสินใจเอง และต้องเด็ดขาด การตัดสินใจคนเดียวอาจผิดพลาดได้บ้าง แต่เราจะมีอิสระทางความคิด และทำงานได้รวดเร็วกว่า มีความคล่องตัวมากกว่า</div>
<strong>4. หลายคนอยากประสบความสำเร็จ แต่มักมีข้ออ้างว่า ไม่มีเวลา และ ทำไม่เป็น อยากให้คุณโซอี้แชร์ความความเห็นเกี่ยวกับสองประโยคนี้ครับ</strong><br />
<div style="padding-left: 30px;">
<strong>ประเด็นแรก เรื่อง ”<em>ไม่มีเวลา</em>”</strong><br /> อันดับแรกคือ ต้องทบทวนตัวเองว่า ใน1วันเราใช้เวลาทำอะไรบ้าง ?</div>
<div style="padding-left: 30px;">
เช่น เช้าถึงเย็นทำงาน เย็นทานข้าวให้เวลากับครอบครัว บางคนก็บอกว่าหมดวันแล้ว ตอนกลางคืนขอพักบ้าง<br /> จริงๆแล้วก็ไม่ผิดนะคะ เราจะพักก็ได้ เราก็จะได้ชีวิตที่เหมือนเดิม หรือเหมือนกับคนทั่วไป<br /> แต่ถ้าเราอยากจะมีชีวิตที่เปลี่ยนไป เราก็ต้องเปลี่ยนแปลง</div>
<div style="padding-left: 30px;">
ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆค่ะ โซอี้ก็ต้องแลกเวลาในตอนกลางคืนของตัวเองที่จะได้พักผ่อน<br /> วันละเล็กละน้อย แต่ทำอย่างมีวินัย และสม่ำเสมอ เพื่อต่อเติมความฝันของเราให้ถึงเป้าหมาย</div>
<div style="padding-left: 30px;">
<strong>ประเด็นที่2 เรื่อง “<em>ทำไม่เป็น</em>”</strong><br /> ถ้าหมายถึง ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ คงหนีไม่พ้นที่จะต้องศึกษาเพิ่ม หรือค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่ม<br /> เพราะคงไม่มีใครรู้ทุกอย่างมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในวันที่โซอี้คิดจะทำธุรกิจผ้าพันคอ โซอี้ก็ไม่เคยมีความรู้เช่นกันค่ะ</div>
<div style="padding-left: 30px;">
ตอนนั้นก็โทรหาเพื่อนที่เค้าน่าจะรู้เรื่องนี้ และเริ่มหาข้อมูลต่างๆ เก็บเกี่ยวความรู้ทีละเล็ก ทีละน้อย<br /> แน่นอนค่ะ ตอนแรกที่ทำออกมามันไม่เพอร์เฟคหรอก แต่เราก็ค่อยๆแก้ไขปัญหาทีละจุด ทีละจุด<br /> และการที่ได้แก้ไขปัญหานี่แหละค่ะ ที่ทำให้เรามีความรู้ และทำเป็นมากขึ้น</div>
<div style="padding-left: 30px;">
บางคน รอที่จะต้องรู้ทุกอย่างให้ครบก่อนแล้วค่อยเริ่ม โซอี้ว่ามันเป็นไปได้ยากมากๆค่ะ<br /> เพราะความรู้นี่มันไม่มีวันสิ้นสุด พ่อโซอี้สอนมาตลอด ต้องลงมือทำก่อน จะได้รู้ว่าติดอะไรแล้วก็ค่อยๆแก้ไป<br /> ไม่ใช่รอให้รู้หมด แล้วค่อยลงมือทำ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ทำสักที คุณว่ามั้ยคะ ?</div>
<strong><a href="http://www.theceoblogger.com/wp-content/uploads/2015/05/18211_458951334256169_3053158418973170911_n.jpg"><img alt="18211_458951334256169_3053158418973170911_n" class="ienolimitimage" src="http://www.theceoblogger.com/wp-content/uploads/2015/05/18211_458951334256169_3053158418973170911_n-211x300.jpg" style="display: block; float: left; margin-right: 20px; max-height: calc(2781px);" /></a>5. ประโยชน์ที่ผู้อ่านจะได้รับจากหนังสือ (แอบทำ) 1 ชั่วโมงต่อวัน ฝันเปลี่ยน สูตรสำเร็จเคล็ดสร้างล้าน? และสามารถหาซื้อได้ที่ไหน? </strong><br />
<div style="padding-left: 30px;">
หนังสือเล่มนี้ เหมาะกับใครก็ตามที่อยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง (ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจผ้าพันคอ) ไม่ว่าปัจจุบันจะทำงานประจำอยู่ หรือทำงานส่วนตัวอยู่แล้วก็ตามค่ะ</div>
<div style="padding-left: 30px;">
เพราะในเล่มนี้ บอกตั้งแต่วิธีค้นหาธุรกิจที่เหมาะกับตัวเอง การจัดเวลาแบบแอบทำ เทคนิคการแอบทำ ถ้าคุณอยากที่จะทำธุรกิจ แบบคนน้อย เวลาน้อย และทุนน้อย จะต้องทำอย่างไร</div>
<div style="padding-left: 30px;">
วิธีการขายของออนไลน์ การนำสินค้าเข้าห้าง รวมถึงการส่งออก ซึ่งถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงๆของโซอี้ ที่ทำแล้วได้ผลและนำมาบอกต่อ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเรื่องเล่าวิธีการคิด และวิธีการทำของโซอี้ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือ เรื่องเล่า+how to ที่นำไปปฏิบัติได้จริง</div>
<strong>หากท่านใดสนใจหาซื้อหนังสือเล่มนี้ได้ที่ร้าน SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Line ID : @hizoe ครับ</strong><br />
<strong>ประวัติส่วนตัว</strong><br />
โซอี้ ภญ.โสภา พิมพ์สิริพานิชย์<br /> กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส ซี แอล อินโนเวชั่น จำกัด<br /> ผู้ก่อตั้งแบรนด์ โซอี้สคาร์ฟ<br /><br /><br /> ติดตามบทความไอเดีย+แรงบันดาลใจในสร้างธุรกิจได้ที่<br /><br /> Official Line ID : @hizoe<br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 756px;">
<img class="iewidthlimitimage" src="http://www.theceoblogger.com/wp-content/uploads/2015/05/line3.jpg" style="display: block; max-height: calc(2781px);" /></div>
</div>
</div>
</div>
<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike><br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-11105437385439374392016-02-18T04:54:00.002-08:002016-02-18T04:54:25.901-08:00เส้นลายมือ เศรษฐี 100 ล้าน มาดูกันเร็ว<img height="360" src="http://p2.s1sf.com/ho/0/ud/18/91923/hand.jpg" width="600" /><br />ภาพลายมือหลักทรัพย์ ลายมือคนรวย ที่นำมาแสดงไว้ด้านบนนี้ เป็นเพียง 1 แบบตัวอย่างของมือคนที่่รวย หากไม่ได้เกิดมารวยตั้งแต่ต้น ก็จะมีโอกาสที่จะสร้างตัวเองให้ร่ำรวยได้ด้วยเส้นลายมือดังการวิเคราะห์ต่อไปนี้ (ทั้งหมด 7 ตำแหน่ง)<br />
หมายเลข 1 เส้นชีวิต จะเห็นว่าเส้นชีวิตมีปลายแยกออกบ่งบอกว่าในสุดท้ายชีวิตมั่นคงด้วยทรัพย์สินเงิน<a class="a-default" href="http://money.sanook.com/economic/goldrate/" target="_blank" title="ทอง">ทอง</a>และมีเส้นจากเส้นวาสนามาสัมผัสกับเส้นชีวิต หรือจะมองว่ามีเส้นแยกจากเส้นชีวิตไปรวมกับต้นเส้นวาสนาก็ได้และเส้นวาสนาแยกเป็นสามง่ามคล้ายกับต้นไม้แตกกิ่งก้าน เส้นวาสนาแบบนี้จะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยมีรายได้จากหลายทางสามรถทำงานหรือประกอบอาชีพได้หลายอย่างพร้อม ๆกัน จึงทำให้มีรายได้มาก มีความมั่นคงกับการทำมาหาได้<br />
หมายเลข2 <br />เส้นสมองเกิดห่างจากเส้นชีวิตพอประมาณ ไม่ห่างมากเกินไป และเส้นสมองมีลักษณะดีมากคือเส้นคมชัดไม่แตกไม่เป็นเกาะ เส้นยาวพอประมาณ ทิศทางปลายเส้นเข้าแนวอังคารสูง แสดงถึงสมองที่มีคุณภาพ เป็นนักคิด นักวางแผนที่ดี และกล้าได้กล้าเสียแต่ก็มีเหตุผลเพียงพอ กล้าตัดสินใจด้วยความเหมาะสมและทันต่อเวลาและสถานการณ์ (หากเส้นสมองเกิดรวมกันเส้นชีวิตลึกเข้ามาในมือ จะเป็นคนที่ลังเลขาดความเชื่อมั่นหรือขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าที่ควร และไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ )<br />
หมายเลข3 เส้นใจหรือจิตใจ เป็นเส้นที่คมชัด ไม่แตก ไม่เป็นโซ่ ไม่มีเกาะ ยาวเข้าเนินพฤหัส(ใต้นิ้วชี้) แสดงถึงจิตใจที่มั่นคงมีความตั้งใจในสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วจะทำให้ได้และมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จ เป็นคนมีคุณธรรมสูง จิตใจดีงามและมักจะได้รับความสุขความสำเร็จในชีวิตรักและครอบครัวเป็นอย่างดี ความรักลงตัว ครอบครัวดีจะเป็นพื้นฐานของความสำเร็จอีกหลาย ๆ อย่างตามมา ปลายเส้นใจแยกออกเล็กน้อย หมายถึงความพอเหมาะพอดีในเรื่องการใช้เหตุผลควบคุม ในขณะที่มีความเห็นอกเห็นใจหรือเข้าใจในอารมณ์ของคนอื่น รวมถึงเป็นคนให้ความสำคัญกับคำว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศ<br />
หมายเลข4 เส้นวาสนา ยาวตรงถึงเนินเสาร์ ในมือนี้เส้นวาสนา (หมายเลข 1) คือเส้นเดียวกันเป็นเส้นที่ยาวต่อเนื่อง ไม่ขาดตอนหรือมีเส้นตัด จะมีแผ่วบางลงบ้างช่วงระหว่างเส้นสมองกับเส้นจิตใจ เส้นวาสนายาวต่อเนื่องแสดงว่าการประกอบอาชีพ หรือธุรกิจหน้าที่การงานมีความต่อเนื่อง ไม่สะดุด ไม่มีอุปสรรค จะมีบ้างช่วงที่เส้นจางหรือบางลง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะเส้นไม่ขาดหรือเปลี่ยนตำแหน่ง แสดงว่ามีปัญหาก็แก้ไขได้ คนที่มีเส้นวาสนาดีเข้าไปสิ้นสุดที่ใต้โคนนิ้วกลาง บริเวณเนินเสาร์ และเนินเสาร์ก็ต้องเต็มมีความกว้างได้มาตรฐาน(ไม่แฟบหรือสูงเกินไป วัดระยะจากเส้นรัดข้อนิ้วกล่างล่างสุดถึงเส้นสมองไม่ต่ำกว่า 25 มม.)ก็จะมีหลักทรัพย์ หรือมีทรัพย์สินเงินทองมั่นคงได้อย่างแน่นอน (ดูเนินหลักทรัพย์ที่บริเวณเนินศุกร์ประกอบด้วย)<br />
หมายเลข5 เส้นอาทิตย์หรือเส้นสำคัญ เกิดใต้นิ้วนางบริเวณเนินอาทิตย์ เส้นอาทิตย์เป็นพี่เลี้ยงหรือส่งเสริมเส้นวาสนา เส้นนี้เกิดขึ้นจากที่ใดก็ได้ปลายเส้นวิ่งเข้าเนินอาทิตย์ เนินอาทิตย์ที่สมบูรณ์และได้มาตรฐานคือวัดจากเส้นรัดข้อนิ้วนางลางสุดถึงเส้นใจมีระยะไม่น้อยกว่า 30 มม. เนินไม่แฟบแบนและไม่แคบเกินไป จะส่งเสริมเส้นอาทิตย์ จากภาพที่นำมานี้เส้นอาทิตย์เกิดขึ้นจากเส้นจิตใจ แสดงว่าเจ้าของมือมีความปรารถนาที่จะมีชื่อเสียงเงินทอง หรือมีความเด่นดังและสามารถทำได้ ด้วยได้รับอิทธิพลจากเส้นอาทิตย์นี้ซึ่งเป็นเส้นที่สวย ตั้งตรงไม่มีเส้นตัด คนที่มีเส้นอาทิตย์จะทำให้ชีวิตเดินเข้าสู่เป้าหมายได้เร็วกว่าคนอื่น คือมีตัวช่วย มีพลังพิเศษมาสนับสนุน เส้นอาทิตย์เปรียบได้กับดวงอาทิตย์ คือมีแสงสว่างในตัวเองและให้แสงสว่างแก่สรรพสิ่งอื่น ๆ ด้วย หรือหากจะมองแบบดาวในมือท่านก็เปรียบเป็นสิงโตผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่สัตว์ คือเจ้าของมือจะมีความกล้าหาญ มีความรอบรู้ ฉลาด และมีพลัง จึงทำให้พิชิตเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว คนที่มีชื่อเสียงเด่นดังทุก ๆ คนจะมีเส้นอาทิตย์ที่สวยงามเสมอ<br />
หมายเลข6 เส้นพุธ เป็นเส้นที่ส่งเสริมเส้นอาทิตย์ด้วย เป็นเส้นที่่สื่อถึงการเจรจา การใช้วาทะศิลป์ ความเฉลี่ยวฉลาด ความมีเหตุผลและความซับซ้อนในมิติการคิดอ่าน การเข้าถึงจิตใจของบุคคลอื่น การมีสัมผัสที่ 6 การการมีสุขภาพที่ดีหรือรู้จักดูแลใส่ใจหรือให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ จึงเป็นคนที่มีสุขภาพดี และแจ่มใสอยู่เสมอ<br />
หมายเลข7 เส้นจิตใจที่มีปลายแยกออกเป็นง่ามหรือปากซ่อม หมายถึงความเข้าถึงจิตใจคนอื่น เป็นนักปกครอง หรือบริหารจัดการได้ดีเยี่ยม รู้จักเข้ากับคนอื่น ๆ รู้วิธีแก้ปัญหาเรื่องคนได้อย่างดีเยี่ยม ตรงนี้คือลักษณะเด่นอีกหนึ่งประการของการเป็นผู้นำหรือเจ้าของกิจการจำเป็นที่จะต้องมี และอีกหนึ่งความหมายของปลายแยกเข้าสู่ใกล้ใต้โคนนิ้วชี้คือเกียรติยศ เป็นคนมีจิตใจรักเกียรติรักศักดิ์ศรี จึงหาวิธีหรือช่องทางเพื่อความมั่นคงและมีศักดิ์ศรีในสังคมเพิ่มเติมจากความร่ำรวยมีเงินทองแล้ว<br />
สรุปนะครับว่าการที่จะเป็นคนรวยได้นั้นต้องมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างประกอบกัน แต่ก็ใช่ว่าจะต้องมีครบทุกองค์ประกอบ บางคนเส้นชีวิตดี สุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยประกอบกับเส้นสมองดีก็รวยได้แต่จะรวยมากสู้กับคนที่มีวาสนาดีและเส้นอาทิตย์ดีคงจะไม่ใช่ บางคนเกิดมาไม่รวย เส้นสมองดี เส้นจิตใจดีก็อาจได้ทุนเรียนและมีโอกาสร่ำรวยได้เช่นกัน แต่ก็ต้องดูุเส้นวาสนาและเส้นอาทิตย์ประกอบ เส้นวาสนาคือเส้นทีจะส่งผลเรื่องการงาน อาชีพ การดำเนินชีวิต เส้นอาทิตย์จะส่งเสริมเรื่องโอกาส ความเฉลียวฉลาด ความมีชื่อเสียงและโด่งดัง อย่างไรก็ตาม จะดูลายมือเพียงเส้นหนึ่งเส้นใด หรือตำแหน่งใด ๆ เพียงลำพังไม่ได้ ต้องดูประกอบกัน เพราะแต่ละคนก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันไป ดังนั้นผู้ที่เป็นนักพยากรณ์ลายมือที่มีประสบการณ์หรือมีความชำนาญพอก็ย่อมบอกได้ว่าท่านจะรวยหรือไม่ เริ่มต้นรวยเมื่อใด สุดท้ายในอนาคต หรือบั้นปลายชีวิตจะมั่นคงหรือร่ำรวยมากน้อยเพียงใด แต่ถ้าคุณมีเส้นทุกเส้นครบ แต่ไม่สร้างอะไรเลย มันจะรวยได้อย่างไร??<br />
<br />
http://horoscope.sanook.com/91923/<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-32875281558606722592016-02-18T04:53:00.002-08:002016-02-18T04:53:47.910-08:00ดีลตรง "70ธุรกิจยักษ์" ทั่วโลก สิทธิพิเศษรายตัวบูม 10 อุตฯอนาคต<span style="font-family: tahoma;"><div class="updated">
updated: 28 พ.ย. 2558 เวลา 10:30:59 น.</div>
<div class="author">
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์<b>รั</b></div>
</span><br />
<b><span style="font-family: tahoma;">ฐกางสูตรส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ให้สิทธิพิเศษภาษี-ถือครองที่ดิน 99 ปี ดีลตรงต่างชาติ 70 บริษัทต่อยอดอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่-อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ-ท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี-เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ-การแปรรูปอาหาร ดัน 5 กลุ่มใหม่ ยึดโมเดลชายฝั่งทะเลตะวันออกเป็นต้นแบบ เอกชนขานรับ<br /></span></b>แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากที่รัฐบาลได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยมุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) การเร่งรัดเบิกจ่ายโครงการลงทุนภาครัฐ การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งช่วยเหลือภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และคนซื้อบ้าน ซึ่งหลายมาตรการเริ่มปรากฏผลทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ<br /><br /><img src="http://www.prachachat.net/online/2015/11/14486292601448629294l.jpg" /><br /><br />ล่าสุด กระทรวงเสาหลักด้านเศรษฐกิจ 7 กระทรวงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามนโยบายระยะยาวเพื่อสร้างอนาคตของประเทศไทย ที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเร่งขับเคลื่อนผลักดันด้วยการปรับโครงสร้างด้านการผลิตทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการบริการ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการรับฟังความคิดเห็นและการให้ข้อเสนอแนะโดยนักลงทุนและเจ้าของเทคโนโลยีสำคัญทั่วโลกกว่า 70 ราย นำมากำหนดแผนและนโยบายในการส่งเสริมการลงทุน "อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่อนาคต"<br /><br /><b>ชูธง 10 อุตฯเป้าหมาย</b><br /><br />เป็นเหมือนคู่มือแนะนำและดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย ประกอบด้วย 1.การต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม (First S-Curve) ได้แก่ 1.1 อุตฯยานยนต์สมัยใหม่ (Next-generation Automotive) 1.2. อุตฯอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) 1.3.อุตฯการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affuent, Medical and Wellness Tourism) <br /><br />1.4 การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology) และ 1.5 อุตฯการแปรรูปอาหาร (Food for the Future) <br /><br />2.เพิ่ม 5 อุตฯอนาคต (New-S-Curve) ซึ่งเป็นอุตฯใหม่ที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันและมีผู้สนใจลงทุน ได้แก่ 2.1 อุตฯหุ่นยนต์ (Robotics) 2.2 อุตฯการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics) 2.3 อุตฯเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) 2.4 อุตฯดิจิทัล (Digital) และ 2.5 อุตฯการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)<br /><br /><b>เปิดพื้นที่ส่งเสริมอุตฯอนาคตไทย</b><br /><br />แนวทางพัฒนาระยะสั้น-ปานกลาง จะยกระดับอุตฯเดิม 5 อุตฯเป้าหมายที่เป็น First S-Curve เพื่อต่อยอดการเจริญเติบโต ระยะยาว พัฒนาอุตฯแห่งอนาคต 5 อุตฯเป้าหมาย หรือ New-S-Curve เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยแบบก้าวกระโดด โดยในส่วนของอุตฯอนาคตกำหนดพื้นที่ส่งเสริมการลงทุนดังนี้ อุตฯหุ่นยนต์ พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก อุตฯการขนส่งและการบิน พื้นที่สนามบินพัทยา-อู่ตะเภา อุตฯการแพทย์ครบวงจร พื้นที่วิจัยและพัฒนาให้อยู่ในโรงเรียนแพทย์ คลัสเตอร์การแพทย์ เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) พัทยา อุตฯเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อยู่ในพื้นที่ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง และอุตฯต่อเนื่องอยู่บริเวณมาบตาพุด อุตฯดิจิทัลอยู่ในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เช่น กทม. เชียงใหม่ ภูเก็ต <br /><br /><b>ยึดโมเดลนิคมอุตฯภาคตะวันออก</b><br /><br />ทั้งนี้ จากที่ปัจจุบัน 6 ใน 10 อุตฯเป้าหมาย <br /><br />ทั้ง First S-Curve และ New-S-Curve ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก คือ ยานยนต์แห่งอนาคตอยู่ในพื้นที่ ชลบุรีและศรีราชา อุตฯอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะอยู่ในสมุทรปราการ ชลบุรี ศรีราชา ท่องเที่ยวระดับคุณภาพอยู่ที่พัทยา ระยอง อุตฯหุ่นยนต์อยู่ในชลบุรี ศรีราชา อุตฯการบินอยู่ที่อู่ตะเภา สัตหีบ และอุตฯไบโอเคมี อยู่ที่มาบตาพุด จากปัจจัยพื้นฐานความแข็งแกร่งจากในอดีต รัฐบาลจึงจะนำเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกมาเป็นตัวจุดประกายในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจการลงทุนพิเศษ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตฯเป้าหมายทั้ง 10 อุตฯ<br /><br />ทั้งนี้ปัจจัยความสำเร็จในการดึงนักลงทุนจากทั่วโลกต้องมีกลไกการกำกับดูแลการพัฒนาอุตฯเป้าหมายและเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมาย ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการการลงทุนอุตฯเป้าหมาย ทำหน้าที่กำหนดแผนการลงทุน กำหนดผู้ลงทุนรายสำคัญ 2.คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม มีหน้าที่เจรจากับผู้ลงทุนรายสำคัญ เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทั่วไปและสิทธิประโยชน์พิเศษ 3.คณะกรรมการกำกับดูแลเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือเขตเศรษฐกิจการลงทุนพิเศษ ทำหน้าที่อนุมัติแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โครงการการลงทุนคลัสเตอร์ โครงสร้างพื้นฐาน และบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีสำนักงานบริหารเขตเศรษฐกิจการลงทุนพิเศษ ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน ดำเนินการด้านสิทธิประโยชน์ และติดตามความคืบหน้าในการติดต่อและชักจูงนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายและเป็นเลขานุการให้คณะกรรมการระดับชาติ<br /><br /><b>ตั้งกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจ</b><br /><br />ขณะเดียวกันเพื่อผลักดันให้การลงทุนในอุตฯเป้าหมายเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม รัฐบาลกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุน ประกอบด้วยมาตรการทางการเงิน มาตรการทางการคลัง และมาตรการส่งเสริมอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ทั้งนี้ กรอบนโยบายและมาตรการส่งเสริมทั้งด้าน<br /><br />การเงิน การคลัง และมาตรการอื่น ๆ ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และ 7 กระทรวงเศรษฐกิจเสนอ และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว<br /><br /><b>งัดมาตรการการเงิน-การคลังหนุน</b><br /><br />ในส่วนของมาตรการทางการเงินจะจัดตั้ง "กองทุนพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม" ขึ้น ทำหน้าที่ให้เงินสนับสนุนให้เงินกู้ยืม หรือชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ หรือเป็นกองทุนในการลงทุนโครงการลงทุนพิเศษ โดยสามารถให้เงินสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนา รวมทั้งสร้างบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตฯเป้าหมาย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม<br /><br />มาตรการการคลัง อาทิ กำหนดสิทธิประโยชน์พิเศษ ยกเว้นอัตราภาษีนิติบุคคลเป็นเวลา 10-15 ปี สำหรับโครงการที่มีความสำคัญสูงในอุตฯเป้าหมาย เพิ่มเติมจากสิทธิประโยชน์สูงสุด 8 ปี ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนทั่วไป กำหนดสิทธิประโยชน์พิเศษยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้เชี่ยวชาญไม่เกิน 15% อัตราภาษีรายได้บุคคลธรรมดา<br /><br />ของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับนานาชาติ และไม่เกิน 15% สำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับสูง และผู้บริหารระดับสูงที่จำเป็นในโครงการลงทุน และสามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศ และแก้ไขโครงสร้างอากรขาเข้าชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตหรือให้บริการในอุตฯเป้าหมาย (หรือใช้มาตรา 12 ของกระทรวงการคลัง) เนื่องจากอัตราอากรของชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์สูงกว่าผลิตภัณฑ์ รวมทั้งยกเว้นอากรขาเข้าของนำเข้าเพื่อทำการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบ<br /><br /><b>สิทธิเข้า-ออก ปท.-ถือที่ดิน 99 ปี</b><br /><br />ส่วนมาตรการอื่น ๆ ประกอบด้วย การกำหนดสิทธิประโยชน์การเข้าออก และการทำงานของผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากต่างประเทศ เทียบเท่าคนไทยครั้งละ 5 ปี ตลอดอายุการส่งเสริมการลงทุน กำหนดสัดส่วนการถือหุ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ 100% ในระยะเริ่มต้น หรือกรณีเป็นการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร ซึ่งนักลงทุนไทยไม่มีความเชี่ยวชาญ และกำหนดสิทธิประโยชน์พิเศษให้ผู้ลงทุนต่างชาติ การถือครองที่ดิน 99 ปี โดยขายคืนให้รัฐบาลเมื่อครบกำหนด<br /><br /><b>ธุรกิจโรงพยาบาลหนุนเต็บสูบ</b><br /><br />นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล และที่ปรึกษาสมาคมโรงพยาบาลเอกชน มองว่า นโยบายดังกล่าวควรทำมานานแล้ว เพราะธุรกิจการแพทย์เป็นอุตฯบริการ และการจะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาคหรือของโลกในอนาคตมีความจำเป็น ต้องมีความชัดเจนเชิงนโยบายและปรับปรุงข้อจำกัดต่าง ๆ ทั้งเชิงกฎหมายการลงทุน การขอวีซ่าเข้าประเทศ การผลิตบุคลากรการแพทย์ที่ต้องให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิต เพื่อตอบโจทย์และลดการขาดแคลน<br /><br />"ควรทำมานานแล้วและทำให้ชัดเจน วันนี้มีการพูดแล้วว่าธุรกิจเฮลท์แคร์น่าจะเป็นธุรกิจบริการดาวเด่น อาทิตย์ที่แล้วมีการเรียกคุยไปแล้ว 1 รอบ ภายในสัปดาห์นี้กำลังทำแผนอยู่ น่าจะหารือกันอีกเป็นระยะ ๆ นโยบายดังกล่าวไม่มีกลุ่มไหนได้ประโยชน์ แต่เป็นประเทศไทยได้ประโยชน์ ทุกคนคาดหวังว่าจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเฮลท์แคร์ เพราะการเปิดอาเซียนจะเริ่มขึ้นแล้ว" <br /><br /><b>สิทธิประโยชน์ใหม่จูงใจพอ</b><br /><br />นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มั่นใจว่าการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบคลัสเตอร์จะเกิดขึ้นได้แน่นอน <br /><br />จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่รัฐใช้เป็นเครื่องมือเร่งรัดให้เกิดการลงทุนจริง อาทิ มาตรการทางภาษีของบีโอไอ เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี ลดหย่อนภาษี 50% เพิ่มเติม 5 ปี ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร และมาตรการทางการคลังที่อยู่ระหว่างพิจารณาให้กิจการเพื่ออนาคตยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10-15 ปี และจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 0-15% <br /><br />สำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในระดับนานาชาติที่ทำงานในพื้นที่กำหนดทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงกองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศ วงเงิน 10,000 ล้านบาท และอื่น ๆ ถือว่าเพียงพอแล้ว และกลุ่มนักลงทุนอุตฯเป้าหมายอย่างไฮเทคโนโลยีสนใจเข้ามาลงทุนมากกว่าเดิม เพราะปัจจัยหลายอย่างจูงใจ เช่น สิทธิประโยชน์ เศรษฐกิจที่กำลังฟื้น เห็นได้จากยอดขอส่งเสริมการลงทุนมีเกือบ 2,000 โครงการ มูลค่า 6.9 แสนล้านบาท<br /><br />"ส่วนที่มองว่าสิทธิประโยชน์ที่รัฐให้ยังไม่พอ อาจมีแค่บางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งไม่อยากให้เอาไปเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์และค่าแรง ควรมองว่าไทยเองมีความพร้อมและเหนือกว่าคู่แข่งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค โลจิสติกส์"<br /><br /><b>กลุ่มยานยนต์ขานรับลงทุน</b><br /><br />นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า กลุ่มยานยนต์เป็นส่วนหนึ่งในอุตฯเป้าหมายที่ถูกผลักดันให้เกิดเป็นคลัสเตอร์ และยกระดับสู่การเป็นซูเปอร์คลัสเตอร์ มั่นใจว่ารัฐเดินมาถูกทางกับการพัฒนาอุตฯในประเทศ และทุก ๆ มาตรการส่งเสริมที่ออกมาจะเป็นส่วนสำคัญให้นักลงทุนรายเก่าที่ลงทุนอยู่แล้วไม่ย้าย<br /><br />การผลิตไปไหน แต่จะทำการวิจัยเพิ่มเพื่อต่อยอดพัฒนาสินค้ารองรับการขยายธุรกิจแทน นอกจากนี้นักลงทุนรายใหม่จะหันกลับมาพิจารณาลงทุนในไทยมากขึ้น จากเดิมที่จะไปลงทุนในประเทศที่มีค่าแรงถูก แต่ไม่เอื้อในเรื่องความพร้อมอื่น ๆ <br /><br />"ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มยานยนต์กระปรี้กระเปร่าขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิตรายเล็ก ๆ ในท้องถิ่นสอบถามเข้ามามาก ปัจจุบันกลุ่มยานยนต์มีภาคการผลิตที่เป็นคลัสเตอร์กันอยู่แล้ว และส่วนใหญ่กระจายตั้งโรงงานอยู่ในภาคตะวันออก ทั้งชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา โดยกลุ่มอุตฯยานยนต์เองมองเห็นศักยภาพของพื้นที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ว่าน่าจะพัฒนาเป็นเมืองคลัสเตอร์ยานยนต์/ชิ้นส่วนยานยนต์"<br /><br /><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-864504512830026412016-02-18T04:46:00.006-08:002016-02-18T04:46:36.277-08:00Power up ด้วย Power nap<div class="text_exposed_root text_exposed" id="id_56c5bc76ee7638e32192073">
<br />การงีบระหว่างวัน. อย่างถูกที่และถูกเวลา มีประโยชน์ !!<br />
การงีบที่มีประสิทธิภาพ หรือ Power nap อยู่ที่ 20. นาที ช่วยเพิ่มความสดชื่น สดใส ใน<span class="text_exposed_hide">...</span><span class="text_exposed_show">การทำงาน</span><br />
<div class="text_exposed_show">
ส่วนการงีบที่กินเวลาเกิน 30. นาที - 1 ชั่วโมง อาจทำให้คุณง่วงค้าง ไม่เหมาะในการงีบระหว่างวันทำงาน<br />
ส่วนการงีบที่ประมาณ 1.30 ชม ได้ประโยชน์เหมือนการนอนปกติ แต่กินเวลานานเกินไป ไม่เหมาะกับวันทำงาน<br />
บริษัทดังๆในต่างประเทศ สนับสนุนให้คนในองค์กรมีเวลา Nap ระหว่างวัน<br />
บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ power nap เป็นประจำ<br />
ถ้าเรามีเวลาพัก 1. ชั่วโมง จัดเวลาทานอาหาร แล้ว หาเวลางีบสัก 20. นาที อย่าให้เกิน 30. นาที ทำให้เรา fresh ขึ้น ไม่ง่วงค้าง และทำงานมีประสิทธิภาพขึ้นด้วยครับ. ลองดูครับ<br />
Power up ด้วย Power nap<br />
<a class="_58cn" data-ft="{"tn":"*N","type":104}" href="https://www.facebook.com/hashtag/มาpowernapกันไหม?source=feed_text&story_id=896606433757056"><span aria-label="hashtag" class="_58cl">#</span><span class="_58cm">มาpowernapกันไหม</span></a><br />
<br />
<img alt="" aria-busy="true" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xpf1/v/t1.0-9/12239477_896603750423991_2223574973534440322_n.jpg?oh=66088db746ed59480b2a66e1c29d2f96&oe=576BDCAB" style="height: 661px; width: 750px;" /><img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xla1/v/t1.0-9/12249787_896603757090657_4350167316920941065_n.jpg?oh=971a8770cf08849642d16b71a03a1163&oe=572428A0" style="height: 694px; width: 750px;" /><br />
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xfp1/v/t1.0-9/12249774_896603770423989_1703555022716502925_n.jpg?oh=d94559a7e09f71fbb6c8d739e2d433a0&oe=577073E3" style="height: 704px; width: 564px;" /><br />
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpt1/v/t1.0-9/12241786_896603777090655_939958623584480337_n.jpg?oh=adbaae5da64170705f34b5b76ca8a62d&oe=57276AC9&__gda__=1465502338_472d6205df934876e3a115ab7654d5d3" style="height: 704px; width: 468px;" /><br />
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xpa1/v/t1.0-9/12243168_896603810423985_1700820347971808021_n.jpg?oh=4574fa36060ef114aeffa13d770fb03b&oe=57602756" style="height: 704px; width: 489px;" /><br />
<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike><br /></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-2174368445455997172016-01-28T22:25:00.003-08:002016-01-28T22:25:57.529-08:00มจธ.ผลิต “เอทิลไบโอดีเซล” ไม่ใช้ความร้อนรายแรกของโลก<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" class="date" valign="middle"><div>
<img border="0" height="5" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="5" />21 พฤศจิกายน 2558 07:47 น. </div>
<div>
http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000128934</div>
</td></tr>
<!--
<tr>
<td>
<iframe src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://r.manager.co.th/r.php?id_=9580000128934&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" scrolling="no" frameborder="0" style="border:none; overflow:hidden; width:450px; height:35px;" allowTransparency="true"></iframe>
<div id="fb-root">
</div>
<script>(function(d, s, id) {
var js, fjs = d.getElementsByTagName(s)[0];
if (d.getElementById(id)) return;
js = d.createElement(s); js.id = id;
js.src = "//connect.facebook.net/th_TH/all.js#xfbml=1";
fjs.parentNode.insertBefore(js, fjs);
}(document, 'script', 'facebook-jssdk'));</script>
<fb:like href="http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9580000128934&Html=1" send="true" width="450" show_faces="false"></fb:like>
</td>
</tr>
--> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="middle"><img border="0" height="17" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="1" /></td></tr>
</tbody></table>
<table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="middle"><br /><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody>
<tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody>
<tr><td align="right" height="1" valign="bottom" width="1"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="1" /></td><td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="bottom"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="1" /></td><td align="left" height="1" valign="bottom" width="1"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="1" /></td></tr>
<tr><td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="1" /></td><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="middle"><img alt="มจธ.ผลิต “เอทิลไบโอดีเซล” ไม่ใช้ความร้อนรายแรกของโลก" border="0" height="333" src="http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013350401.JPEG" width="500" /></td></tr>
</tbody></table>
</td><td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="1" /></td></tr>
<tr><td align="right" height="1" valign="top" width="1"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="1" /></td><td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="1" /></td><td align="left" height="1" valign="top" width="1"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="1" /></td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" height="12" valign="bottom"><img border="0" height="12" src="http://manager.co.th/images/TabOver.gif" width="167" /></td></tr>
<tr><td bgcolor="#cccccc"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"><table cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="top" width="160"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" class="body" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td></tr>
</tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="middle"><a href="http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013350402.JPEG"><img alt="มจธ.ผลิต “เอทิลไบโอดีเซล” ไม่ใช้ความร้อนรายแรกของโลก" border="0" src="http://mpics.manager.co.th/pics/Thumbnails/558000013350402.JPEG" vspace="5" width="180" /></a></td></tr>
</tbody></table>
<br /><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" height="1" valign="middle" width="165"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="165" /></td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
</td><td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4"><img border="0" height="1" src="http://manager.co.th/images/blank.gif" width="4" /></td><td align="center" valign="top"><table border="0" cellspacing="7" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" class="body" valign="baseline"><span id="innity-in-post"><span style="color: teal;"><strong>“การนำเอทานอล คือ แอลกอฮอล์ชนิดที่ได้จากพืช มาใช้ผลิตเอทิลไบโอดีเซล กำลังจะเป็นทางออกที่ดีที่ทำให้ประเทศไทย ก้าวไปอีกขั้นในการคิดค้นเชื้อเพลิงพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นประโยชน์กับเกษตรกร รวมถึงภาคอุตสาหกรรมของไทย” <span style="color: black;">รศ.ดร.คณิต กฤษณังกูร </span></strong><span style="color: black;">นักวิจัยคณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) สะท้อนถึงความสำคัญของเอทิลไบโอดีเซล เชื้อเพลิงพลังงานอนาคตของประเทศไทย</span></span><br /> <br /> ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตเอทานอล และไบโอดีเซล (เชื้อเพลิงที่ผลิตจากแหล่งทรัพยากรหมุนเวียน) เพื่อทดแทนน้ำมันเบนซิน หรือแก๊สโซลีน และน้ำมันดีเซล ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากกระบวนการทางปิโตรเลียม/ปิโตรเคมี ในขณะที่เมทานอล (ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการกลั่นทางปิโตรเคมี) มีแนวโน้มราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับเอทานอล ที่ประเทศไทยสามารถผลิตได้เองและเพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ<br /> <br /> รศ.ดร.คณิต กล่าวว่า <span style="color: blue;">หากมีการขยายการใช้ไบโอดีเซล จากบี 5 เป็นบี 7 หรือบี 10 (น้ำมันดีเซลที่ผสมไบโอดีเซล 5, 7 และ 10% ตามลำดับ) ปริมาณความต้องการไบโอดีเซลก็จะสูงขึ้น การเติบโตของภาคเกษตรและอุตสาหกรรมก็จะโตตาม ทำให้คาดคะเนได้ไม่ยากว่าในอนาคตเอทิลไบโอดีเซลจะเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต เราจึงคิดที่จะนำเอาเอทานอล ซึ่งล้นตลาดอยู่ ณ ขณะนี้มาศึกษาวิจัย ถึงความเป็นไปได้ในการผลิตเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่กระบวนการผลิต จนกระทั่งออกมาเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด อีกทั้งช่วยเหลือเกษตรกรและภาคอุตสาหกรรมไปด้วยพร้อม ๆ กัน</span><br /> <br /> ด้วยความรู้ด้านงานวิจัยเชื้อเพลิงพละงงานมากว่า 25 ปี จึงส่งผลให้ รศ.ดร.คณิต สามารถผลิตเอทิลไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง โดยไม่ใช่ความร้อนและกลีเซอรอลบริสุทธิ์ ได้ประสบความสำเร็จเป็นรายแรกของโลก จนได้รับรางวัลความคิดสร้างสรรค์พลังงานทดแทน จากสำนักนโยบายและแผนพลังงานกระทรวงพลังงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ ยังได้คิดค้นปฏิกรณ์แบบต่อเนื่องซึ่งต้องใช้ความร้อนและตัวทำละลายอินทรีย์ (organic solvent) เพื่อเตรียมเมทิลไบโอดีเซล ได้เป็นรายแรก ๆ ของโลกด้วย<br /> <br /> “<span style="color: red;">ก่อนหน้านี้ เราพบว่า ตัวเมทานอลกับน้ำมันจะมีความไม่เข้ากันอยู่มาก ซึ่งพอไม่เข้ากันปฏิกิริยาก็จะเกิดช้า เราจึงคิดที่จะหาตัวที่จะไปกระทำให้เกิดความเข้ากันเพื่อเร่งให้เกิดปฏิกิริยาได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ เรายังเคยใช้ไมโครเวฟเป็นตัวส่งความร้อนให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นตามที่เราคาดคะเน ก็ได้ผลเช่นกัน แต่ยิ่งเราทำไป ๆ ก็ค้นพบว่าการไม่ใช้ความร้อนเลยก็อาจจะทำได้เช่นกัน จึงเป็นที่มาของการเขียนโครงการนี้ขึ้น และของบประมาณสนับสนุนจาก กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ใช้เวลาในการวิจัยประมาณ 1 ปีก็ทำสำเร็จ</span>”<br /> <br /> รศ.ดร.คณิต กล่าวว่า การใช้น้ำมันพืชทำปฏิกิริยากับเอทานอล โดยมีด่างเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่เรียกว่า ปฏิกิริยาทรานส์เอทิเลชัน (Transethylation) ผลจากการทดลองพบว่าการผลิตไบโอดีเซลจากปฏิกิริยา ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่เกิน 1 นาที ในสภาวะอุณหภูมิห้องหากมีการสัมผัสระหว่างน้ำมัน แอลกอฮอล์ และตัวเร่งปฏิกิริยาที่ดี นอกจากนี้ ยังได้ประดิษฐ์ micro-reactor สำหรับปฏิกิริยา Transethylation ปฏิกิริยาจะสมบูรณ์ภายในเวลา 45 วินาที ที่อุณหภูมิห้อง เนื่องจากปฏิกรณ์นี้ออกแบบมาให้มีการสัมผัสระหว่างน้ำมัน แอลกอฮอล์ และตัวเร่งปฏิกิริยาเกิดได้ดี<br /> <br /> “<span style="color: blue;">สำหรับเอทิลไบโอดีเซลที่ได้ พบว่า มีค่าซีเทน (Cetane Number) ตามมาตรฐานของยุโรปบ่งบอกถึงคุณภาพของการจุดระเบิดของเชื้อเพลิงที่ดี การเผาไหม้ดีกว่าจึงปลดปล่อย CO2 ได้ลดลง นอกจากนี้ ยังได้กลีเซอรีนซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ (by-product) ที่ใสและบริสุทธิ์กว่าที่ได้จากกระบวนการผลิตเมทิลไบโอดีเซล สามารถนำกลีเซอรีนไปฟอกสี และทำสบู่ได้ดีกว่า</span>” รศ.ดร.คณิต กล่าว<br /> <br /> <span style="color: maroon;"><strong>นับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งของคนไทยในอนาคต ที่นอกจากจะได้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังได้ใช้วัตถุดิบที่ผลิตได้เองภายในประเทศ ลดการนำเข้า ส่งเสริมภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอย่างโรงงานผู้ผลิตเอทานอล และโรงหมักต่าง ๆ ได้จริง</strong></span><br /> </span></td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
</tbody></table>
<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike><br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-34803202476648765662016-01-28T22:25:00.001-08:002016-01-28T22:25:09.040-08:00จากเด็ก “ต่างด้าว” สู่เจ้าของธุรกิจ สังฆภัณฑ์ ออนไลน์เงินล้าน<div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="author">
taokaemai dotcom</div>
<div class="__reading__mode__extracted__bylineentry" id="metaData">
<a href="http://www.taokaemai.com/481" id="source" title="source">taokaemai.com</a> <span id="metaDivider" style="display: inline;">|</span> <span class="__reading__mode__extracted__date" id="publishdate">2015-08-26T06:08:39+00:00</span> </div>
<div class="__reading__mode__mainbody" id="__reading__mode__mainbody__id">
<div id="htmlNonSecureZone">
<!-- Do not remove, see CFeedViewer::_IsElementInHTMLSecureZone --> <div class="__reading__mode__extracted__article__body" id="content">
ผมได้มีโอกาสรู้จักคุณทัศน์ ในงานสัมมนาหนึ่ง ตอนนั้นผมเป็นวิทยากร คุณทัศน์เป็นผู้เข้าอบรม คุณทัศน์เป็นคนเงียบ ๆ แต่เก็บรายละเอียดทุกเม็ดของสัมมนา หลังจากนั้นผมก็เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว ธุรกิจของคุณทัศน์ และนี่คือเรื่องราวที่คุณทัศน์ได้มาบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของธุรกิจ “สังฆภัณฑ์” เงินล้าน ที่ผมบอกได้เลยครับว่า ต่อให้เราจนสักเพียงไหน ต่อให้เราขาดโอกาสสักเพียงไหน หากเรา “ไม่ยอมแพ้” ทุกสิ่งอย่างก็จะเป็นของเราด้วย การลงมือทำ อย่างพยายาม<br />
<strong>คุณทัศน์ แนะนำตัวกับเพื่อน ๆ หน่อยครับ</strong><br />
ผมชื่อ สุทัศน์ ศรีพรม ชื่อเล่นทัต ครับ อาชีพปัจจุบันเจ้าของร้านบูชาสังฆภัณฑ์ออนไลน์<br />
จำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์ และของใช้ทำบุญทุกชนิด เช่น พระพุทธรูป, ระฆัง ฆ้อง กลอง, เครื่องบวชเครื่องกฐิน เป็นต้น<br />
<strong>ทราบว่าเป็นคนต่างด้าวเป็นมาอย่างไรมาเป็นเจ้าของกิจการครับ</strong><br />
ผมเป็นเด็กต่างด้าว จากแขวงจำปาสัก อาศัยวัดบวชเรียนเขียนอ่าน เรียนจบก็ลาสิกขา ออกมาแรก ๆ ก็ยังอาศัยวัดอยู่ และทำงานเดินขายซิมโทรศัพท์ DTAC รับผิดชอบเขตฝั่งธน และแถวสะพานควาย ทำได้ 3 เดือน เขาจะบรรจุเป็นพนักงานประจำ แต่ไม่มีบัตรประชาชนก็เลยหมดสิทธิ์ เป็นพนักงาน DTAC ลาออกมาหางานใหม่ ถูกหลอกให้ทำงานแชร์ลูกโซ่เสียเงินฟรีไป 5,000 บาท ลาออกมาเป็นเซลขายนาฬิกา,กระติกน้ำ,ฯ ตามบ้านเรือนประชาชน ทำอยู่ 3 เดือน ก็ลาออกอีก<br />
<strong>ออกจากงานไม่มีงานทำเอาเงินที่ไหนใช้ครับ </strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 756px;">
<img class="iewidthlimitimage" src="http://www.taokaemai.com/wp-content/uploads/2015/08/10347546_10203348790862148_185645823045986865_n.jpg" style="display: block; max-height: calc(4603px);" /></div>
เวลาตกงาน สถานที่ที่คิดถึงมากที่สุดก็คือ “วัด” อย่างน้อยก็มีข้าวให้ประทั้งชีวิตไปวัน ๆ<br /> ผมเข้าวัดที่รู้จักมักคุ้นกับครูบาอาจารย์ ท่านก็สอบถามสรทุขร์สุขดิบทราบว่าผมตกงานท่านก็แนะนำให้ไปสมัครงานร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากท่านรู้จักกับ<br /> เจ้าของ บอกว่ามาจากท่าน และท่านก็โทร.ไปฝากฝัง หลังจากนั้นผมก็ได้ทำงานในห้างสรรพสินค้าสังฆภัณฑ์ เป็นเวลา 6 ปี จากเงินเดือน 6,000 บาท ขึ้นมาตามลำดับสูงสุด ได้เงินเดือน 15,000 บาท<br />
<strong>รับหน้าที่อะไรบ้างครับ งานทำ</strong><br />
ทำทุกอย่าง ทำทุกหน้าที่ ตั้งแต่เด็กยกของ ส่งของ ขายของ เดินแจกโบว์ชัว ทั่วผืนที่ในย่านเขตฝั่งธน (ยกเว้นฝ่ายบัญชี และฝ่ายบุคคล) เป็นพนักงานฝ่าย IT ออกแบบและจัดทำเว็บไซต์, โบว์ชัวร์ แค็ตตาล็อก,นามบัตร, โฆษก,พิธีกรงานทำบุญต่าง ๆ, หัวหน้าฝ่ายการตลาด, หัวหน้าฝ่ายกิจกรรม และรับจัดงานทำบุญครบวงจร และ ได้ทำงานใกล้ชิดเถ้าแก่ คือเจ้าของ ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อ พี่ชายก็ว่าได้<br />
<strong>จากลูกจ้าง เปลี่ยนมาเป็นเจ้าของกิจการได้อย่างไร</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 550px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.taokaemai.com/wp-content/uploads/2015/08/unnamed.jpg" style="display: block; max-height: calc(4603px);" /></div>
<blockquote>
ผมคิดตลอดเวลา “เป็นลูกจ้างไม่รวย” มันฝังอยู่ในหัว เราต้องเป็นเจ้าของกิจการให้ได้</blockquote>
แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็น ขายเครื่องสังฆภัณฑ์ ตอนนั้นคิดว่าจะเปิดรับจัดทำเว็บไซต์,ป้ายโฆษณา<br /> ซึ่งทำไปทำมา เอ…..เราไม่ได้เชี่ยวชาญจริงนี่หวา อีกอย่างกว่าจะได้เงินลูกค้า ยากเย็นสะเหลือเกิน กำไร ก็น้อย คู่แข่งก็เยอะ อ่านในหนังสือก็บอกว่า ทำจากสิ่งที่ถนัดแล้วรวย…. เชื่อเลยครับ<br /> เปลี่ยนความคิดทันที<br />
ความจริงคิดอยากจะลาออก…ประมาณ ปีกว่า ๆ แต่ก็ผัดตัวเองมาเรื่อย หรือ ยังทำใจไม่ได้ ผมรักองค์กร รักงานนี้เท่ากับชีวิตผมเลย เพราะทำแล้วมีความสุข ในองค์กรไม่มีใครเชี่ยวชาญงานเท่าเราอีกแล้ว ยกเว้นเจ้าของ และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ผมตัดสินใจลาออก เจ้านายเรียกไปพบเพื่อสอบถามเรื่องการทำเว็บไซต์ให้แฟนขายสินค้า “เครื่องสังฆภัณฑ์” ท่านแจ้งว่ามีคนมารายงาน จะให้ทำอย่างไร นายมีทางเลือก 2 ทาง 1.หยุดการกระทำนั้นทุกอย่าง แล้วปรับปรุงตัวใหม่เริ่มใหม่ไม่ยุ่งเรื่องเว็บไซต์นั้นอีก 2.ลาออก<br /> ให้เวลานายภายในวันนี้ตัดสินใจ ผมขอเลื่อนการตัดสินใจเป็นพรุ่งนี้เช้าได้ไหม นายบอกว่าไม่ได้ เป็นสถานการณ์ที่บีบหัวใจและชีวิตมาก<br />
<strong>“ผมขอลาออกครับ”</strong>เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และความสบายใจของทุกคน<br />
<blockquote>
จากนั้นเจ้านายก็ร่ายยาว…….”คุณต่างจากคนในครอบครัวผมแค่ ไม่ได้นอนที่บ้านผมและไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยกันทุกมื้อเท่านั้น”</blockquote>
แค่นี้แหละครับ น้ำตาผมไหลพร่างพรูอย่างกับสายฝน<br />
<strong>ออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจเอง เป็นอย่างไรบ้าง เจอปัญหามากน้อยขนาดไหน</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 756px;">
<img class="iewidthlimitimage" src="http://www.taokaemai.com/wp-content/uploads/2015/08/11947633_10204940945505019_5612473823011035417_n.jpg" style="display: block; max-height: calc(4603px);" /></div>
การลาออกแม้จะเจ็บปวด….แต่ผมทำเพื่ออนาคตของตัวเอง ซึ่งเรามองเห็นโอกาสมองเห็นอนาคตอยู่แล้ว ถ้ารอพร้อม มีเงินเก็บมีเงินทุน เรารอพร้อม แต่เวลาไม่เคยรอเราพร้อมไม่พร้อม<br />
<blockquote>
ธุรกิจผมเริ่มต้นจากห้องเช่าน้อย ๆ ของอพาร์ทเม้นท์ และก็ทำเว็บไซต์เอง ขายเอง</blockquote>
ซึ่งเราทำของบริษัทฯ ประสบความสำเร็จมาแล้ว แล้วทำไมของตัวเองจะทำให้ประสบความสำเร็จไม่ได้ ต่างแค่เราไม่มีสถานที่หน้าร้าน ไม่มีสินค้าโชว์ ไม่มีเงินทุน ไม่มีบุคลากร ไม่มีแม้แต่รถยนต์ ผมมีมอเตอร์ไซต์รถคันแรกของชีวิต<br />
สิ่งที่มีมากที่สุดของผม ก็คือ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถล้วน ๆ ถ้าเป็นจอมยุทธ ผมมีเพียงแค่เพลงกระบี่ และพลังภายใน เงินทุนจริง ๆมีประมาณหมื่นกว่าบาท รวมกันสองคนกับแฟน แน่นอนครับ ความรัก + ความหวัง + ความฝัน ทุกอย่างเป็นจริงได้อย่างมหัศจรรย์<br />
สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดก็คือ เว็บไซต์….ผมทำเว็บไซต์ด้วยชีวิต และจิตวิณญาณของตัวเอง ของคนที่กลัวอดตาย เพราะวันพรุ่งนี้….ไม่มีใครจ่ายเงินเดือนให้เรา เราเท่านั้นที่จะต้องจ่ายให้ตัวเอง<br />
เพราะฉะนั้น คำว่าท้อ คำว่ายอมแพ้ คำว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้ามีก็โง่ที่สุดในโลก เท่ากับฆ่าตัวตายครับ<br />
<b>มีปัญหาบ้างไหม ?</b><br />
ตอบตามตรงครับ โคตรเยอะที่สุดในโลก แต่สิ่งที่ผมท่องอยู่ตลอดทุกลมหายใจคือ อดทน ไม่ยอมแพ้ ใช้สติให้มากที่สุด ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า<br />
ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ เราขอยอมตายไปข้างหนึ่ง เราขอพิสูจน์ เราขออุทิศชีวิตทำเพื่อสิ่งนี้ครับ ตกเย็นก่อนนอนช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ ผมกับแฟนสวดมนต์ทุกวัน ตื่นเช้ามาวันพระก็ตักบาตร<br /> ทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และตั้งจิตอธิษฐานให้ธุรกิจของเราดำเนินไปได้และเจริญเติบโต<br />
เป็นความเชื่อของอดีตมหาที่ชื่อ “ สุทัศน์ ศรีพรม” ครับ เราเชื่ออย่างนั้น<br />
มีปัญหา…เราก็ต้องแก้เป็นข้อ ๆ เหมือนแก้ปมที่เชือก<br />
<b>ตอนไหนคือวิกฤติที่สุดในการทำธุรกิจ ผ่านมาได้อย่างไร</b><br />
นึกถึงผมขายของออนไลน์ อยู่บนอพาร์ทเม้นท์ ลูกค้าก็ต้องถามร้านอยู่ที่ไหน<br /> บริการจัดส่งไหม แน่นอนครับ ผมก็ต้องแจ้งลูกค้าว่า เราบริการจัดส่งถึงบ้าน ถึงที่ ไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลครับ ช่วงแรกไม่มีรถส่งของ แท็กซี่บ้าง, ยืมรถคนอื่นบ้าง,จ้างรถคนอื่นบ้าง ทำเรื่องซื้อรถก็ไม่ผ่าน เนื่องจากเขาดูเงินในบัญชีเราไม่เยอะ ขออ้อนวอนคนค้ำเขาก็ไม่กล้า แฟนผมนั่งร้องไห้มองหน้ากันไปมา สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือ กัดฟัน….อดทน….และตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้รถส่งของสักคัน เพื่อเราจะส่งบุญ….เพื่อเราจะเป็นสะพานบุญให้กับคนต้องการจะทำบุญ ได้ทำบุญสมความตั้งใจ และแล้วปาฏิหาก็มีจริงครับ ได้รถกระบะรถเต้นท์มือ 2 คุณภาพเยี่ยมมาใช้ส่งของ ทุกอย่างคล่องตัว ราวกับฟ้าลิขิต รถกระบะคันเดียวเขาช่วยทำเงินล้านได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนตั้งชื่อรถกระบะ คันนั้นว่า “มารวย”<br />
<strong>สภาพธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 677px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.taokaemai.com/wp-content/uploads/2015/08/11541045_10204583743055181_1290976242766121554_n.jpg" style="display: block; max-height: calc(4603px);" /></div>
วันที่เป็นลูกจ้างผมทำด้วยใจและชีวิตจิตวิณญาณ สำนึกในความเป็นเด็กต่างด้าว และมีเจ้านายให้โอกาส ให้งานทำ หนึ่งเดียวในประเทศไทย จึงไม่เคยซีเรียสเรื่องเงินเดือน ผมเริ่มทำงานปี 49 เงินเดือน 6,000 บาท เงินเดือนปรับขึ้นเรื่อย ๆ (เฉพาะผมเท่านั้นที่ได้ปรับบ่อย) จนวันที่ลาออก เงินเดือน 15,000 บาท<br />
ผมกำลังจะบอกว่า ออกมาทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ <em><strong>“ผมทำและทุ่มเทยิ่งกว่าชีวิต”</strong></em> ช่องทางการจำหน่ายอื่นไม่มีเลย ยกเว้นเว็บไซต์ …..<a href="http://www.buchasangkapan.com/">www.buchasangkapan.com</a>บูชาสังฆภัณฑ์<br /> ผ่านไป 1 ปี ลูกค้ามากขึ้น และเติบโตอย่างน่าอัศจรรย์ ผมก็ยิ่งมองเห็นโอกาส ผมต้องเติบโต<br /> ผมต้องรีบคว้า ผมอับเดทเว็บไซต์ตลอดเวลา จนเว็บไซต์ติดหน้าหนึ่ง อันดับหนึ่งใน Google โดยที่ผมไม่ได้ใช้เงินจ้างทำโฆษณาแม้แต่บาทเดียว<br />
ธุรกิจในปัจจุบันแข่งขันกันดุเดือดมาก โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ แต่ผมก็ไม่หวั่นไหว เพราะไม่ใช่ว่า ทุกคนทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ได้ จะขายได้อย่างเดียว คนล้มเหลวก็มี<br />
เข้าปีที่ 2 เริ่มขยับขายเรื่องพื้นที่ เนื่องจากขายสินค้ามากขึ้น ที่พักสินค้ามากขึ้น แต่เราจะไม่สต๊อกสินค้า ส่วนมากไม่สต๊อกเลย ผมคิดว่าถ้าผมสต๊อกก็คงโง่ที่สุด ปากมีก็บอกลูกค้าเอาสิ เทคนิคมีมากมายครับ<br />
<strong>Keysuccess</strong><strong> ในการทำธุรกิจคืออะไร</strong><br />
Anser :ความสำเร็จของผมขั้นที่ 1 ด่านที่ 1 เลย ลูกค้ามาเจอเราในเว็บไซต์ เพราะเว็บไซต์ผมติดอันดับหนึ่งใน Google เกือบทุกหมวดหมู่สินค้า ไม่ว่าลูกค้าจะค้นหาอะไรเกี่ยวกับของทำบุญ ลูกค้าเจอบูชาสังฆภัณฑ์เป็นคนแรก หรือคนที่ 2<br />
เว็บไซต์บูชาไม่สวยเลอเลิศในปฐพี แต่มีเสน่ห์ มีจิตวิญญาณ มีมนต์ขลัง คนเห็นแล้วต้องตาต้องใจ ต้องใช่ (ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ส่วนมากความน่าจะเป็นเช่นนั้น) และมี ข้อมูลบทความสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากจะทำบุญ….สำคัญมากเพราะมันคือ ความแตกต่าง ๆ รวมทั้งโครงสร้างเว็บไซต์ด้วย<br />
<strong>เริ่มมีพนักงาน มีวิธีการจัดการลูกน้องอย่างไร</strong><br />
เข้าปีที่ 3และ 4 เราเริ่มมีคนมาช่วย จาก 2 – 3 เป็น 4- 5 -7 ชีวิต เอาเฉพาะคนที่สำคัญต่องานจริง ๆ เช่น เจ้าหน้าที่จัดส่ง เจ้าหน้าที่แพ็คกิ้งสังฆทาน ผมเริ่มสร้างบุคลากร ด้วยการส่งหลานไปฝึกงานที่เสาชิงช้า 2 คน ระยะเวลา 1 ปี แล้วก็เอากลับมาช่วยงาน ก็ถือว่าคุ้มสุดคุ้ม<br />
เราอยู่กันแบบครอบครัวพี่น้อง อยู่กันด้วยความรัก ความเอื้ออาทร เวลางานต้องทำงานเต็มที่โดยมีผมทำให้ดูเป็นตัวอย่าง มีความเสียสละ ผลตอบแทนปรับขึ้นให้ตามลำดับตามผลงาน รวมทั้งโบนัสเล็ก ๆ น้อย ๆ สิ้นปี<br />
<blockquote>
<strong>“การให้…คือหน้าที่ของเราที่จะทำให้ทุกคนอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดี เพื่อให้พวกเขาจุนเจอครอบครัวของพวกเขา เราก็ได้บุญ” </strong></blockquote>
นี้คือสิ่งที่ผมมีในหัวใจ<br />
<strong>แนวทางการทำธุรกิจแบบ “รากหญ้า Marketing”ของคุณคืออะไร ?</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 540px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.taokaemai.com/wp-content/uploads/2015/08/11811289_10204785169250710_5821405944617360698_n.jpg" style="display: block; max-height: calc(4603px);" /></div>
ถ้าจะให้ผมพูดแบบโม้ ๆก็ ผมใช้กลยุทธ์ทางการตลาดน้อยมาก ใช้แค่ 50 % สมัยผมทำงานในบริษัทเก่า ใช้เกือบ 100 % ใช้ทุกช่องทางครับ คืออย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นครับว่า<br /> ลูกค้าผมมาจากเว็บไซต์อย่างเดียว ดูจากสถิติในเครื่องมือตรวจนับ ส่วนมากมาจากลูกค้าค้นพบเราใน Google แค่นี้จริง ๆ ครับ ส่วนที่ผมโพสในเฟชส่วนตัวนั้น ไม่มีลูกค้าแม้แต่รายเดียว วัตถุประสงค์ที่โพสในเฟชส่วนตัวเพื่อสร้างตัวตน บอกตัวตนผมเอง เพราะเพื่อนในเฟชเป็นกลุ่มคนทำงานประจำมากกว่า<br />
ผมแยกกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าบูชามีแต่ลูกค้าคนชั้นกลางขึ้นไป พูดง่าย ๆคือคนรวยครับ เพราะฉะนั้นเฟชของร้านก็คือของร้าน ไม่มีตัวตนผมแม้แต่น้อย ยกเว้นลูกค้าบางท่านเอาชื่อ นามสกุลผมไปเสิร์ชหาใน Google แล้วเจอผม(เขากลัวโดนหลอกครับ)<br />
<strong>แผนการตลาดในอนาคต</strong><br />
ผมยังคงรักและศรัทธาอย่างรู้บุญคุณในความกรุณาของเทพ อย่างGoogle ที่ช่วยนำทางลูกค้ามาเจอเรา นี้คือสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อลูกค้ามาเจอเราแล้ว เราทำให้ลูกค้าประทับใจหรือเปล่า ตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือเปล่า ผมยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง….”ลูกค้าคือหัวใจ”<br /> “ประชาชนคือหัวใจ” ปากพูดได้ต้องทำได้อย่างที่ปากพูด แค่นี้ก็เทพแล้วครับ<br />
<blockquote>
<strong>ผมเชื่อในพลังของการบอกต่อ และจดจำความทรงจำที่ดีที่เคยใช้บริการ</strong></blockquote>
สื่อโฆษณา โทรทัศน์ ทีวีตู้เย็นต่าง ๆ ถ้าฟรีเอา…เสียตังก์ไม่เอา….มีมากมายที่โทรเข้ามาจีบ ผมก็จะบอกอย่างนี้(ฟรี…เอา)<br />
ก็ในเมื่อเครื่องมือฟรี อย่าง facebook, Line, youtube, และเทพพระเจ้า Google ก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด<br /> อย่าไปยัดเยียดโฆษณาให้ลูกค้ามาก เช่น ส่งเมล ขอโทษโคตรรำคาญเลย<br />
ผมจะพัฒนาระบบเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ให้ทันสมัยมากกว่านี้ คือเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าเครื่องสังฆภัณฑ์ ออนไลน์ครบวงจร สั่งซื้อผ่านหน้าเว็บได้เลย ง่ายสะดวกรวดเร็ว ตอบสนองคนทำบุญยุคใหม่ อยู่ตรงไหนในโลกนี้ก็ทำบุญได้<br />
<strong>ฝากข้อคิดให้กำลังใจเพื่อน ๆ หน่อยครับ</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 756px;">
<img class="iewidthlimitimage" src="http://www.taokaemai.com/wp-content/uploads/2015/08/11266242_10204322643087845_920181271907972006_n.jpg" style="display: block; max-height: calc(4603px);" /></div>
ทุกสาขาอาชีพ ล้วนแล้วแต่ต้องมีใจรักก่อน มีความศรัทธาในสาขาอาชีพของตน อินในสิ่งที่ทำ แล้วมันจะเป็นความสุข เมื่อเกิดปัญหาเราก็มองว่า ดีที่มีปัญหาให้เราแก้ แต่ถ้าเราไม่รักในอาชีพเราเลย เกิดปัญหานิดหน่อยเราก็ท้อแล้วครับ<br />
ใครต้องการทำธุรกิจนี้ มีเงินอย่างเดียวก็ทำไม่ได้ ต้องมีศรัทธา มีความรัก มีการเป็นผู้ให้ รู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง มีแนวความคิดทางธุรกิจที่ถูกต้อง ถ้าแนวคิดผิด ทุกอย่างจะเขว<br /> รู้จักพระพุทธศาสนา แก่นแท้ แก่นเทียม เปลือกนอกเปลือกใน และรู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ใช้ของทำบุญเรา และเครื่องใช้ในวัดวาอารามต่าง ๆครับ<br />
<strong>ช่องทางติดต่อธุรกิจ</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 756px;">
<img class="iewidthlimitimage" src="http://www.taokaemai.com/wp-content/uploads/2015/08/unnamed-7.jpg" style="display: block; max-height: calc(4603px);" /></div>
คุณสุทัศน์ ศรีพรม หรือ <strong>ร้านบูชาสังฆภัณฑ์</strong><br /> 37/11 ถ.กาญจนาภิเษก (ซ.สมาคมปักใต้)แขวงศาลาธรรมศพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170<br /> 1.โทรศัพท์ 08-3179-9099, 02-885-8115<br /> 2.Line ID : buchas<br /> 3.E-mail: <a href="https://www.blogger.com/null">buchaskp@hotmail.com</a><br />
<strong>เถ้าแก่ใหม่รีวิว</strong> : คุณทัศน์ คือแบบอย่างของคนที่ผมต้องเรียกว่า “ติดดิน” ไม่มีอะไรเลย ความรู้ทางด้านการค้าขายก็ไม่มี ทำธุรกิจก็ไม่มี มีแต่ “หัวใจ” ที่พร้อมจะ “แบ่งปัน” และ “ต่อสู้” วันที่คุณทัศน์ลาออกจากงานประจำ นั่นอาจจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด แต่วันนี้คุณทัศน์ก็ได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นแล้วว่า แค่ 2 มือ 2 เท้า 1 สมองของ เขาก็สามารถทำธุรกิจ พร้อมกับการเป็นพุทธศาสนิกชน ที่ช่วยสืบสานประเพณีวัฒนธรรม แบบอย่างของคนทำธุรกิจแบบ “รากหญ้า” เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว ทำไปทีละนิดแล้วเติบโตอย่างมั่นคง<br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 756px;">
<img class="iewidthlimitimage" src="http://www.taokaemai.com/wp-content/uploads/2016/01/%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-Post-1024x537.jpg" style="display: block; max-height: calc(4603px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: left; margin-right: 20px; width: 300px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.yengo.com/images/300x300/78/597078.jpg" style="display: block; float: left; margin-right: 20px; max-height: calc(4603px);" /><div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer__caption" style="display: block; max-height: calc(5837px - 10px); overflow-y: hidden; width: 300px;">
ส่งต่อบ้านมือ2 ลงขายที่ Kaidee ราคาดีที่สุด</div>
</div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: left; margin-right: 20px; width: 300px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.yengo.com/images/300x300/76/597076.jpg" style="display: block; float: left; margin-right: 20px; max-height: calc(4603px);" /><div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer__caption" style="display: block; max-height: calc(5837px - 10px); overflow-y: hidden; width: 300px;">
ขายบ้านไว ไม่ต้องง้อนายหน้า ลงขายที่นี่เลย!</div>
</div>
</div>
</div>
<div class="pages_pending_container" id="pages_pending_container" style="display: none;">
<progress class="progress_pages_pending"></progress></div>
<div class="__reading__mode__copyright" id="copyright">
© Taokaemai.com เว็บสำหรับคนต้องการจะเป็น เถ้าแก่ใหม่ <b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-6675504062365456732016-01-28T22:24:00.001-08:002016-01-28T22:24:01.225-08:005 เคล็ดลับสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก<br />เรื่อง กองบรรณาธิการ<br /><br /> <img alt="" src="http://www.smethailandclub.com/images/image/1447927378.jpg" style="height: 349px; width: 600px;" /><br /><br /><br /> ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นและเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก มักจะต้องประสบปัญหาการทำงานอย่างหนักในระยะเริ่มต้น เพื่อนำพาธุรกิจให้อยู่รอด มิต้องพูดถึงการเติบโตที่ยังเป็นเรื่องไกลออกไป ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับ 5 ข้อที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า “ต้องทำ” สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นและต้องการประสบความสำเร็จในปี 2013<br /><br /><br /><strong>1.ตรวจสอบธุรกิจของคุณเองอย่างซื่อสัตย์</strong><br /><br /> ก่อนอื่น ถามตัวคุณเองก่อนว่า “คุณได้มีปีที่ถือว่าประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจแล้วหรือยัง?” หากคำตอบคือ ยังไม่มี รีบกลับมาทบทวนดูการทำธุรกิจของคุณเองก่อนว่า เพราะเหตุใด ทำไมคุณถึงยังไม่สามารถทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ สิ่งจำเป็นที่สุดคือ ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง เพราะกุญแจสำคัญที่จะทำให้เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ อยู่ที่การประเมินการทำธุรกิจที่อยู่ในมือคุณอย่างซื่อสัตย์ที่สุดนี้เอง เพื่อที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจะได้นำข้อมูลที่ได้เป็นแนวทางในการดำเนินงานปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้นต่อไป<br /><br /><br /><strong>2.ปรับปรุงพนักงานในองค์กรตั้งแต่ยอดจนถึงฐานปิรามิด</strong><br /><br /> เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมักจะตกอยู่ในรูปแบบและติดกับกระบวนการทางธุรกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพ สาเหตุสำคัญหนึ่งคือ “พนักงาน” อย่าปล่อยให้วิธีการที่ล้าสมัยในการทำธุรกิจหรือพนักงานที่ไม่มีมีประสิทธิภาพมาคอยถ่วงธุรกิจของคุณอีกต่อไป เร่งสำรวจจุดอ่อนและปรับปรุงการทำงานทั้งระบบ เป็นโอกาสสำหรับคุณที่จะตอกย้ำความเป็นผู้นำและแสดงให้เห็นอำนาจของคุณ เพราะถ้าหากไม่สามารถควบคุมระบบและกระบวนการในการทำธุรกิจของคุณเอง ก็ไม่อาจถือได้ว่าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นจริงๆ<br /><br /><br /><strong>3.หามุมมองจากภายนอก</strong><br /><br /> การพบปะพูดคุยเพื่อหามุมมองทางธุรกิจจากบุคคลภายนอกองค์กร เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ บางบริษัทอาจเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง สำนักงานกฎหมาย บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชี ฯลฯ เข้ามาช่วยในการทำงาน นอกจากให้คำปรึกษาเฉพาะทางแล้ว การได้ประชุมนอกรอบหรือพูดคุยแบบไม่เป็นทางการ อาจทำให้ได้รับมุมมองที่กว้างและสดใหม่ ที่ส่งผลต่อธุรกิจของคุณอย่างคาดไม่ถึง<br /><br /><br /><strong>4.ขอบคุณลูกค้าที่ดีที่สุดของคุณ</strong><br /><br /> ธุรกิจแต่ละประเภทมีนิยามคำว่า ‘ดีที่สุด’ สำหรับลูกค้าแตกต่างกันไป มองหาว่าใครคือลูกค้าที่ดีที่สุดในธุรกิจของคุณ จากนั้นลงมือแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเขามีความสำคัญมากแค่ไหน อาจจัดเป็นโปรโมชั่นหรือกิจกรรมพิเศษแทนคำขอบคุณสำหรับลูกค้า เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้<br /><br /><br /><strong>5.กระตุ้นความคึกคักให้กับธุรกิจ</strong><br /><br /> ความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน อาจส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กที่มีความเสี่ยง เปลี่ยนความรู้สึกเชิงลบเหล่านี้มาเป็นการตอบสนองตนเองด้วยการทำนายถึงอนาคตที่สดใสทางธุรกิจแทนที่ อย่าไปฟังข่าวที่มีข้อมูลแย่ๆ เชิงลบ ชวนให้หดหู่มากนัก แต่หันมาผลักดันให้ธุรกิจของคุณเดินไปข้างหน้าดีกว่า เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กควรจะมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ไม่ย่ำอยู่กับที่ ในขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยหรือทอดทิ้งการดูแลธุรกิจที่มีอยู่เดิมของคุณด้วย<br /><br /><strong>www.smethailandclub.com<br /> ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)</strong><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-7029794760315457472016-01-28T22:18:00.002-08:002016-01-28T22:18:33.423-08:00สิ้นสุดปริศนาพันปี! ไขกระจ่าง วิธีน่าทึ่งที่ชนอียิปต์โบราณใช้สร้าง 'พีระมิด' <img alt="" class="ienolimitimage" id="dominantimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build16.jpg" style="display: block; margin-left: auto; margin-right: auto; max-height: calc(6102px);" /><br />
<a href="http://www.meekhao.com/history/how-pyramid-was-built" id="source" title="source">Meekhao หมีขาว มีข่าวมาเล่าให้ฟัง</a> <span id="metaDivider">|</span> <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe width="320" height="266" class="YOUTUBE-iframe-video" data-thumbnail-src="https://i.ytimg.com/vi/C1y8N0ePuF8/0.jpg" src="https://www.youtube.com/embed/C1y8N0ePuF8?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></div>
<span class="__reading__mode__extracted__date" id="publishdate"></span> <br />
<div class="__reading__mode__mainbody" id="__reading__mode__mainbody__id">
<div id="htmlNonSecureZone">
<!-- Do not remove, see CFeedViewer::_IsElementInHTMLSecureZone --> <div class="__reading__mode__extracted__article__body" id="content">
ภูมิปัญญาของคนสมัยโบราณเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเสมอ เพราะทั้งๆ ที่ยังไม่มีวิวัฒนาการอันแสนก้าวหน้า แต่กลับมีการก่อสร้างสถาปัตยกรรมที่น่าอัศจรรย์อย่างเช่นพีระมิดสูงเสียดฟ้าในอียิปต์<br />
พีระมิดในประเทศอียิปต์นั้นตั้งอยู่กลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ซึ่งเมื่อดูสภาพภูมิศาสตร์แล้วพบว่าตั้งอยู่ห่างไกลจากแหล่งของวัสดุหลักอย่างก้อนหินขนาดยักษ์หลายกิโลเมตร<br />
แล้วชาวอียิปต์โบราณใช้วิธีไหนในการขนส่งรวมถึงยกหินหนักเป็นตันๆ ขึ้นไปเรียงตัวกันจนใหญ่โตมโหฬารได้? นักทฤษฏีจากแชนแนล pyramidsreallybuilt บนยูทูปก็ได้ออกมาอธิบายการสันนิษฐานที่ตอบโจทย์ข้อสงสัยนั้น<br />
<strong>การก่อสร้างสุดโหดย่อมก่อให้เกิดการสูญเสีย แรงงานหลายพันคนคงเหนื่อยจนสิ้นใจถ้าหากไม่มีการใช้เครื่องทุ่นแรง</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build07.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>เนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่มีพาหนะแสนสะดวกอย่างรถยนต์ การขนส่งจึงต้องอาศัยคลองที่ขุดขึ้นมาใหม่</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build06.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>น้ำทำให้วัสดุที่หนักอย่างหินนั้นเบาขึ้นจนเคลื่อนย้ายได้ง่ายดายราวกับเวทย์มนตร์</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build08.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>ชาวอียิปต์สร้างแพหนังแพะขึ้นมาเพื่อใช้ในการยกหินก้อนใหญ่</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build14.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>ไกลออกไป คนงานแกะสลักก้อนหินในลำคลอง เพื่อให้ได้รูปทรงตามต้องการ</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build03.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>จากนั้นก็ส่งมันมาทางคลองที่ขุดไว้หลายสาย</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build09.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>นี่คือคลองเหล่านั้นที่ยังพบเห็นได้ในยุคปัจจุบัน</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build05.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>ส่วนการยกหินขึ้นไปประกอบเป็นพีระมิดก็ต้องอาศัยน้ำเช่นเดียวกัน</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build01.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build11.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>พีระมิดขนาดใหญ่เต็มไปด้วยบ่อน้ำตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build12.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>คนงานมีหน้าที่แค่ควบคุมหินให้เคลื่อนไหวไปตามเส้นทางที่ต้องการ จากนั้นหินที่ถูกสร้างมาจนได้มุมพอดีแล้วก็จะทิ้งตัวลงไปยังจุดหมายโดยอาศัยกระแสน้ำ</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build13.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>สิ่งสำคัญก็คือหินแต่ละก้อนต้องทำมุมที่พอดีไม่มีพลาด คือ 51 องศา</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build15.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>ภาพด้านล่างแสดงให้เห็นว่าถ้าองศาเกิดผิดเพี้ยนน้ำก็จะไม่อยู่ในการควบคุม</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build02.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
<strong>หินแต่ละก้อนค่อยๆ ไหลไปตามคลองที่ขุดไว้ จากนั้นจึงก่อตัวกันเป็นพีระมิดขนาดใหญ่ตามการคำนวนที่แม่นยำของชาวอียิปต์</strong><br />
<div class="__reading__mode__extracted__imagecontainer" style="display: block; float: none; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 640px;">
<img class="ienolimitimage" src="http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/11/how-pyramid-build04.jpg" style="display: block; max-height: calc(2621px);" /></div>
แนวคิดดังกล่าวถือเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงทฤษฏีที่คนส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้เท่านั้น และการถกเถียงถึงวิธีการสร้างก็จะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพีระมิดคือสิ่งมหัศจรรย์ตลอดกาล ที่ช่างดูซับซ้อนล้ำหน้าเกินยุคสมัยนั้นเหลือเกิน<br />
ถ้าหากใครอยากศึกษาแบบละเอียดก็สามารถชมวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลย<br /><br /> ที่มา: <a href="https://www.panjury.com/verdict/this-is-how-the-pyramid-was-built">panjury</a><br />
<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
</div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-1934852302772671912016-01-28T22:17:00.002-08:002016-01-28T22:17:30.323-08:00การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในตลาดการเงินที่ค่อนข้างจะผันผวนเนื่องจากตลาดการเงินที่ค่อนข้างจะผันผวนในปีนี้นะคะ เราจะเห็นว่านักลงทุนเริ่มที่จะให้ความสนใจในการลงทุนทางเลือกมากขึ้น เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์<br />
การลงทุนคอนโดให้เช่า เป็นอะไรที่ได้รับความสนใจมากทีเดียว โดยแนวทางการลงทุนที่เป็นกระเสอยู่ตอนนี้คือ "การลงทุนคอนโดโดยไม่ใช่เงินตัวเองแม้แต่บาทเดียว" ซึ่งทำได้โดยกู้เงินเต็ม 100% ของมูลค่าคอนโดจากธนาคาร ไม่ต้องใช้เงินตัวเองดาวน์ และปล่อยคอนโดให้เช่า โดยค่าเช่าที่ได้รับจะต้องเท่ากับหรือมากกว่าเงินที่ต้องผ่อนธนาคารในแต่ละเดือน ฟังดูเป็นแนวคิดที่ดีเลยใช่ไหมคะ ทั้งไม่ต้องลงทุนเงินตัวเองเลย ไม่ต้องผ่อนธนาคาร ได้กำไรจากค่าเช่า แถมยังได้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อีก<br />
วันนี้เลยอยากจะมาชี้ให้เห็นถึงมุมมองอีกด้านหนึ่งนะคะ ว่าการกู้เงินมาลงทุน หรือ เรียกว่าการใช้ Leverage มีความเสี่ยงอย่างมากที่ไม่เราไม่อาจมองข้ามได้ค่ะ อย่างผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่บริหารกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ยังต้องมีการจำกัดว่าสามารถกู้เงินมาลงทุนได้เป็นอัตราส่วนเท่าไหร่ของมูลค่าสินทรัพย์ (Loan-to-Value หรือ "LTV") ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 80% เช่น ถ้ามูลค่าคอนโดอยู่ที่ 1 ล้านบาท ก็จะกู้เงินมากที่สุดแค่ 8 แสนบาทเท่านั้น<br />
ทำไมถึงต้องกำหนดว่าจะใช้ Leverage ได้เท่าไหร่ด้วยล่ะ?<br /> ที่ต้องกำหนดไว้ก็เพราะว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงในเวลาที่มูลค่าของสินทรัพย์ลดลง (Buffer) ลองมาดูตัวอย่างง่ายๆกันดีกว่าค่ะ สมมุติว่าเรามีเงิน 2 แสนบาท กู้เงิน 8 แสนบาท เพื่อมาซื้อคอนโดราคา 1 ล้านบาทนะคะ ในกรณีนี้เรามี Leverage Ratio ที่ 10:2 (หรือ 5:1) ซึ่งหมายถึง ในทุกๆ 10 บาทของมูลค่าสินทรัพย์ เราใช้เงินตัวเอง 2 บาท<br />
ถ้าเวลาหนึ่งปีผ่านไป ราคาคอนโดเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านบาท เราจะมองได้ว่า เราได้กำไร 10% ใช่ไหมคะ แต่จริงๆแล้วเราลงทุนเงินตัวเองแค่ 2 แสนบาทเท่านั้น แต่ได้กำไร 1 แสนบาท เท่ากับกำไร 50% เลย (ในกรณีนี้สมมุติง่ายๆว่าไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้นะคะ แต่ในชีวิตจริงแล้วเราต้องเสียดอกเบี้ย การคำนวณกำไรต้องหักลบจำนวนดอกเบี้ยที่เราเสียด้วยค่ะ) เราจะเห็นได้ว่าการกู้เงินมาลงทุนสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากเงินต้นของเราได้ทีเดียว (Leverage Enhance Return)<br />
แต่ถ้าในทางกลับกันล่ะ มูลค่าของคอนโดลดเป็น 9 แสนบาท เท่ากับ เราขาดทุน 50% จากเงินลงทุนเลยทีเดียว คิดง่ายๆได้โดย มูลค่าคอนโด 9 แสนบาท หักลบหนี้ 8 แสนบาท เหลือเป็นส่วนของเราแค่ 1 แสนบาท (ถ้าคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้เข้าไปอีก ก็คือขาดทุนมากกว่า 50% อีกค่ะ)<br />
คราวนี้เราลองกลับมาดูที่แผนการลงทุนโดยไม่ใช่เงินตัวเองเลยสักบาทเดียวนะคะ คอนโด 1 ล้านบาท หากมูลค่าลดลงเหลือ 9 แสนบาท นั่นหมายถึง เรามีเงินกู้ที่ต้องคืน 1 ล้านบาทรวมดอกเบี้ย ในขณะที่คอนโดมีมูลค่า 9 แสนบาทเท่านั้น ต่อให้เราขายคอนโดได้ เราก็ยังเข้าเนื้อตัวเองอย่างน้อยหนึ่งแสนบาท <br />
หลายๆคนอาจจะมองว่าถ้าเราไม่ขายคอนโดล่ะ เราก็ยังไม่ต้องรับรู้การขาดทุนนี้ (Unrealized Loss) ซึ่งก็ทำได้ค่ะ ถ้าเรายังมีผู้เช่าที่จ่ายเงินให้เราทุกเดือนไปผ่อนธนาคารได้ แต่ถ้าเกิดเราไม่มีผู้เช่าล่ะ กลายเป็นว่าเรามีมูลค่าหนี้ที่ต้องผ่อนชำระที่มากกว่ามูลค่าคอนโดของเราเสียอีก<br />
นี่คือตัวอย่างง่ายๆ และสมมุติว่าราคาคอนโดลงมาแค่ 10% เท่านั้นนะคะ ในช่วงเวลาวิกฤต Subprime ของอเมริกาที่ผ่านมาในช่วงปี 2007-2009 มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ได้ปรับตัวลงเกินกว่า 30% ทำให้ผู้กู้เงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะไม่ผ่อนต่อ และให้ธนาคารยึดอสังหาริมทรัพย์ไป เนื่องจากมูลค่าหนี้ที่มีสูงกว่ามูลค่าหลักทรัพย์มาก ผ่อนต่อไปก็ไม่คุ้ม เท่ากับว่าเงินที่เราผ่อนไปแล้วก็เสียไปฟรีๆ แถมคอนโดก็โดนธนาคารยึดอีก <br />
แต่ถ้าเราลงทุนเงินตัวเองสัก 4 แสนบาท ต่อให้ราคาคอนโดลดมา 30% เหลือ 7 แสนบาท เราก็มีภาระหนี้ที่ 6 แสนบาทรวมดอกเบี้ยเท่านั้น เราก็ยังอยากผ่อนต่อเพราะคอนโดมีมูลค่าสูงกว่าหนี้ที่เหลือ เราไม่อยากให้ธนาคารยึดคอนโดไป ถึงจะขาดทุนเงินดาวน์ไปแล้ว แต่เราไม่ได้มีหนี้มากกว่าสินทรัพย์ จะเห็นได้ว่าการลงทุนเงินตัวเองมากเท่าไหร่ เราก็จะมี Buffer รองรับการลดลงของมูลค่าคอนโดมากเท่านั้น<br />
ในขณะที่การไม่ลงทุนตัวเองสักบาทเดียว หากมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ลดลงแม้แต่นิดเดียว เราก็จะมีหนี้ทันทีนะคะ แทนที่จะเป็นการลงทุนที่ได้กำไร กลับมีหนี้เสียอีก เทียบกับการเล่นหุ้น (ที่ไม่ได้ Leverage หรือกู้เงินมาเล่นนะคะ) เราขาดทุนสูงสุดก็แค่มูลค่าพอร์ตเราเท่านั้น เราไม่ได้มีหนี้เพิ่ม Hedge Fund ที่โด่งดังในอดีตหลายกองที่ปิดตัวไปก็เพราะว่าการกู้เงินมาลงทุนอย่างมาก (Excessive Leverage) เมื่อผลการลงทุนไม่เป็นที่คาดหวัง ทำให้กองทุนมีหนี้มากมาย จนรัฐบาลต้องเข้ามาช่วยชำระหนี้ให้ก็มีค่ะ <br />
เพราะแบบนี้แหล่ะค่ะ ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพทั้งหลายถึงต้องมีการกำหนด LTV หรือ Leverage Ratio ในการจำกัดไม่ให้ใช้หนี้มากเกินไปในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์อะไรก็ตาม เพราะกู้เงินมามากเท่าไหร่ เมื่อผลการลงทุนไม่เป็นตามที่คาดหวัง ความเสียหายก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น (Leverage Multiply Loss)<br />
หวังว่าบทความนี้จะนำเสนอมุมมองอีกด้านให้กับผู้ลงทุนเรื่องการกู้เงินมาลงทุนนะคะ ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างดีไปหมด เป็นไปตามแผนทุกอย่าง การกู้เงินมาลงทุนจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้มากขึ้น แต่ถ้าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้น ตามคำกล่าวในวงการการเงินว่า "When the music stops" การกู้เงินมาลงทุนจะสร้างหนี้ให้เราอย่างมากค่ะ<br />
เพจ DD Healthymind ที่เป็นเพจที่ให้ความรู้ในเรื่องการลงทุนคอนโด ได้เคยพูดเรื่องการกู้เงินมาลงทุนไว้อย่างน่าสนใจเหมือนกันค่ะ <a href="https://www.facebook.com/DDhealthymind/posts/1641060196171750">https://www.facebook.com/DDhealthymind/posts/1641060196171750</a><br />
<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike><br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-43085845200809611642016-01-28T22:16:00.002-08:002016-01-28T22:16:55.115-08:00คุณครูอธิบายว่า “การแกล้งกันในโรงเรียนประถมเป็นเรื่องปกติ โรงเรียนไหนๆ ก็มี เด็กๆ ย่านนี้ก็ซนๆ กันทั้งนั้น เราไม่สามารถดูแลเด็กทุกคนได้หรอกครับ”<div class="text_exposed_root text_exposed" id="id_56ab0394be0595874734050">
<img alt="" aria-busy="false" aria-describedby="fbPhotosSnowliftCaption" class="spotlight" src="https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xpf1/v/t1.0-9/11822316_283803635123157_567147210308093397_n.jpg?_nc_ad=z-m&oh=15a98d9b5279f36380b3fa723bf91531&oe=57284401" style="height: 704px; width: 479px;" /><b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
<div class="text_exposed_root text_exposed">
【คุณแม่ที่ไม่ดุลูก】<br /><br /><span> สมัยเรียนมัธยม ซายากะจังเป็นสาวสุดซ่าตัวแ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>สบประจำคลาส<br /><span> เธอเริ่มไปเรียนพิเศษกวดเข้</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ามหาวิทยาลัยตอนม.5<br /><span> เธอทำข้อสอบวัดทักษะความรู้</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ของโรงเรียนกวดวิชา<span class="text_exposed_hide">...</span><span class="text_exposed_show"><br /><span> ผลสอบคือ..... “ระดับความรู้เทียบเท่าชั้น</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ป.4”<br /><br /> แต่ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง<br /><br /> เด็กม.5 สติปัญญาป.4 คนนี้ สอบเข้ามหาวิทยาลัยเคโอ<br /><span> ... ม.เอกชนที่สอบเข้ายากที่สุด</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ในญี่ปุ่นได้สำเร็จ<br /><br /><span> ผู้อยู่เบื้องหลังปาฏิหาริย</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>์ของเธอ คือ ครูสอนพิเศษ และ “ก้าจัง”<br /> วันนี้ ดิฉันขอเล่าถึง “ก้าจัง” ค่ะ<br /><span> ++++++++++++++++++++++++++</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>+++++++++++++<br /> “ก้าจัง(*)” หรือ คุณแม่ของซายากะจัง มีลูก 3 คน<br /> คือ ซายากะ...ลูกสาวคนโต ลูกสาวคนรอง และลูกชาย<br /><br /> ตอนเด็กๆ ซายากะจังโดนเพื่อนแกล้ง<br /><span> ก้าจังบุกไปถึงโรงเรียนเพื่</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>อพบครู<br /><br /> คุณครูอธิบายว่า <br /><span> “การแกล้งกันในโรงเรียนประถ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>มเป็นเรื่องปกติ โรงเรียนไหนๆ ก็มี<br /><span> เด็กๆ ย่านนี้ก็ซนๆ กันทั้งนั้น เราไม่สามารถดูแลเด็กทุกคนไ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ด้หรอกครับ”<br /><br /><span> วันนั้น ก้าจังให้ลูกลาออกและย้ายโร</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>งเรียนทันที<br /><br /> พอขึ้นชั้นมัธยม ซายากะจังเริ่มแต่งหน้า ย้อมผม <br /> ใส่ชุดผิดระเบียบ ไม่เข้าเรียน<br /><span> ครูบางคนถึงกับด่าเธอว่า “นักเรียนอย่างเธอมันคือขยะ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ชัดๆ”<br /><br /><span> ก้าจังโดนโรงเรียนเรียกไปพบ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>อยู่บ่อยๆ<br /> เธอก้มศีรษะขอโทษ แต่ขณะเดียวกัน ก็พร่ำบอกครูว่า<br /><br /> “ลูกดิฉันเป็นเด็กดีค่ะ <br /><span> โปรดอย่าตัดสินเด็กว่าเป็นเ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span><span>ด็กดีหรือเลวแค่ที่เครื่องแ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>บบ<br /> หรือคะแนนสอบสิคะ”<br /><br /><span> สถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้น ตอนที่ซายากะถูกครูจับได้ว่</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>า สูบบุหรี่<br /><br /> ครูเรียกเธอมาพบที่ห้อง และขู่ว่า<br /> “ซายากะ...สารภาพมาซะดีๆ มีใครไปสูบกับเธออีกบ้าง <br /> ถ้าเธอสารภาพ โรงเรียนจะลดโทษให้”<br /><br /><span> ซายากะปกป้องเพื่อนโดยการปิ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ดปากเงียบ<br /><br /> พอก้าจังมาพบฝ่ายปกครอง เธอบอกทางโรงเรียนว่า<br /><br /><span> “การให้เด็กนักเรียนขายเพื่</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>อนตัวเอง <br /><span> เป็นนโยบายการศึกษาของทางโร</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>งเรียนเหรอคะ<br /><span> ถ้าอย่างนั้น ครูจะไล่ลูกดิฉันออกก็เชิญค</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>่ะ<br /><span> แต่ดิฉันภูมิใจในตัวลูกสาวด</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ิฉันมาก”<br /><br /><span> ++++++++++++++++++++++++++</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>+++++++++++++<br /> คนในสังคมอาจมองก้าจังว่า เป็นแม่ที่ “ตามใจลูกเหลือเกิน”<br /> แต่ก้าจังมองว่า <br /><span> เธอจะทำทุกวิธีเพื่อให้ลูกร</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ู้ว่า<br /> เธออยู่ข้างๆ พวกเขา พร้อมปกป้องพวกเขา<br /><br /> เวลาลูกทำดี เธอจะชมเสมอๆ<br /> เวลาลูกทำผิด เธอไม่ดุด่า<br /> แต่จะค่อยๆ สอน ค่อยๆ บอกให้เขารู้<br /> แยกให้ออกระหว่าง "การเตือน" กับ "การดุด่าโดยใช้อารมณ์"<br /><br /><span> ++++++++++++++++++++++++++</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>+++++++++++++<br /> “กำเนิดก้าจัง”<br /><br /><span> ตอนเด็กๆ คุณแม่เลี้ยงก้าจังแบบเข้มง</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>วดมาก<br /> แม่อยากให้เธอเป็นกุลสตรี มารยาทดี ทำงานบ้านเก่ง <br /> จะได้แต่งงานไปมีชีวิตดีๆ มีความสุข<br /><br /> แม่ดุและบ่นก้าจังตลอดเวลา<br /> “ล้างจานไม่ได้เรื่อง ต้มผักแย่”<br /><br /><span> เธอรู้ว่าแม่อยากให้เธอได้ด</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ี แต่เธอก็ทรมาน<br /><span> เธอคิดเสมอๆ ว่า “ฉันมันเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ลย”<br /><span> ความมั่นใจในตัวเองของเธอสล</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ายไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้<br /><br /><span> นอกจากนี้ ตอนเด็กๆ ก้าจังเห็นแม่โดนพี่น้องมาข</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>อเงินอยู่บ่อยๆ<br /> พี่สาวแม่ เรียนจบมหาลัยชื่อดัง หน้าตาสะสวย ได้แต่งงานกับคนรวย<br /> แต่เธอใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย จนทำให้สามีล้มละลาย<br /><br /><span> ส่วนน้องชายแม่ เคยเป็นนักเบสบอลตัวเอกของท</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ีม <br /> และฝันอยากไปทีมชาติ แต่พอล้มเหลว<br /><span> ก็กลายเป็นคนที่ไม่เอาการเอ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>างานและติดการพนัน<br /><br /> “หน้าตาสะสวย” “เรียนจบม.ชื่อดัง” “ตำแหน่งดังๆ”<br /> ไม่ได้ทำให้คนมีความสุขเลย<br /><br /> เมื่อมีลูก เธอจึงอยากให้ลูกรักตัวเอง <br /><span> ไม่ได้เกลียดตัวเองเหมือนที</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>่เธอเคยเป็น<br /><br /><span> เธออยากให้ลูกๆ เป็นเด็กที่มีความสุขที่สุด</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span> <br /><span> ไม่ใช่เด็กที่เรียนเก่งที่ส</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ุด หรือรวยที่สุด<br /><br /> เพราะฉะนั้น ถ้าลูกไม่ไปโรงเรียน เธอไม่โมโห ไม่บังคับให้เชื่อฟังครู<br /> แต่จะถามเหตุผลว่า ทำไมไม่อยากไป<br /><br /> ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป<br /> พอเด็กรู้สึกสบายใจ เดี๋ยวเด็กก็เริ่มอยากไปเอง<br /> ถึงตอนนั้น เธอก็จะชมและให้กำลังใจเขา คอยอยู่เคียงข้างเขา<br /><span> ++++++++++++++++++++++++++</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>+++++++++++++<br /> “ลูกชายกับพ่อ”<br /><br /><span> คุณพ่อซายากะรับไม่ได้ที่ก้</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span><span>าจังเลี้ยงลูกสาวคนโตและคนร</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>อง<br /> แบบให้อิสระขนาดนี้<br /> พ่อยื่นคำขาดว่า เธอดูลูกสาวของเธอไป ส่วนฉันจะดูแลลูกชายเอง<br /><br /><span> พ่อฝันอยากให้ลูกชายเป็นนัก</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>กีฬาเบสบอลทีมชาติ<br /><span> แกฝึกลูกชายอย่างหนักตั้งแต</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>่เล็กๆ<br /> ทุ่มเทฝึก สั่งสอน อบรม<br /><span> พ่อไม่เคยซื้อของขวัญอะไรให</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>้ลูกสาวเลย<br /><span> แต่กลับซื้อรองเท้ากีฬาและถ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span><span>ุงมือเบสบอลที่ดีที่สุดให้ล</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ูกชาย<br /><br /><span> ความฝันและความทุ่มเทของพ่อ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span> <br /><span> กลับกลายเป็นแรงกดดันอันหนั</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>กอึ้งบนไหล่ลูกชาย<br /><br /> สุดท้าย ตอนม.ปลาย ลูกชายรับแรงกดนั้นไม่ไหว<br /><span> เขาเกลียดเบสบอลจนขอลาออกจา</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>กชมรม และไม่กลับไปอีกเลย<br /><span> ++++++++++++++++++++++++++</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>+++++++++++++<br /> “ลูกสาวกับแม่”<br /><br /><span> พ่อเลี้ยงดูลูกชายแบบเข้มงว</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span><span>ด แต่แม่กลับเลี้ยงดูแบบปล่อย</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>อิสระ<br /> วิธีหว่านพืชต่างกัน ผลที่งอกงามก็ต่างกัน<br /><br /><span> +ตอนซายากะถูกครูจับเรื่องม</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ีบุหรี่<br /><span> เธอเห็นแม่ก้มหัวขอโทษทั้งน</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>้ำตา แต่ก็ยังปกป้องเธอ และภูมิใจในเธอ<br /><span> เธอรู้สึกผิดและตัดสินใจเลิ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>กบุหรี่ตั้งแต่วันนั้น...<br /><br /> +ตอนที่ถูกพักการเรียน ก้าจังเดินมาถามว่า <br /> สนใจไปเรียนพิเศษสักนิดไหม ลองไปฟังก่อนนิดนึงก็ได้<br /><span> ซายากะเชื่อว่าแม่อยู่เคียง</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ข้างเธอเสมอ ทำเพื่อเธอเสมอ <br /> จึงเชื่อฟังคำแนะนำของแม่ ....ยอมไปเรียน<br /><span> (จนได้พบกับครูสอนพิเศษที่เ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ปลี่ยนชีวิตเธอ ไว้จะเล่าให้ฟังค่ะ)<br /><br /><span> + ตอนก้าจังไปขอเงินพ่อเพื่อส</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>่งลูกเรียนพิเศษ<br /><span> พ่อของซายากะเห็นความเหลวไห</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ลของลูกสาว <br /> แถมมองว่า ภรรยาโดนครูสอนพิเศษหลอก<br /><span> อย่างซายากะเหรอจะเข้าม.เคโ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>อ ไม่มีทาง....<br /><br /><span> แต่ก้าจังที่อยู่เคียงข้างล</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ูกมาตลอด กลับเชื่อมั่นในตัวลูก<br /> เมื่อคุณพ่อก็ปฏิเสธ ไม่ยอมออกเงินค่าเรียนพิเศษ<br /><span> ก้าจังเลยไปทำงานพิเศษเพื่อ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>หาเงินส่งลูกเรียนเอง<br /><br /><span> +ตอนซายากะลองทำข้อสอบวัดผล</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span><span> แล้วได้คะแนนต่ำกว่าที่คิดไ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ว้เยอะ<br /><span> เธอคิดจะเลิกสอบเข้าม.เคโอ.</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>.มันเป็นไปไม่ได้<br /><br /><span> เมื่อก้าจังได้ยินลูกสาวพูด</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span> <br /> เธอบอกว่า “ถ้าเหนื่อย ก็พอเถอะลูก”<br /><span> แต่ประโยคนั้น กลับทำให้ซายากะฮึดสู้ขึ้นอ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ีกครั้ง<br /><br /><span> ซายากะยังจำซองใส่ปึกธนบัตร</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span><span>หนาเตอะที่เป็นค่าเรียนพิเศ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ษได้<br /><span> ธนบัตรปึกนั้นมาจากน้ำพักน้</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ำแรงของแม่<br /><br /><span> ก้าจังทำเพื่อเธอมาตลอดชีวิ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span><span>ต เธอก็เลยอยากทำเพื่อก้าจังบ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>้าง<br /><span> อยากให้ก้าจังดีใจที่เธอสอบ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>เข้าได้<br /><br /> ...และเธอทำสำเร็จ<br /><span> ++++++++++++++++++++++++++</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>+++++++++++++<br /> ในฐานะอาจารย์คนหนึ่ง<br /><span> ดิฉันคงไม่ค่อยปลื้มเด็กแบบ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ซายากะจังเท่าไร<br /><span> แต่งตัวทำผมแบบนั้น...แถมยั</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>งโดดเรียนอีก<br /><br /><span> แต่พอคิดดีๆ ...ดิฉันก็เกิดคำถามกับตัวเ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>อง<br /><br /><span> ใครที่ทำให้เด็กคนนี้ต่อต้า</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>นโรงเรียน<br /><span> ถ้าเด็กคนนี้เหลวไหลจริง แต่ทำไมเธอถึงกลับมาทุ่มเทอ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>่านหนังสือสอบ<br /> จนเข้ามหาลัยได้<br /><br /><span> ตอนติวสอบเข้า ซายากะตัดสินใจเลิกแต่งหน้า</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span> เลิกย้อมผม<br /><span> เอากรรไกรมาตัดผมตัวเองให้ส</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ั้นกุด <br /> จะได้เอาเวลาไปดูหนังสือ ไม่ต้องแต่งตัวอีก <br /><span> หน้าตาน่าเกลียดๆ อย่างนี้ดีแล้ว จะได้ไม่กล้าไปเที่ยวกับเพื</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>่อน<br /><span> ไม่มีใครบอกให้เธอทำอย่างนั</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>้น<br /> เด็กคนนี้คิดเอง ทำเอง <br /><br /><span> ความรักและวิธีสอนลูกแบบก้า</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>จัง<br /><span> แม้จะสร้างเด็กที่ดูภายนอกเ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>หมือนเป็นเด็กแบบไม่เอาถ่าน<br /><br /> แต่จริงๆ แล้ว ก็เป็นเด็กที่มีน้ำใจ อ่อนโยน และคิดถึงผู้อื่น โดยเฉพาะแม่<br /><br /> คำชม แทนที่ คำด่า<br /> เหตุผล แทนที่ อารมณ์<br /><span> การให้อิสระ แทนที่ การยัดเยียดความต้องการของพ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>่อแม่<br /><br /> ความเชื่อมั่นในตัวลูก <br /><span> ความเชื่อมั่นในความรักที่ใ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ห้ลูก <br /><span> และความเชื่อมั่นว่าลูกรับร</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ู้ความรักตนเองได้<br /><br /><span> นี่คือวิธีการสอนลูกแบบก้าจ</span><wbr></wbr><span class="word_break"></span>ังค่ะ<br /><br /><a data-hovercard="/ajax/hovercard/page.php?id=272385739598280&extragetparams=%7B%22directed_target_id%22%3A0%7D" href="https://www.facebook.com/japangossip/?fref=photo">Japan Gossip by เกตุวดี Marumura</a><br /></span></div>
<div class="__reading__mode__mainbody" id="__reading__mode__mainbody__id">
<div id="htmlNonSecureZone">
<div class="__reading__mode__extracted__article__body" id="content">
===================================================<br />
หมายเหตุ: จริงๆ ซายากะเรียกคุณแม่ว่า “อ้าจัง” ไม่ใช่ “ก้าจัง” แต่พอเขียนเป็นภาษาไทยแล้วดูตลก ไม่เหมือนชื่อเรียก เกรงว่า ผู้อ่านจะสับสน จึงขออนุญาตใช้คำว่า “ก้าจัง” ซึ่งมาจากคำว่า “โอก้าซัง” ที่แปลว่า "แม่" ในบทความค่ะ</div>
</div>
<div class="pages_pending_container" id="pages_pending_container" style="display: none;">
<progress class="progress_pages_pending"></progress></div>
<div class="__reading__mode__copyright" id="copyright">
Facebook © 2016<b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-43769063043710037.post-17142258891218335282016-01-28T22:15:00.002-08:002016-01-28T22:15:23.005-08:00แชร์ประสบการณ์ แนวคิด กับคำว่า “ระบบเทรด” ในทัศนคติ และประสบการณ์ ของ “ผม” <img alt="" class="iewidthlimitimage" id="dominantimage" src="http://www.rattanasak.com/wp-content/uploads/2015/11/trading-system.jpg" style="display: block; margin-left: auto; margin-right: auto; max-height: calc(2309px);" /><br />
อ่านเล่นๆ ไปก่อนนะครับ ยังเขียนไม่หมด ขอคิดก่อนว่าจะเพิ่มไรยังไง เพราะมีหลายประเด็นไม่กล้าเขียน เป็นข้อความที่ผมจะเขียนให้น้องคนหนึ่งนะครับ ขอให้แทนตัวเองว่าพี่ละกัน)<br />
<div style="text-align: justify;">
มีน้องมาคุย มาถามเกี่ยวกับแนวคิดการทำระบบ การสร้างระบบ การสร้าง EA, Robot Trade ส่วนใหญ่คำถามมักจะจะมาแนวเดียว กันคือ …<strong><span style="color: red;">” พยายามหา พยายาม optimize ให้ได้ค่าที่ดีที่สุด”</span> </strong>เลยขออนุญาติ เขียน เล่า สรุป แบบไม่ได้กลั่นกรองไรมากนะครับ เขียนจากประสบการณ์ อาจจะมีข้อผิดพลาดเยอะ แต่คิดว่า จะได้เป็นแนวทางแนวคิด ให้คนที่สนใจด้านนี้นำไป ปรับแต่ง แก้ไข จากข้อผิดพลาดของผม ต่อไป</div>
<br /> #ภาพประกอบจาก internet<br />
<strong>“</strong><strong>ถ้าคุณทำระบบแล้วมุ่งแต่การ </strong><strong>optimize </strong><strong>คุณก็จะได้ระบบที่ดีที่สุดในอดีตระบบหนึ่ง แต่มันไม่ได้รับประกันว่าจะดีที่สุดในอนาคต แต่ถ้าคุณไม่ </strong><strong>Optimize </strong><strong>เลย คุณก็จะได้ระบบมโนตามจิต … ที่ไม่รู้ว่า ความเสี่ยง คืออะไรยังไง มาใช้</strong><strong>”</strong><br />
<div style="text-align: justify;">
<em>#</em><em> ปรับแต่งข้อความจากหนังสือ Market Wizard</em></div>
<div style="text-align: justify;">
<strong><u>จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ อาจจะไม่ตรงกับหลักการทฤษฏี แต่ลองใช้เหตุผล วิเคราะห์ตามพี่ดูนะครับ</u></strong></div>
<ul style="text-align: justify;">
<li>ทุกตลาดมี market marker ไม่ก็ต้องมีขาใหญ่คุม หรือสามารถทำอะไรบางอย่างในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆได้</li>
<li>หลายๆ ตลาดเป็น Zero Sum Game มีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย</li>
<li>ตลาดมีผู้เล่น 2 ฝั่ง…มีคนซื้อ ก็ต้องมีคนขาย</li>
<li>ทุกหลักการทฤษฏี ยิ่งถ้าคนใช้เป็นระยะเวลายาวนานแสดงว่ามันต้องมีดีของมัน เราไม่ต้องไปว่าคนที่เขาไม่ได้ใช้หรือทำไม่เหมือนเรา</li>
</ul>
<div style="text-align: justify;">
<strong><u>ทีนี้มาดูสำหรับประสบการณ์พี่มี 2 </u></strong><strong><u>ตลาดคือ</u></strong></div>
<div style="text-align: justify;">
<strong><u>ตลาดไทยกับเรื่องระบบเทรด</u></strong></div>
<div style="text-align: justify;">
<strong><u>แง่คิดง่ายๆ </u></strong></div>
<div style="text-align: justify;">
ถ้าใครสักคนที่ทำระบบที่สามารถทำกำไรได้สูงๆ ทำกำไรได้แบบ แน่นอน ไม่เสี่ยง… (ใช้คำว่าไม่เสี่ยงมากก็ได้)…เขาคงไม่เอามาเร่ขาย แต่เขาควรเอามันไปทำเงิน สร้างเงิน ต่อให้ได้น้อยก็เหอะ ในระยะยาวยังไงก็ได้ เขาควรจะเก็บมันไว้สร้างฐานให้เขา หรือคนที่เขารัก อนาคตของคนเหล่านั้นก่อนดีกว่าไหม…ดีกว่าเอามาขาย ไม่ก็วิ่งไปหานายทุน ขายบ้าน ขายรถ เทใส่ให้หมดเลย</div>
<div style="text-align: justify;">
แต่ถ้าการที่เอามาขาย พี่ก็เดาว่า ระบบเอง<strong> ยังมีความสี่ยง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ คนขายเขาก็รู้ แต่คนซื้อ..ต่างหากที่ไป มโน กำไรสูงๆ โดยไม่อย่างเสี่ยง (ความเสี่ยง เกิดจากความไม่รู้ +ความโลภ ที่เกินความรู้) </strong> แน่นอน ดังนั้นการเอามาขายหรือมาให้บริการ มันก็ต้องบวกความเสี่ยง มากน้อยก็ว่ากันไป ซึ่งคิดว่าคนขายคนทำระบบดีๆ เขาจะแจ้ง ส่วนพวกที่กำไร 100% 1000% ในระยะสั้นๆ คำโฆษณาเวอร์ๆ นะ… ก็ลองขอดูผลงานที่เชื่อถือได้จากเขาดู และต้อง…ระยะเวลายาวๆ นานๆ หน่อย ถ้าไม่มีให้ดู หรือตัดนั่น ต่อนี่ ก็ให้ระวังทุน ระวังตัวกันไว้ก่อน มองความเสี่ยง ก่อนมองกำไร เพราะ…. ไม่มีระบบไหน จะสามารถคำนวณ ความโลภ ความกลัวของคนในระยะสั้นได้แม่นยำ 100% ได้เสมอไปหรอก นั่นแหละเขาเลยเลือกที่จะใช้ TF ใหญ่ๆ หรือ Period ใหญ่ๆ ในการลงทุนกัน</div>
<div style="text-align: justify;">
<strong><u>ปัญหาที่พี่เจอ</u></strong></div>
<ul style="text-align: justify;">
<li>ระบบการเทรด หรือแนวคิดการเทรดที่เป็นระบบเทรดของผมส่วนใหญ่ …ทำกำไรได้แค่ระยะสั้นๆ เท่านั้น มากสุดที่รับได้ตอนนี้คือ 3-4 เดือน เท่านั้น หลังจากนั้น %DD มันสูง ผมก็เลยหยุด กลับมาแก้ พัฒนา ทำหลายระบบ บางตัวก็เจ้ง บางตัวก็กำไรบ้าง บางตัวก็กำไรเยอะ เฉลี่ยภาพรวมคือ ขยับนิดหน่อย ในบางรอบ และบางรอบก็ต้องกลับมาทวนใหม่</li>
<li>สาเหตุมีหลายสาเหตุ และกำลังทำการแก้ไข พัฒนา ไปเรื่อยๆ คาดว่าคงต้องใช้เวลา ลองผิด ถูกอีกเยอะมาก วางไว้อีก 2-3 ปี น่าจะพอเห็นรูปร่างที่ชัดเจน…ผมไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก เพราะตอนนี้เทรดมือ ก็เอาตัวรอดได้อยู่</li>
</ul>
<div style="text-align: justify;">
<strong><u>ถามว่าข้อสรุปคืออะไร…. </u></strong></div>
<div style="text-align: justify;">
สรุปก็คือ สำหรับพี่…<strong> ณ วันนี้ พี่ยังใช้ …เครื่องมือ ช่วยในการเทรด ประมาณ 70% ของการเทรด คือใช้มันเป็น tools ในการช่วยตัดสินใจ</strong> มีระบบซื้อขายจริงที่ทดสอบทดลอง กับ ตลาด FOREX, GOLD แต่ก็ไม่ได้ดังใจเท่าไรนัก ก็กำลังพยายามปรับ คิด แต่ง ไปเรื่อยๆ เพราะเพิ่งทดสอบ ลองมาได้ 2 ปีกว่าๆ <strong>แต่ถามว่า port โตไหม..ตอบครับว่า.โต แต่ไม่ได้โตจากระบบเทรด แต่โตจากการใช้ระบบเทรดมาช่วยในการตัดสินใจหรือการเทรดครับ</strong></div>
<div style="text-align: justify;">
ทั้งปวงคือประสบการณ์ มุมมอง ส่วนตัวของพี่เอง..เลยไม่กล้าตอบว่า …ต้องทำไรยังไง ปรับอะไร เพราะ …<strong>การที่พี่ยังทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้</strong> แต่พี่อาจจะคาดหวังหรือต้องการอะไรจากคำว่าระบบ เยอะมากเกินไปก็เป็นไปได้ครับ แต่พี่แชร์ไว้ว่า การทีเราจะเชื่อใคร อะไรยังไง …สมัยนี้ควรฟัง เพื่อเป็นข้อมูล แล้วเราก็ต้องนำมาวิเคราะห์ต่อ เพื่อตัดสินใจเอง วันนี้คนเก่งเยอะ คนสอนเยอะ แยกยาก แต่เขาบอกว่า …<strong>จะเชื่อคำพูดใครมากกว่ากัน ให้ดูว่าปัจจุบันเขาเป็นยังไง</strong> ถ้าจะดูว่าสิ่งที่เขาบอกสอน ว่ามีความจริงมากน้อยแค่ไหน ถ้าดู port เขาประกอบได้ มันก็น่าเชื่อ แต่ถ้าพูดสวย พูดเก่ง สอนเก่ง แปลมาสอนเก่ง เราก็ฟัง เรียนเพื่อรู้ …เขาไม่ได้ผิด แต่เรานะผิด ถ้าไม่นำมา <strong>“ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ “</strong></div>
<div style="text-align: justify;">
<span style="color: red;">ด้วยความเคารพนะครับ…เน้นว่าทั้งหมดที่ ทัศนคติ กับ ประสบการณ์ แนวคิด ส่วนตัวผม …เท่านั้น</span></div>
<div class="pages_pending_container" id="pages_pending_container" style="display: none;">
<progress class="progress_pages_pending"></progress></div>
<div class="__reading__mode__copyright" id="copyright">
Copyright © 2014 by Jigsaw Office. Powered by Mr. Rattanasak Salee. <b></b><i></i><u></u><sub></sub><sup></sup><strike></strike></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03086089178261355827noreply@blogger.com0